5 กันยายน 2547 17:04 น.
คนมันชอบโม้นะ
ฟางบอกเพื่อนว่าวันนี้ไม่กลับนะ ถ้าพ่อโทรมาบอกว่าฟางนอนแล้ว?
ผมก้อลองคิด
เฮ้ย! ไม่กลับ แสดงว่าวันนี้ก้อต้องอยู่กับเราทั้งคืนน่ะสิ (
คิดแบบเข้าข้างตัวเองนะ ) แล้วผมก้อพาเธอไป
กินข้าวกันที่ร้านประจำใกล้มหาลัย ( นั่งแท็กซี่ไป )
ขาไปนั่งกันเงียบไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่
เพราะกลัวพูดไปก้อเข้าตัวอีกแหละ พอไปถึงก้อสั่งอาหารมา
แล้วผมก้อบอกเธอว่า ? พี่ขอโทษนะที่พี่จำไม่ได้ ?
เธอก้อยิ้มแล้วไม่พูดอะไร ผมก้อถามอีกว่า
แล้วฟางสัญญาอะไรกับพี่ไว้เหรอเธอมองหน้าผม
แต่ผมกลับก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเธอ เธอบอกว่า ? ฟางล้อเล่นน่ะ
พี่ไม่ได้สัญญาอะไรกับฟางไว้หรอก ?
อ้าว?. แล้วเราพามาทำไมเนี่ย แทนที่จะได้สนุกเฮฮากับเพื่อนเก่า
แต่ก้อนึกได้ว่า ได้มากินข้าวกับเด็กน่ารัก ๆ
ก้อคุ้มแล้ว เรานั่งกินข้าวไป คุยกันไป พอข้าวหมด ผมก้อสั่งเบียร์มา
แต่เธอไม่ได้กินเหล้านะ เธอกิน SPY
กินไปได้ซักพัก เวลานั้นก้อดึกแล้ว ผมสังเกตว่าเธอเริ่มเมา
เพราะว่าเธอพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วเธอหน้าแดงด้วย
คนขาว ๆ หน้าแดงออกชมพู ดูง่าย ๆ ผมถามเธอว่า ? เมายัง
เดี๋ยวพี่พาไปส่ง ? เธอกลับพูดว่า
? พี่คงลืมคนที่สัญญาว่าจะเป็นแฟนกับพี่ไปแล้วใช่มั๊ย ?
ผมพอนึกออกแล้ว เฮ้ย! เฮ้ย! เฮ้ย! ตายห่..แล้ว
ใช่เธอหรือเนี่ย ตอนเด็ก ๆ ไม่น่ารักอย่างนี้นี่หว่า
โตขึ้นแล้วโคต..น่ารักเลย นี่แหละ สเป็กเลย ทำไมผมจำเธอ
ไม่ได้นะ แฟน แฟน แฟน ผมคิดถึงคำนี้ ถ้าเราขอเป็นแฟนกับเธอ
เธอจะว่าไงหว่า? ตามน้ำเลยละกัน
แล้วเธอก็ถามผมว่า ? ตอนนี้พี่มีแฟนหรือยังจ๊ะ ? ผู้ชายอ่ะนะ
สันดานเหมือนกันหมด รับรอง ถึงมีก้อบอก
ไม่มีอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นบังเอิญผมมีแฟนแล้ว อยู่มหาลัยเดียวกัน
ผมตอบไปโดยไม่คิดว่า ? ไม่มี ?
เธอยิ้ม ( ทุกครั้งที่เธอยิ้ม เหมือนว่าโลกทั้งโลกมีอยู่แค่นั้นเองอ่ะ
แต่ผมเองก้อไม่ได้ตาโตไปกว่าเธอหรอก )
แล้วเธอก้อบอกว่า ? งั้นเรามาทำตามที่เคยสัญญากันนะ ? โอ้ว?
เป็นแฟนกับเธอ น่ารักอย่างนี้ใครจะไป
ปฏิเสธลง ผมคิดได้แค่นี้ คิดโดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของฟาง
3 กันยายน 2547 22:53 น.
