19 สิงหาคม 2551 16:11 น.
ลานเทวา
บัดซบ... !
ทรามแผ่นดินเกลื่อนศพซากขยะ
ยังระเริงกับความตายหายนะ
ไม่ย่อมแพ้เป็นพระจึงระราน
ทุเรศ... !
ดังปอบเปรตมิรู้รับสดับขาน
ระยำหน้ามึนหนาอย่างสามานย์
ทรามสันดานส่ำสัตว์เกาะกัดกิน
อัปรีย์ ... !
บ้านเมืองนี้มันขอดขายทำลายสิ้น
ไม่สำนึกการุณคุณแผ่นดิน
ก่อแต่ทรามมลทินเผาบ้านเมือง
อุบาทว์ ... !
อาละวาดก่อกรรมระยำเขื่อง
ปลุกปั่นความสถุลให้ขุ่นเคือง
แลเปล่าเปลืองเวลาชะตากรรม
ห่าเหว ... !
สารพันทรามเลวปานสัตว์ส่ำ
รวมเป็นพรรคเป็นพลคนระยำ
เข้ากระทำอัปรีย์ที่เมืองไทย
..................
โดยคำ ลานเทวา
14 สิงหาคม 2551 17:44 น.
ลานเทวา
บันทึกรอยฝันจันทรา
ดำเนินแห่งกาลเวลาที่วาดไหว
ผละอุ่นแสงตะวันล่วงครรไล
เราจากไกลจากฝันจากวันคืน
ในอุ่นอ้อมแผ่นดิน
สรรพสิ่งอันคุ้นชินจารึกชื่น
หัวใจผู้ทระนงคงหยัดยืน
ฝ่ากระแสกาลกลืนวันเวลา
กวี ....!
ถ้อยวิถีอันพิลาศปรารถนา
ร่ายรู้สึกอ่อนไหวในแววตา
เขียนมรรคาทายทักจักรวาล
ถ่ายทอดความรู้สึก
จากผลึกอาทรอันอ่อนหวาน
ในบางกร้าวรอยแฝงกำแหงกาล
ร่ายสราญโลกย้ำคำชีวิต
ใช่ริ้วรอยไร้สาระของเมฆหมอก
ความรู้สึกพร่ำบอกย้ำลิขิต
มาตรฐานหัวใจเล่าใครคิด
มาแบ่งแยกจริตแยกกวี
ใช่ริ้วรอยไร้สาระของแสงจันทร์
ทุกผู้ย่อมมีฝันโอบวิถี
ความรักจึงชักพาทุกนาที
ทุกคนเป็นกวี....เพราะความรัก
.........................
โดยคำ ลานเทวา
12 สิงหาคม 2551 22:28 น.
ลานเทวา
เจ้าเอย ...!
ลมดึกแผ่วรำเพยระโชยล่วง
หยาดน้ำค้างเหน็บหนาวจะพราวรวง
มาลัยดาวชื่นดวงจะคล้องใจ
เสียงซอจะวอนเว้า
พะนอเคล้าเสียงซึงรำพึงไหว
ดังจะย้ำกังวลถึงคนไกล
ฝากสายลมละไมช่วยพัดพา
ความอาทรห่วงใยใครคนหนึ่ง
คนที่ซึ่งถนอมรักเจ้าหนักหนา
ทุกห้วงใจคงมั่นวันเวลา
ยามไกลตาเฝ้าคิดถึงรำพึงรัก
เจ้าเอย ... !
โลกจะเปรยหัวใจให้รู้จัก
ถนอมขวัญแอบอิงใจพิงพัก
ลงแนบตักละมุนอุ่นอาทร
มาลัยดาวจะเรียงร้อย
สวมเป็นสร้อยรับขวัญอันโอนอ่อน
กี่หนพรากจากไกลใจอาวรณ์
กลับคืนคอนยามใดอุ่นใจนัก
......................
โดยคำ ลานเทวา
3 สิงหาคม 2551 21:15 น.
