14 กุมภาพันธ์ 2551 14:39 น.
คนบนเกาะ
ยายมีตื่นแต่เช้า วันนี้ขึ้น 8 ค่ำ จึงต้องรีบหุงหาอาหารเตรียมไปวัด ทำกับข้าวเสร็จอาบน้ำแต่งตัว และก็ไม่ลืมที่จะไปเก็บดอกบัวเพื่อบูชาพระ
ยายมีปลูกบัวไว้ในอ่างรอบๆบ้าน เมื่อมาถึงอ่างบัวยายมีเพ่งดูดอกบัวดอกหนึ่ง มันเริ่มบานเมื่อเช้านี้เอง มีแมลงเกาะอยู่ที่กลีบบัวตัวหนึ่ง มันคงจะมาชมภาพที่สวยงามนี้เช่นกัน ตรงกลางดอกนั้นจะมองเห็นเมล็ดบัวอ่อนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ถ้าจะเปรียบก็คงเหมือนนางกินรีกำลังลอยคอเล่นน้ำอยู่ในสระ ข้างๆสระมีพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่หลายหลากต้น เอ....ตัวแมลงที่ว่าคงจะเป็นนายพรานจะมาจับเหล่านางกินรีแน่เลย ยายมีชักจะสนใจมากขึ้น อยากจะคอยดูว่ากินรีตัวไหนนะที่นายพรานจับได้ กินรีตัวไหนนะที่พระสุธนจะได้ไปครอง
ยายมีนึกขึ้นได้วันนี้เป็นวันวาเลนไทม์ เห็นเด็กๆ วัยรุ่น 11 - 17 ปี เค้าโทรศัพท์หากันใหญ่ ได้ฟังข่าวว่าเด็ก ๆหลายคนจะยอมเสียตัวกันในวันนี้ ถุงยางอนามัยจะขายดี ดอกกุหลาบแดงก็จะขายดี ยายมีนึกเสียดายกุหลาบสีอื่นคงไม่มีราคามากพอที่จะแข่งกับกุหลาบแดงได้ ช่างเถอะสักวันหนึ่งราคามันก็ต้องมากขึ้นอยู่ดี ยายมีรำพึงในใจ
เมื่อความคิดล่องลอยไปไกล ในที่สุดก็หวนมานึกถึงตัวเอง สมัยที่ยังสาว ๆ ตาเค้าไม่เคยส่งกุหลาบให้เลยแม้แต่ดอกเดียว ยังจำได้สมัยที่ตาแกจีบครั้งแรก ตาปีนขึ้นไปอยู่บนต้นหว้าและเก็บลูกหว้าสีดำมะเมี่ยมมาให้ยายกิน มันคงเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ยายมีได้รับ ตาเค้ามีบทพิศวาสยายเหมือนกัน โดยป้อนลูกหว้าให้ยาย ยายนี่อายจนหน้าแดงไม่อยากจะคิดเลยว่าการป้อนลูกหว้าทำให้ต้องอายด้วย ต่างก็ยิ้มและหัวเราะกันใหญ่ ไม่มีคำพูดใด ๆออกจากปาก แต่ทั้งสองหัวใจคงจะรู้ความหมาย โดยไม่ต้องพูดแม้แต่คำเดียว
ยายมีคิดถึงสังคมปัจจุบัน เด็ก ๆ ทำไมที่ต้องรีบร้อนมีคู่กันนัก ทั้ง ๆ ที่ยังทำมาหากินกันเองไม่ได้ อยากจะบอกเด็ก ๆว่า สมัยยายนั้น คนที่จะมีครอบครัวจะแต่งงานกัน จะต้องรู้จักทำมาหากิน มีหลักแหล่งที่จะสร้างเป็นครอบครัวใหม่ การคิดแค่จะเสียตัวแล้ว ยังแบมือขอเงินพ่อแม่คงไม่ถูกนัก
ยายมีหลงอยู่ในความฝันเสียนาน นึกขึ้นได้ว่าจะต้องไปวัด จึงรีบเก็บดอกบัวแล้วไปวัดอย่างที่เคยปฏิบัติมาประจำ