21 กันยายน 2555 18:18 น.
คนบางบอน
น้ำเห็นแล้ว ใช่ไหม...หัวใจพี่
ว่าไม่มี เยื่อใย ให้น้ำเห็น
อยู่ด้วยกัน ก็มีแต่ จะลำเค็ญ
มันจำเป็น ต้องแยกทาง ใครทางมัน
น้ำเคยทำ พี่ช้ำใจ ปลายปีก่อน
ยังกล้าย้อน มาเยือน เหมือนเย้ยหยัน
พี่ยอมรับ ว่าน้ำ เคยสำคัญ
แต่ยืนยัน วันนี้ พี่ปวดใจ
คนทางเหนือ เขาไม่เอา น้ำเข้าบ้าน
น้ำอย่าพาล มาถึงพี่ ที่อยู่ใต้
ไปตามทาง ของน้ำ ที่เคยไป
ลืมเสียเถิด เยื่อใย ที่เคยมี
บาดแผลใจ ในอดีต มันกรีดเนื้อ
เจ็บจนเหลือ จะทน คราวป่นปี้
รอคนซับ น้ำตา มาเป็นปี
ญาติของน้ำ ไม่ใยดี มาเยียวยา
พี่มันจน ค้นแค้น ลำเค็ญนัก
น้ำไม่รัก ไม่เป็นไร พี่ไม่ว่า
ให้มันจบ แค่หนึ่งปี ที่ผ่านมา
พี่หมดแล้ว น้ำตา จะหลั่งริน
ปล. ท้ายนี้ พี่อยากขอ
ถ้าน้ำพอ มีน้ำใจ ยังไม่สิ้น
ฝากบอกญาติ ของน้ำไป ให้ได้ยิน
ว่าหนี้สิน ที่น้ำก่อ ขอสักทีฯ
17 กันยายน 2555 20:23 น.
คนบางบอน
ปลูกต้นแก้ว เอาไว้ ในรั้วบ้าน
หวังเห็นดอก แก้วบาน แผ่ก้านกิ่ง
เฝ้ารดน้ำ พรวนดินไว้ ไม่ทอดทิ้ง
ให้ทุกสิ่ง ด้วยใจมั่น มิผันแปร
หวังวันหนึ่ง จะรวยริน กลิ่นดอกแก้ว
ในถิ่นแถว รั้วที่ บ้านนี้แน่
ฝันเอาไว้ ไหวหวาม ยามอ่อนแอ
จะนอนแคร่ ใต้ต้น ...ดอกหล่นโรย
แล้วความหวัง ก็มลาย หายหมดสิ้น
ไม่มีแล้ว กรุ่นกลิ่น...ถวิลโหย..
ดอกแก้วหาย กับสายน้ำ ที่ฉ่ำโปรย
เหลือเพียงเสียง โอดโอย คนอ่อนใจ
เที่ยวตามหา มานาน หลายย่านถิ่น
ไม่เคยเลย จะได้ยิน อยู่ถิ่นไหน
แม้ฝากฟ้า ถามข่าว จากดาวไกล
ยังคงไม่ รู้ข่าว...ร้าวฤดี
จะแจ้งความ ดอกแก้วหาย...ก็อายเขา
เป็นดอกแก้ว ของเรา ก็เปล่านี่
เคยปลูกก็ ปลูกไว้ เพียงไมตรี
คงหมดแล้ว ที่เคยมี ประดับใจ
กระจองงอง กระจองงอง....เจ้าข้าเอ้ย...
ว่าใครเคย เห็นดอกแก้ว อยู่แถวไหน
คนบางบอน อ้อนมา จากฟ้าไกล
ใครขโมย ดอกแก้วไป โปรดให้คืน..(ด้วย)