คนมันชอบโม้นะ
ความรักอันแสนเศร้า(ใครไม่ด่ายอ่านเรื่องนี้จะต้องเสีย)อ่านแล้วเอาใจใส่คนที่เรารักให้มากนะ
สวัสดีค่ะ เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง ของพี่ชายเราเอง แหละ อานต่อไป นะ ซึ้งมากๆๆ ขอแนะนำตัวก่อนนะ ผมชื่อปอย เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้ว
แต่ว่าผมก้อไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้
แต่ความทรงจำที่น่าประทับใจเหมือนกัน แต่ก้อแฝงไปด้วย
เรื่องเศร้าซึ่งผมไม่ได้อยากให้มันเกิดหรอก ลองอ่านดูนะคับ
ก่อนอื่นต้องท้าวความไปตอนสมัย ป.6 นะคับ
เมื่อวันที่ผมได้จบ ป.6 วันสุดท้ายที่ได้มาโรงเรียน
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาร้องไห้ และ
สัญญากับผมว่าถ้าเกิดเขาขึ้นมัธยมเมื่อไร เขาจะมาเป็นแฟนกับผม
(ตอนนั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ ป.1)
เนื่องจากผมไปทำอะไรให้เธอประทับใจก้อไม่รู้
แต่เด็กคนนั้นก้อมาชอบผมแล้ว
และบ้านผมก้ออยู่ใกล้โรงเรียนด้วย ผมเลยไปหาเธอทุกๆเย็นหลัง
เลิกเรียน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมไม่ได้กลับไปหาเธอ
(อาจจะเนื่องจากชีวิตมัธยมสนุกมั๊ง)
ทำให้ผมลืมเธอไป และแล้วเวลาก้อผ่านไปได้ 6 ปี ??. (เร็วเนาะ)
มีอยู่วันหนึ่งผมกับเพื่อน ๆ
ได้ไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงเรียนมัธยม ตอนนั้นผมได้เข้ามหาลัยแล้ว
และแล้วก้อเหมือนฟ้าบันดาล
ให้เราได้มาเจอกันอีกครั้งในงานนั้นเอง
เธอเข้าเรียนที่เดียวกับผมหรือนี่ ผมจำเธอไม่ได้หรอก
แต่? เธอเป็นคนเข้ามาทักผมเอง ? พี่ ๆ พี่ปอยใช่มั๊ย ?
เธอเข้ามาสะกิดหลังผม ผมก้อหันไปมอง
สิ่งที่ผมได้เห็นก้อคือ เด็กผู้หญิงน่ารัก ตัวขาว ๆ หน้าขาว ๆ หมวยนิด
ๆ ผมอึ้งไปซักพักนึง
แล้วผมก้อตอบไปว่า ? ใช่คับ แล้วน้องเอ่อ?? ? ? ฟางไง
พี่ปอยจำฟางไม่ได้หรอ ?
ผมก้อลองนึกดู แต่ว่าตอนนั้นเป็นอะไรไม่รู้นะ เหมือนกับว่าสมองมันทึบ
ๆ คิดอะไรไม่ออก
อาจจะเนื่องจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเล็กน้อย แต่แล้วผมก้อตอบไปว่า
? อ๋อ .. ฟางเองเหรอ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเนี่ย ?
นี่เป็นคำตอบที่ผมคิดได้ไงเนี่ย
ไปได้ขุ่น ๆ จิง ๆ แล้วเธอก้อพูดขึ้นมาอีกว่า ?
แล้วจำสัญญาที่ฟางเคยให้ไว้ได้มั๊ย ?
แต่ตอนนั้นผมได้แต่คิดว่า เอ็งเป็นใครข้ายังจำไม่ได้เลย
แล้วจะจำได้ไงว่าเอ็งสัญญาอะไรกะข้าไว้
เลยได้แค่ตอบไปอีกว่า ? จำได้สิ ? เป็นคำตอบที่ซี้ซั้วจิง ๆ (-_ -? )
แต่ไม่รู้จะตอบยังไงนี่นา
พอผมตอบเธอไป เธอทำหน้าดีใจมาก ๆ หน้าขาว ๆ อมชมพูของเธอ พร้อมรอยยิ้ม
ทำให้ผมยิ่งคิดอีกเธอเคยสัญญาอะไรกับเราไว้ว้า? รีบคิดหน่อยสิเฟ้ย
แต่พอผมคิดเสร็จเท่านั้นแหละ
เธอถามผมมาว่า? แล้วฟางเคยสัญญาอะไรกับพี่ปอย บอกหน่อยได้มั๊ย ?
