5 พฤษภาคม 2551 09:25 น.
ลานเทวา
( ๑ )
พ่อจ๋า....พ่อเห็นดาวนั้นไหม
ดาวสดใสระยับประดับฟ้า
หนูอยากปีนไปเก็บเอาลงมา
ประดับท้องทุ่งนา.....ยามค่ำคืน
เจ้าดอกดวงรวงดาวคงพราวสวย
ท่ามสายลมระชวยโชยชื่น
สุมไฟสุมฟอนท่อนฟืน
หลับสักตื่นพักผ่อนเอาแรง
( ๒ )
ลูกเอ๋ย.....เจ้าลูกรัก
โยงสายฝันทอถักผูกใจแกว่ง
เปลเดือนเคลื่อนหาวดาวแปลง
โรงละครแสดงตรงเพิงร้ายชายนา
หลับเถอะนะ...ขวัญอ่อน
ดาวใดจะจรสู่ปรารถนา
ดาวห้วงดวงไหนหรือสดใสกว่า
ดาวนัยน์ดวงตาของเจ้า...ลูกรัก....
หลับเถอะคนดี
ชาวนาวิถีนี้มันเหนื่อยหนัก
ซากซังแอบอิงให้พิงให้พัก
กองฟางจะถักแทนเปลเห่นอน
ค่ำนี้....นิทานรวงข้าว
คงไม่ยาวเหมือนเช่นคืนก่อน
งามดอกดาวพราวพร่างทางจร
เจริญแห่งนาครเข้ากลืนผืนนา
รวงเอ๋ยรวงทองผ่องรวงเรียว
งามทุ่งข้าวเขียวเขียวไปจดฟ้า
ข้าวเอ๋ยข้าวไทยได้ราคา
แต่เงินถึงเราชาวนาสักเท่าใด
หลับเถอะลูก หลับตา
หลับจากวิถีชาวนา.....อันสิ้นไร้
เหนื่อยพ่อท้อมาแต่ไร
รอเจ้าเติบใหญ่......อย่าได้เป็นชาวนา
( ๓ )
พ่อจ๋า....พ่อเห็นดาวนั่นไหม
ดาวสดใสระยับประดับฟ้า
หนูอยากปีนไปเก็บเอาลงมา
ประดับท้องทุ่งนา.....ยามค่ำคืน
........................
โดยคำ ลานเทวา
5 พฤษภาคม 2551 02:05 น.
ลานเทวา
ดื่มเอย จงดื่มด่ำ
หยาดทิพย์ฉ่ำน้ำค้างอันพร่างหน
เคล้าโศลกโลกร่ายดังสายมนต์
โอบสกลอันสกาวแสงดาวเดือน
งามเอยงามฉัตรช่อชัยพฤกษ์
ผ่านลมดึกชายโชยโรยกลีบเกลื่อน
เพลงเรไรวังเวงบรรเลงเตือน
ท่ามกาลเชือนเฉื่อยช้าแห่งราตรี
คนเอ๋ย คนมอซอ
ฝันจะก่อสร้างใดในวิถี
ฤาสร้างสุขชีวาประดามี
สร้างวิมานมาลีแห่งภวังค์
จักคลี่ผืนแพรวาออกมาซับ
หยาดน้ำตาจนอับในสิ่งหวัง
ปรารถนาสิ้นไร้ใดประทัง
โลกชิงชังในชะตาแห่งข้าแล้ว
วังเวงเอย วังเวงโลก
ระโบยโบกลมพลิ้วผ่านผิวแผ่ว
ระยับเพียงแสงดาวอันพราวแพรว
แต่ห้วงใจไร้แนวใดผ่องนำ
คนเอ๋ย คนมอซอ
ผู้เฝ้ารอฝันชื่น ณ คืนค่ำ
ฝากสายลมแผ่วโผยโดยลำนำ
ผ่านบทคำลิ่วร่ายตามสายลม
....................................
โดยคำ ลานเทวา
22 เมษายน 2551 22:46 น.
