7 สิงหาคม 2554 11:29 น.
คนกุลา
ตำนานเจนละ
๑๓)
๐ เจนละคราเริ่มนั้น...........................เมืองบน
จึงมุ่งลงสมุทรชล..............................เพื่อค้า
ยึดศรีเทพ-อรัญฯบน..........................ริมฝั่ง
ของป่ามีแลกผ้า.................................ซิ่นเสื้อแพรไหม๚ะ๛
...................................................คน กุลา ๔ กค. ๕๔.
๐ เจนละคราเริ่มตั้ง
ขึ้นที่ฝั่งแม่น้ำมูล
ดินแดนอันสมบูรณ์
แหล่งข้าวกล้าปลาและเกลือ
๐ หมายค้าขายทางไกล
ทะเลใหญ่มีท่าเรือ
มอบอนุชาก็เพื่อ
ครองเมืองตั้งแถบฝั่งชล
๐ อังกอบอเลยคือ
ให้ยึดถือแหล่งรวมพล
ศรีเทพตลอดจน
อรัญประเทศเขตครอบครอง
๐ ขยายขอบเขตุแคว้น
ยึดดินแดนทะเลทอง
เมืองท่าที่หมายปอง
ต้องจับจองเป็นของเรา
๐ พืชพันธุ์และของป่า
มากมายมาจากถิ่นเนา
แลกผ้าแพรไหมเอา
ขนข้ามเขากลับเมืองบน๚ะ๛
........................คน กุลา ๗ สิงห์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)
5 สิงหาคม 2554 11:59 น.
คนกุลา
ตำนานเจนละ
๑๒)
๐ การปกครองเมื่อครั้ง.................ปฐมกาล
มอบอนุชาทรงงาน.........................โก่นสร้าง
เขินเขาล่วงนทีธาร.........................แนวสมุทร
เมืองต่ำถูกปล่อยร้าง.....................แต่งปั้นดังประสงค์๚ะ๛
๐ คราวเมื่อการปกครอง
มีครรลองในส่วนกลาง
ลงตัวเข้าที่ทาง
ท้าวเริ่มวางดำริกาล
๐ มอบหมายอนุชา
ผู้เก่งกล้าและเชี่ยวชาญ
ธ ท่านมอบหมายงาน
ไปฟื้นฟูอยู่ฝั่งชล
๐ เขตุลุ่มสร้างเมืองท่า
เรือไปมาทั่วทุกหน
ควบคุมมวลหมู่คน
ในแถบที่มิมีใคร
๐ สร้างเมืองอังกอบอเลย
อย่างเปิดเผยใต้ฉัตรชัย
เจนละในแดนไกล
ข้ามเทือกผาฝ่าดิบดง
๐ ประกาศเดชศักดา
รวมบรรดาชาวป่าดง
มาร่วมรวมเผ่าพงศ์
ขึ้นดับแสงแห่งฟูนัน๚ะ๛
.........................คน กุลา
................๕ สิงห์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)
5 สิงหาคม 2554 01:30 น.
คนกุลา
๐ ร่ำรอยจูบรูปรอยมาร้อยร่ำ
สอนจนจำจิตหวังเคยสั่งสอน
นอนกอดกกอกอุ่นยามหนุนนอน
เยาว์ยามตอนตั้งไข่เมื่อวัยเยาว์
๐ หวานน้ำนมอมอุ่นละมุนหวาน
เศร้าซาบซ่านซึมเซายิ่งเหงาเศร้า
เงาเพราะในวันนี้มีเพียงเงา
วันบางเบากลับไกลหลายวัยวัน
๐ ฟ้าที่ท่านผ่านจากสู่ฟากฟ้า
สวรรค์คราคราวรับกลับสวรรค์
พลันน้ำตาปร่าพร่างเลาะปรางพลัน
ฟังจวงจันทร์แจ่มงามฝากถามฟัง
๐ เห็นเธอคนบนนั้นหากจันทร์เห็น
หวังว่าเช่นอยากหลับลงกับหวัง
ดังเคยปลอบตอบตามย้ำประดัง
ยินเสียงสั่งสอนให้ยังได้ยิน
๐ ร่ำน้ำตาปร่าแก้มแต้มรอยร่ำ
สิ้นน้ำคำคอยปลอบก่อนตอบสิ้น
รินหลั่งน้ำพร่ำไหลนัยตาริน
วอนแม่ยินเสียงย้ำลูกพร่ำวอน๚ะ๛
...........................คน กุลา ๔ สิงห์ ๕๔
3 สิงหาคม 2554 22:45 น.