เอาแล้วไง? ซวยแล้ว
แล้วเราจะตอบยังไง รู้งี้ตอบไปตั้งแต่แรกว่าจำไม่ได้ก้อจบเรื่องแล้ว
ผมยืนนึกอยู่ซักพัก
เธอเริ่มทำหน้างอนแล้ว ผมเลยตัดสินใจบอกเธอไป ? พี่ขอโทษนะ
พี่จำไม่ได้ ? ผมได้แต่คิดว่า
ซวยแล้วตู จะทำไงดีล่ะ แต่แล้ว?? ( -_- )? เมื่อผมตัดสินใจมองหน้าเธอ
เธอกลับยิ้มแล้วบอกผมว่า
3 กันยายน 2547 22:29 น.
คนมันชอบโม้นะ
12 พ.ค. 2544
สวัสดีครับ เตย
ช่วงนี้เตยคงยุ่งมากจนไม่มีเวลาตอบจดหมายของอั้มเลย แต่ไม่เป็นไร อั้มจะรอจดหมายของเตยนะ
อั้ม
ท้ายจดหมายของเขา มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาเขียนไว้ ฉันเห็นว่าโทรหาสักครั้งคงไม่เป็นไร ว่าแต่เขาจะจำฉันได้ไหม ?
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ...ต้องการพูดกับใครคะ เสียงปลายสายตอบอย่างเป็นมิตร
นั้นบ้านอั้มใช่ไหมคะ พี่ชื่อเตยเพื่อนอั้มนะคะ ไม่ทราบว่าอั้มอยู่หรือเปล่าคะ ปลายสายอึ้งไปชั่วครู่ ฉันเริ่มลังเลใจจึงหยิบเบอร์โทรศัพท์ของเขาขึ้นมาดูอีกครั้ง ฉันกดไม่ผิด
พี่เตย พี่เตยจริง ๆด้วย เสียงปลายสายดูตื่นเต้นไม่น้อย
รู้จักพี่ด้วยเหรอคะ
ค่ะ... พี่อั้มเคยเล่าให้แอมฟัง แอมเป็นน้องสาวของพี่อั้มค่ะ
แล้วอั้มล่ะคะ อั้มอยู่ไหม
พี่อั้มเสียแล้วค่ะ พี่อั้มเสียเมื่อ 4 ปีก่อน เป็นเนื้องอกในสมอง เป็นมานานมากแล้วค่ะพี่เตย จนเมื่อพี่อั้มติดต่อกับพี่เตย อาการของพี่อั้มก็ขึ้นมาก มากจนทำให้ทุกคนแปลกใจ ยิ่งวันไหนพี่อั้มได้จดหมายของพี่เตย พี่อั้มจะอารมณ์ดี ทานข้าวได้เยอะเป็นพิเศษ แต่พักหลังพี่เตยไม่ตอบจดหมายของพี่อั้ม อาการของพี่อั้มก็ทรุด จนเมื่ออาทิตย์ก่อนที่พี่อั้มจะเข้าห้องผ่าตัด พี่อั้มเขียนจดหมายหาพี่เตยอีกครั้ง พี่อั้มอยากได้ยินเสียงพี่เตยเพียงสักครั้ง แต่พี่เตยก็ไม่โทรมา แล้วหมอก็ยื้อชีวิตพี่อั้มไม่ได้
พี่ขอโทษ...พี่ไม่รู้ นี่คงเป็นคำพูดเดียวที่ฉันสามารถคิดออกในเวลานี้
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แอมว่าอั้มคงดีใจด้วยซ้ำที่สุดท้ายพี่เตยก็โทรมา ก่อนที่พี่อั้มจะเข้าผ่าตัด พี่อั้มยังบอกหนูว่าให้รอโทรศัพท์พี่เตย...พี่อั้มเชื่อว่าสักวันหนึ่งพี่เตยต้องโทรมา
หลังจากที่ฉันวางหูโทรศัพท์ น้ำตาแห่งความผิดพลาดก็พรั่งพรูออกมาเป็นสาย นี่ฉันทำลายความหวังของผู้ชายคนหนึ่ง เพียงข้ออ้างที่มีค่าไม่พอเลยว่า ไม่มีเวลา ถ้าวันนั้นฉันเปิดจดหมายของเขาอ่าน อะไร ๆมันต้องดีกว่านี้
ฉันรวบรวมจดหมายของเขาทั้งหมดออกมาตัดแสตมป์ออกแล้วเอาไปแช่น้ำตามที่เขาเคยบอกกับฉัน ฉันเฝ้ามองแสตมป์ที่ค่อย ๆหลุดออกจากกระดาษช้า ๆ แล้วสายตาฉันก็สะดุดกับอะไรบางอย่างในแสตมป์ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู แล้วปล่อยน้ำตาไหลอย่างไม่อายใคร
...และแล้วความลับของจดหมายของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมา...