ลานเทวา
อักษรานุภาพ แห่ง ภาษา
ลานเทวา
งามเอย งามฉัตรช่อชัยพฤกษ์
ยามลมดึกแผ่วล้อโชยช่อไหว
อ้อยอิ่งเมฆเลือนจางพรางดาวใจ
แว่วเรไรหริ่งร่ำลำนำเดือน
แผ่วสายลมอันดามันประหวั่นว่า
ปรารถนาจะมอดดับการขับเคลื่อน
ระทดท้อโดยแดอันแชเชือน
ชีวิตเลือนเร่ร้างบนทางจร
วิเวกห้วงรวงดาวหนาวเหน็บฟ้า
เปลี่ยวจันทราโรยแรงจางแสงอ่อน
หวานบทเพลงห่วงหาพร่ำอาทร
ฤดีพรหวังโอบอ้อมถนอมรัก
ดวงตาดาวพราวกระพริบระยิบห้วง
จันทร์โอบทรวงเอื้ออุ่นลงหนุนตัก
รติฝันรัญจวนหมายเพียงทายทัก
โลกพริ้มพักตร์หลับไหลอยู่ในกาล
กวีร้อยลำนำฝันอันวิเวก
ทิพย์ถ้อยเสกมนต์ร่ายสายลมผ่าน
ดังจะกล่อมความรักจักรวาล
สถิตลานเทวาร้อยราตรี
เพียงเสี้ยวหนึ่งความหมายอันร่ายร่ำ
จากหมื่นแสนลำนำห้วงวิถี
บรรยายสุขโศกาประดามี
เขียนตนตัวชั่วดีมรคา
อาจไม่ถึงครึ่งงามนิยามชีวิต
อันสถิตโลกเร้นให้เห็นค่า
หมื่นแสนคำพร่ำซึ่งหวังตรึงตรา
ผ่านพินิจพิจารณาอยู่โดยคำ
เพียงหวังมุ่งสืบสานการขับเคลื่อน
ก่อนจะเลือนร้างรอยอันต้อยต่ำ
ฝากโวหารสานบทให้จดจำ
โดยลำนำแห่งรักอักขรา
จักเขียนเดือนเขียนดาวมาพราวห้วง
เขียนสรรพสิ่งทั้งปวงโดยภาษา
ร่ายสรรพบทวิถีแห่งชีวา
ประดับแดนโลกาแก้วกวี
คีตกานท์จะหวานไหว
ประโลมใจสักวาดั่งทาสี
ร่ายคำสื่อสิรพจน์บทวลี
เขียนชีวีแผ่วโผยอยู่โดยคำ ...
.....................
โดยคำ ลานเทวา
ข้าพเจ้า
มิได้ปรารถนาที่จะยิ่งใหญ่
ในนามนักเขียน รึ กวี
หากแต่ข้าพเจ้าปรารถนาจักให้ทุกคน
เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของภาษาไทย
และความเป็นไทยของเรา ที่มีภาษาเป็นของตัวเอง !
26 กรกฎาคม 2551 21:06 น.
ลานเทวา
ปรารถนาเพียงใจจะไหวชื่น
ผ่านล่วงคืนบันเทิงเริงสนาน
เล่นสนุกซุกซ่อนตะกอนกาล
ประดับทิพย์จักรวาลฝันมายา
ไปเถอะไปอิ่มเอมเปรมชีวิต
ไปสถิตฝันลวงความห่วงหา
วาดทุกสิ่งทุกอย่างพรางดวงตา
แล้วโอบกอดกาลเวลาอันผ่านเลย
ฟังเถอะฟังคนเขลาผู้เล่าขาน
อยู่ท่ามรัตติกาลเอื้อนเอ่ย
โสมมสุขปลุกซ่านใดปานเปรย
ความคุ้นชินถวิลเชยชื่นสันดาน
เริงรอยยิ้มพริ้มพรายกระสายกระสัน
คีตกามรำพันพร่ำพลิ้วผ่าน
มอบหัวใจกำซาบไปกราบกราน
มนต์สามานย์อันร้อยร่ายจากสายลม
ซึ้งปานซึ้งตรึงซ่านผันผ่านซึ้ง
โลมรำพึงปลอบปลุกรอยสุขสม
ก็สิ้นห่วงรำพันอันตรอมตรม
ดิ่งใจจมสเน่หามารยากาม
................................
โดยคำ ลานเทวา