คนกุลา
ตำนานเจนละ
๑๑)
๐ แนวนทีอันบอกไว้....................จำเดิม
รอบทุ่งกุลาเสริม.........................ก่อสร้าง
ศิลาแต่งประตูเติม......................ฝายทด
คอยปิดเปิดปล่อยบ้าง.................เพื่อน้ำมีเสมอ๚ะ๛
๐ เมื่อเรียนเพ่งกสิณ
ก็รู้สิ้นดินหินทราย
น้ำมากจากทำลาย
นำมาใช้ได้ดั่งใจ
๐ ท้าวเธอท่านกะเกณฑ์
ตรวจตระเวนท่องแดนไกล
หุบห้วยละหารใด
ดูระดับจับหลักวาง
๐ สร้างฝาย ณ ที่ใด
น้ำจะไหลทุกถิ่นทาง
หุบใดที่ลึกกว้าง
ก็สร้างสระน้ำจะลอย
๐ บางย่านร่องผ่านแรง
กั้นกำแพงราวสันดอย
น้ำวนกระแทกค่อย
ทะลักพลันสู่สันเนิน
๐ หากช่องน้ำตกแก่ง
ศิลาแลงกั้นเผชิญ
ปิดเปิดเมื่อล้นเกิน
ควบคุมชลจนอุดม๚ะ๛
.....................คน กุลา ๓ สิงห์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)
3 สิงหาคม 2554 19:20 น.
คนกุลา
(๑)
๐ โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกปีบ
แม้จะรีบล่วงหว่านปูลานฝัน
ยังหอมเย็นเร้นนวลอบอวลจันทร์
กระจ่างพลันพรายพรมแสงห่มดาว
๐ ดอกสีขาวพราวระหงส์
กับรูปทรงสล้างดุจนางสาว
ผอมบอบบางพร่างพรายกรีดกรายราว
นึกโน้มน้าวแนบในหาใดปาน
๐ หากเปรียบอย่างนางแบบเอวแคบกิ่ว
ต้องหน้านิ่วเนื่องว่าอดอาหาร
เพราะทานเพลินเกินปองไม่ต้องการ
หุ่นหากพาลเผละผละใครจะดู
๐ ร่างระหงส์ทรงนอกสร้อยดอกปีบ
ชวนพี่รีบรุดกลับมารับรู้
ก่อนกลีบร่อนว่อนปลิวลมพลิ้วพรู
ไม่ค้างอยู่ยังต้นให้คนชม
๐ ในบรรดามาลัยดอกไม้หอม
ใครเคยดอมดอกปีบสูดทิพย์สม
ยามแย้มบานปานคล้ายเย้าสายลม
รื่นภิรมย์ร่ำฤดีมิมีวาย
๐ ปานหอมเทพเสพย์ไกลที่ในสรวง
เย็นหอมล่วงร่ำอยู่มิรู้หาย
ท่ามเถื่อนถ้ำแถวถิ่นกรุ่นกลิ่นอาย
ดอกโชยชายชื่นฤดีคราพี่ดอม
๐ อยากให้ดอกไม้ไทยบานในโลก
ให้ลมโบกเบิกบานกลิ่นหวานหอม
ผ่านพุ่มพฤกษ์พร่างพรมหายตรมตรอม
เมื่อปีบพร้อมบานไสวในค่ำคืน
(๒)
๐ โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกปีบ
ถึงครารีบล่วงละเกินจะฝืน
หากอาวรณ์ย้อนย้ำสุดกล้ำกลืน
ยิ้มระรื่นกลืนกลบเสหลบตา
๐ ลอยละลิ่วปลิวควงยามร่วงหล่น
จากลำต้นแต่งราวพรมขาวหนา
ดอกงามช่อลออเด่นได้เห็นมา
ในเพลาคราที่กลีบคลี่บาน
๐ มีบางใครได้ยลบอกสนนัก
หมายว่าจักเจาะจงเพราะสงสาร
อยากจะมอบปลอบใจให้ยาวนาน
ยามซมซานซับซ้ำหยาดย้ำเตือน
๐ หากบางกลุ่มลุ่มหลงมั่นคงนัก
เริงแรงรักรุมเจ้าราวเสมือน
ให้ดวงใจใฝ่ปลื้มไม่ลืมเลือน
โรยกรายเกลื่อนกลิ่นกรุ่นอุ่นอารมณ์
๐ คุณค่ามีที่กล่าวบอกเล่าขาน
แทรกความหวานวับวาวขาวเหมาะสม
ชื้นกลีบบางกลางฝนที่หล่นพรม
ให้สายลมโลมเล้าเหมือนเย้ายวน
๐ เห็นที่ไหนใจเอ๋ยหมายเชยชื่น
กลิ่นระรื่นร่ำไกลจนใจหวน
ดั่งปีบเจ้าเคล้าเพลินเหมือนเชิญชวน
ให้พี่ป่วนปานอาจเกือบขาดใจ๚ะ๛
.............................คน กุลา ๓ สิงห์ ๕๔