6 พฤษภาคม 2553 11:50 น.
ลานเทวา
แผ่วล่วง ดังสายลมผ่าน
หอมเอยอดีตกาล ประหนึ่งฝัน
ภาพเรื่องราวเรียงร้อย รำพัน
ผลิผลัดล่วงคืนวัน กำซาบซึ้ง
ฝากอณูลมหวน ผ่านนวลแก้ม
หวานรอยยิ้มเจ้าแย้ม ปานประหนึ่ง
โลกพิลาศปรารถนา รักตราตรึง
ครุ่นคนึงแดโดย ความโหยหา
ลึกเกินกว่าจะคิด มิตรภาพ
รัญจวนย้ำกำซาบ เกินจะฝ่า
ซึ้งใจซับประทับซึ้ง ถึงนัยน์ตา
แทนทุกถ้อยคำพา เร้นบรรยาย
แผ่วล่วง ดังสายลมผ่าน
นับเนิ่นนานหนอแรมทาง ที่ห่างหาย
รักเคยมอบปลอบปลุก ไปทุกพาย
มิเลือนคลายห่วงหา สักนาที
ชื่นสายลมผ่านพริ้ม อิ่มเรือนแก้ม
รัญจวนแซมกลิ่นละไม ไปทุกที่
หอมเอยหอมชื่นฉ่ำ เจ้าจำปี
แม้ห่างเหินเนิ่นราตรี ยังกรุ่นหอม
ตราตรึงเร้นเช่นนั้น มิผันแปร
โอบหัวใจดูแล อย่างพรักพร้อม
ฝากคำนึงในสายลม ผ่านดมดอม
หวังวันหนึ่งจักสุกงอม หนอความรัก
……………………
โดยคำ ลานเทวา
5 พฤษภาคม 2553 11:20 น.
ลานเทวา
เหมือน ภาพฝันวันเก่า ผ่านเล่าบอก
เหมือน ความเหงาเย้าหยอก ให้หวั่นไหว
ฝากความหลังแรมทาง ระหว่างใจ
กับสายลมละไม ช่วยพัดพา
สู่หนทางแสนไกล อันไม่สิ้น
สุดแผ่นดินแร้นแค้น สุดแผ่นฟ้า
งามวิถีอันพิสุทธิ์ ไกลสุดตา
การเดินทางบอกลา ค่ำคืนวัน
ชื่นรอยยิ้มริมทาง ระหว่างผ่าน
ดอกไม้บานแย้มฝาก สองฟากฝัน
กระแสลมพรมสาย ร่ายรำพัน
มิตรภาพยืนยัน ทางสายนี้
คืออดีต คือความงาม คือความรัก
คือสายใยฟูมฟัก ท่วงวิถี
การเดินทางของความฝัน บรรดามี
กับการเริ่มต้นอีกที ของรอยยิ้ม
นับเดือนปีที่ผ่าน การบอกเล่า
กี่สุขเศร้าบริบท ทั้งอดอิ่ม
จารึกเป็นรอยใจ ประไพพิมพ์
ล่วงชีวิตผ่านชิม ฤดูกาล
เหมือน เหมือนภาพความฝัน เมื่อวันก่อน
ผลัดเปลี่ยนฉากเปลี่ยนตอน ขับเคลื่อนผ่าน
ความรู้สึกบางเรื่องราว ช่างยาวนาน
เหมือนมิตรภาพอันเบ่งบาน ประทับใจ
…………………………………
โดยคำ ลานเทวา
2 พฤษภาคม 2553 19:43 น.
ลานเทวา
แลรนรนกึกกร้าว ตะโกนกู่
ว่าเหล่าแดงสีกู ผู้ชนะ
ให้ปิติปลื้มปลุก ทุกขณะ
เอาละ วะ งานนี้แดงมีชัย
แลรนรนหลบเลี่ยง เสียงสุภาพ
หวังสงบกำราบ การเคลื่อนไหว
จักตอบโตความระยำ มันทำไม
รัฐบาลเย็นใจ ดับรุ่มร้อน
แลเซ็งเซ็งเบื่อเบื่อ เหลือจะกล่าว
เสียงพร่ำบ่นปนข่าว ไม่เหมือนก่อน
ทบวิถียะถา มหานคร
ใครระยำตำบอน เข้าก่อการณ์
เผาบ้านเมืองกันแทบตาย วายปวง
โอ้ประชาธิปไตยกลวงกลวง ช่างหอมหวาน
เถอะอำมาตย์ ไพร่สถุล จัณฑาล
วิบัติใครสามานย์ ปานนั้น
ท่ามเสียงเพรียกร้อง ที่ไม่เคยสิ้นสุด
ตัณหาแห่งมนุษย์ กลืน นรกสวรรค์
ความโง่เขลาเจ้ากอบไว้ สิ่งใดกัน
จึงชีวิตเทิดสำคัญ หลงบูชา
ไร้สำนึกตรึกแจ้ง แสวงหน
ความเป็นคนเสกสรรค์ แต่ตัณหา
กี่บทเรียนเขียนย้ำ เป็นตำรา
กี่อดสูรู้มา ยังเชือนแช
เรื่องนี้ไม่มีหรอก ผู้ชนะ
รวมทั้งไม่มีพระ เป็นผู้แพ้
ท่ามการเมืองและความฝัน ที่ผันแปร
ธรรมชาติสิเฝ้าแล อยู่เฉยเฉย
ไม่รู้หรอกประเทศนี้ สีอะไร
ถึงกรีดเลือดกรีดหัวใจ ออกมาเอ่ย
การเมืองสามานย์ เพียงผ่านเลย
ชีวิตเราต่างคุ้นเคย อยู่เช่นนั้น
……………………
โดยคำ ลานเทวา
2 พฤษภาคม 2553 19:18 น.
ลานเทวา
ศพแล้วศพเล่า ยุคสมัย
แสวงหาอะไร หรือสิ้นสุด
นับมิถ้วนชั่วดี วิถีมนุษย์
ชะตากรรมย้ำยุด มิอาจพ้น
โลกใบนี้สารพัด ความขัดแย้ง
อีกทั้งสารพันขันแข่ง ในทุกหน
กว่าหมดจดงดงาม ความเป็นคน
จากสิ่งย้อมปลอมปน มรคา
กี่เส้นทางสร้างเห็น เป็นชีวิต
กี่ความคิดรนแรง แสวงหา
ผ่าน ผิดชอบชั่วดี เป็นที่มา
สุดท้ายเพียงมายา อันพร่างพรม
ปรารถนา หรือ สงคราม
ให้ศพซากนิรนาม กองทับถม
แล ชีวิตความตาย ดังสายลม
อำนาจใดนิยม เซ่นบูชา
ต้องสังเวยอีกกี่ศพ จึงจบสิ้น
ประชาธิปไตย แหว่งวิ่น เพื่อตัณหา
ชีวิตเอย เลอะเลือน เหมือนผักปลา
สุดท้ายหยาดน้ำตา เพื่ออะไร
…………………………..
โดยคำ ลานเทวา