...ฉันรู้แล้วว่าทำไมเขาอยากให้ฉันแกะแสตมป์ของเขาออกหนักหนา
...เพราะหลังแสตมป์ทุกดวงที่เขาส่งมา ถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงว่า.
. ..รัก...
25 กรกฎาคม 2547 17:33 น.
คนมันชอบโม้นะ
12 พ.ค. 2544
สวัสดีครับ เตย
ช่วงนี้เตยคงยุ่งมากจนไม่มีเวลาตอบจดหมายของอั้มเลย แต่ไม่เป็นไร อั้มจะรอจดหมายของเตยนะ
อั้ม
ท้ายจดหมายของเขา มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาเขียนไว้ ฉันเห็นว่าโทรหาสักครั้งคงไม่เป็นไร ว่าแต่เขาจะจำฉันได้ไหม ?
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ...ต้องการพูดกับใครคะ เสียงปลายสายตอบอย่างเป็นมิตร
นั้นบ้านอั้มใช่ไหมคะ พี่ชื่อเตยเพื่อนอั้มนะคะ ไม่ทราบว่าอั้มอยู่หรือเปล่าคะ ปลายสายอึ้งไปชั่วครู่ ฉันเริ่มลังเลใจจึงหยิบเบอร์โทรศัพท์ของเขาขึ้นมาดูอีกครั้ง ฉันกดไม่ผิด
พี่เตย พี่เตยจริง ๆด้วย เสียงปลายสายดูตื่นเต้นไม่น้อย
รู้จักพี่ด้วยเหรอคะ
ค่ะ... พี่อั้มเคยเล่าให้แอมฟัง แอมเป็นน้องสาวของพี่อั้มค่ะ
แล้วอั้มล่ะคะ อั้มอยู่ไหม
พี่อั้มเสียแล้วค่ะ พี่อั้มเสียเมื่อ 4 ปีก่อน เป็นเนื้องอกในสมอง เป็นมานานมากแล้วค่ะพี่เตย จนเมื่อพี่อั้มติดต่อกับพี่เตย อาการของพี่อั้มก็ขึ้นมาก มากจนทำให้ทุกคนแปลกใจ ยิ่งวันไหนพี่อั้มได้จดหมายของพี่เตย พี่อั้มจะอารมณ์ดี ทานข้าวได้เยอะเป็นพิเศษ แต่พักหลังพี่เตยไม่ตอบจดหมายของพี่อั้ม อาการของพี่อั้มก็ทรุด จนเมื่ออาทิตย์ก่อนที่พี่อั้มจะเข้าห้องผ่าตัด พี่อั้มเขียนจดหมายหาพี่เตยอีกครั้ง พี่อั้มอยากได้ยินเสียงพี่เตยเพียงสักครั้ง แต่พี่เตยก็ไม่โทรมา แล้วหมอก็ยื้อชีวิตพี่อั้มไม่ได้
พี่ขอโทษ...พี่ไม่รู้ นี่คงเป็นคำพูดเดียวที่ฉันสามารถคิดออกในเวลานี้
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แอมว่าอั้มคงดีใจด้วยซ้ำที่สุดท้ายพี่เตยก็โทรมา ก่อนที่พี่อั้มจะเข้าผ่าตัด พี่อั้มยังบอกหนูว่าให้รอโทรศัพท์พี่เตย...พี่อั้มเชื่อว่าสักวันหนึ่งพี่เตยต้องโทรมา
หลังจากที่ฉันวางหูโทรศัพท์ น้ำตาแห่งความผิดพลาดก็พรั่งพรูออกมาเป็นสาย นี่ฉันทำลายความหวังของผู้ชายคนหนึ่ง เพียงข้ออ้างที่มีค่าไม่พอเลยว่า ไม่มีเวลา ถ้าวันนั้นฉันเปิดจดหมายของเขาอ่าน อะไร ๆมันต้องดีกว่านี้