ลานเทวา
ในอ้อมอุ่นไอดินหอมกลิ่นฟ้า
จะซ่อนโศกดวงตาสู่หลับใหล
ฟังโลกกล่อมบรรเลงเพลงเรไร
ระเรื่อยลมพรมไกวเวิ้งนิทรา
ผ่านเหนื่อยหนักอย่างไรโลกใบนี้
ถามราตรีอันโรยแรงแสวงหา
กี่รอยหมองกังวลหม่นทิวา
พักดวงตาหลับไหลอุ่นไอดาว
จะหมายหวังสิ่งใดในวันพรุ่ง
รอแสงรุ่งทาบทองขึ้นผ่องหาว
ความแจ่มชัดจะปลอบปลุกทุกเรื่องราว
โลกบอกกล่าวการเรียนรู้อยู่ทุกพาย
ผละอ้อมอุ่นไอดินจางกลิ่นฟ้า
เราจากมาเพื่อสิ้นสุดแห่งจุดหมาย
ดับชื่นโศกในเงาอันเปล่าดาย
ทิ้งเรื่องราวมากมายเล่าชีวิต
...................................
โดยคำ ลานเทวา
18 เมษายน 2551 21:02 น.
ลานเทวา
บางกลีบขาวจะพราวแย้ม
ไปแตะแต้มแรมคืนให้ชื่นฟ้า
ประดับสรวงแทนดอกดวงดาริกา
รัญจวนพากลิ่นฉ่ำห้วงรำพึง
พลิ้วพลิ้วลมโลมดอกดั่งหยอกเย้ย
แผ่วแผ่วย้ำรำเพยผ่านคราวหนึ่ง
ฤาอาจลบเลือนพรากจากคำนึง
น้อยในซึ้งกลีบขาวอันพราวนวล
ดั่งว่าสุขจะเลือนผ่านลานกลีบแก้ว
ลับลาแล้วกลิ่นชื่นมิคืนหวน
โศกสายลมแผ่วค่ำร่ำร่ำครวญ
ราวรัญจวนจักสิ้นกลิ่นรำพัน
เจ้าทิ้งร่วงกลีบผ่องกองเป็นซาก
บอกโลกฝากเรื่องราวเหน็บหนาวฝัน
ท่ามกระแสโศกชื่นแห่งคืนวัน
ฤาเร้นรอยจาบัลย์ห้วงชีวิต
บางกลีบขาวอันพราวแย้ม
วางแตะแต้มเวิ้งฝันอันสถิต
มนต์ใดจะกล่อมเห่เนรมิตร
ข้าจักน้อมอุทิศแด่โลกงาม
..............................
โดยคำ ลานเทวา
15 เมษายน 2551 08:27 น.
ลานเทวา
ซับแล้วอย่างแผ่วเบา
หมกมุ่นกรุ่นเศร้าจะจางคล้อย
แลเสี้ยวโศกลำเค็ญจะเร้นรอย
ซับแล้วหยาดน้อยน้อยหยดน้ำตา
ผจงขับสดับหนอ
ผู้เฝ้ารอความฝันผู้ฟันฝ่า
ผู้หมองหม่นก่นร่ำกรำชีวา
จงดับโศกแห่งอุราอันรวดร้าว
ศรีเอย ว่าแม่ศรี
ดังผ้าทอผืนนี้จะห่มหาว
ไปซับรอยชอกช้ำน้ำตาดาว
ณ คืนพราวแสงแจ่มใจแรมรอน
นิราศล่วงลาลับแล้ว
เสียงปี่แก้วแผ่วโหยลมโชยอ่อน
วิญญาณโศกจักเร่พเนจร
สู่ห้วงฝันนิรันดรสิ้นทุกข์ตรม
จางแล้วอย่างแผ่วเบา
หม่นมุ่นกรุ่นเศร้าอันขื่นขม
ดับเถอะดับสลายท่ามสายลม
ดับสิ้นรอยระทมสรรพชีวา
แล้วประดับรักร้อย
แทนสายสร้อยสายใยเสน่หา
อาบไออุ่นโอบฝันห้วงมรรคา
ร้อยรักร้อยกรุณาสู่อ้อมใจ
เมตตาเถอะผองมนุษย์
ให้มรรคาอันพิสุทธิ์นั้นผ่องใส
ปลดเปลื้องโศกหม่นหนหทัย
ก่อนมิเหลืออะไรไปกว่านี้
.....................
โดยคำ ลานเทวา