ฉันรวบรวมจดหมายของเขาทั้งหมดออกมาตัดแสตมป์ออกแล้วเอาไปแช่น้ำตามที่เขาเคยบอกกับฉัน ฉันเฝ้ามองแสตมป์ที่ค่อย ๆหลุดออกจากกระดาษช้า ๆ แล้วสายตาฉันก็สะดุดกับอะไรบางอย่างในแสตมป์ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู แล้วปล่อยน้ำตาไหลอย่างไม่อายใคร
...และแล้วความลับของจดหมายของเขาก็ถูกเปิดเผยออกมา...
...ฉันรู้แล้วว่าทำไมเขาอยากให้ฉันแกะแสตมป์ของเขาออกหนักหนา
...เพราะหลังแสตมป์ทุกดวงที่เขาส่งมา ถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงว่า.
...รัก...
24 กรกฎาคม 2547 14:53 น.
คนมันชอบโม้นะ
จำได้จดหมายฉบับสุดท้ายของเขามาถึงฉันพร้อมกับจดหมายแจ้งผลการสอบ แน่นอนฉันต้องเลือกที่จะหยิบจดหมายแจ้งสอบมาเปิดอ่านก่อน และแล้วความพยายามของฉันก็สำเร็จเพราะฉันสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของรัฐได้ จนลืมที่จะเปิดจดหมายของเขาอ่าน ไม่ใช่สิ...ฉันไม่ได้สนใจมันมากกว่าฉันจับจดหมายของเขายัดลงในลังเก่า ๆ ใบหนึ่ง และไม่เคยจะเหลียวมองจดหมายของเขาอีกเลย
จวบจนวันนี้...วันที่ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย มันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกเคว้งคว้างเหลือเกิน ไม่รู้จะตั้งต้นเดินไปทางไหนดี อยู่ ๆ ฉันก็นึกถึงเขาขึ้นมา ความทรงจำเก่า ๆ สีซีดจาง แต่ยังไม่เคยเลือนหายไปจากใจฉันเลยสักครั้ง แต่กลับมาเคาะประตูของหัวใจถามว่า ทำไมลืมเขาไม่ได้สักที นั้นสิ...ทำไมนานจนป่านนี้แล้ว ทำไมฉันถึงไม่ลืมเขา
จดหมายฉบับสุดท้ายของเขายังอยู่ในสภาพดีเหมือนเพิ่งได้รับมาเมื่อวาน ทั้งที่ความจริงแล้ว มันมีอายุการรอคอยให้ฉันเปิดอ่านเป็นเวลากว่า 4 ปี ...และวันนี้เป็นวันที่จดหมายฉบับสุดท้ายของเขาจะสิ้นสุดการรอคอย...ฉันจะเปิดจดหมายของเขา
ฉันเปิดจดหมายฉบับสุดท้ายของเขาอ่าน ด้วยมือสั่นเทาเหมือนว่ากำลังจะได้ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง แต่เมื่อฉันได้อ่านจดหมายของเขา ฉันก็แปลกใจเล็กน้อย ...เพราะจดหมายของเขามีแค่ 3-4 บรรทัดเท่านั้น
(ครั้งต่อไปเรามาอ่านเนื้อความในจดหมายกันนะ)