6 กรกฎาคม 2553 21:44 น.
คนกุลา
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๐ ไม้บานผิบังใบ มิไสวละลานตา
ลมโชยระรื่นมา ก็ระริกระเริงชล
๐ ผาดโผนกระจายคว้าง บ่ละวางกระจ่างจน
ลอยลิ่วสิเมฆฝน ชรอุ่มประ..พฤกษ์พง
๐ เมฆมัววสันต์เวียน อุตุเพียรเสมอคง
น้ำนองพนาดง ระดะล้น ณ แนวไพร
๐ ฟ้าคลุ้มทะมึนเค้า ศศิเจ้าละสู่ใด
เพ่งพิศมิพร่างใส มนนั้นฤสมหวัง
๐ เย็นลมกระพือพัด จะสบัดผลิใบบัง
ใจนิ่งก็จริงจัง สติตั้งสนิทมาน
๐ กำซาบมนัสน้อม รติพร้อมสนองการ
หวังชื่นตลอดวาร บ่มิให้จะหมองมัว
๐ ฟากฟ้าฤดูนี้ ดรุณีผินึกกลัว
เชื่อมั่นเถอะทูนหัว จะประกันพิทักษ์นวล
************
............
คนกุลา
ในวสันต์
สนใจค้นคว้าความรู้เรื่อง อินทรวิเชียรฉันท์ เพิ่มเติมได้ที่
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/board6536.html#
และ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/board6535.html
5 กรกฎาคม 2553 17:33 น.
คนกุลา
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
๐ สุดสวยยามยล ในหนทางไกล
วันฟ้าสดใส เสาไฟเรียงราย
ปลายยอดหงส์เรียง ยืนเคียงทางกราย
หงส์นั้นความหมาย มุ่งแม้นแทนมอญฯ
๐ "อักษะ"ชื่อเดิม เปลี่ยนเริ่มชื่อใหม่
เป็น"อุทยาน"ไป เหตุใดหนาซ่อน
แดดร่มลมบ่าย โชยชายรอนรอน
เลี่ยงหลบตาซ่อน เศร้าซุกแซมทรวง
๐ อยู่ย่านเมืองปฐม ชื่นชมแดนธรรม
ตำนานค่าล้ำ อันยิ่งใหญ่หลวง
ลูกฆ่าพ่อตาย หมายล้างบาปปวง
สร้างเจดีย์ช่วง นกเขาเหิรบิน..ฯ
๐ ปั้นรูปแสนสวย สื่อด้วยนามหงส์
หรือบอกเผ่าพงศ์ กลัววงศ์สูญสิ้น
หวังต่อพันผูก ปลูกฝังดวงจินต์
พลัดพรากแดนดิน ยังหมายเสรี
๐ วันนั้นไปเยือน ดูเหมือนว่างว่าง
ไร้ขวัญแนบข้าง อ้างว้างสิ้นดี
โอ้คนเรานั้น เก็บฝันบางที
ไว้ชั่วชีวี ด้วยอันใดกัน
๐ ต่างคนต่างคิด ต่างจิตต่างใจ
สังคมยุคใหม่ ใครใครก็ฝัน
ล้วนสร้างจุดหมาย มายมากหลากครัน
หากบางคนนั้น ทิ้งฝันเคยมี
๐ เหลียวมองตัวเรา แสนเหงาใจนัก
ผูกพันในรัก หาเคยหน่ายหนี
มองฟ้าโล่งกว้าง อ้างว้างเหลือที่
รู้ไหมยามนี้ อยากมีน้องเคียง..ฯ
************
............
คนกุลา
ในวสันต์
หมายเหตุ : วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ต้องแต่งด้วยคำครุ
ทั้งหมด แต่ คำ อักษะ ตัว ษะ เป็น
คำลหุ แต่เนื่องเป็นชื่อเฉพาะ ผมจึง
ต้องใช้ คำลหุ คำนี้ครับ
สนใจวิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ค้นคว้าได้เพิ่มเติมที่
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/board6538.html
และ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/board6535.html
ครับ
4 กรกฎาคม 2553 15:35 น.
คนกุลา
ปาดน้ำตาบ่าปริ่มข้างริมแก้ม
กลบโศกแซมแววตาคราคิดถึง
ภาพชายร่างสูงใหญ่ในคำนึง
และรอยตรึงฝังตรงความทรงจำ
คอยตามติดชิดใกล้มิได้ห่าง
แบกทั้งร่างขึ้นคอหัวร่อขำ
โลกใบนี้มีคราว...ราวใจดำ
จึงมานำเขาพรากจากอกไกล
เหมือนนางฟ้าตกสวรรค์แต่วันโน้น
เสียงปลอบโยนเคยมีอยู่ที่ไหน
ร่างสูงล้ำกำยำกายได้อุ่นไอ
เหลือเอาไว้เพียงฝันอันลางเลือน
จะมีใครไหนเล่าให้เจ้าโทษ
แสนขึ้งโกรธโรงฯบาลนั้นกว่าเพื่อน
ไม่รีบเร่งรอท่าช้าแชเชือน
จนโรคเคลื่อนเลื่อนร้ายไกลเกินกาล
หากดูแลรักษามาแต่ต้น
ไม่ปล่อยจนโรคลามตามล้างผลาญ
เถอะวันหน้าจะเป็นพยาบาล
เพื่อทำงานดูแลแก่ทุกคน
“อย่าไปทำอย่างเขาเราได้เห็น
อยากจะเป็นอย่างนึกเร่งฝึกฝน
จงใส่ใจในค่าประชาชน
หมั่นอดทนดูแลอย่างแท้จริง”
ปาดน้ำตาบ่าปริ่มข้างริมแก้ม
เด็กหญิงแย้มแก้มใสราวไฟผิง
กราบรูปแสนแมนสง่าคราอุ่นอิง
ประทับสิ่งสอนใจไว้เท่านาน...ฯ
คนกุลา
ในวสันต์
4 กรกฎาคม 2553 12:08 น.
คนกุลา
๐ ฟ้าคะนองก้องครางกลางผืนฟ้า
เมขลาล่อแก้ววาบแววไหว
รามสูรเคืองแค้นแน่นหทัย
ขว้างขวานไปตะบึงประหนึ่งพาล
๐ เป็นตำนานขานขับนับนานเนิ่น
พอเพลิดเพลินพาเล่ามากล่าวขาน
หากแต่ฝนหล่นในใจแสนนาน
ได้แต่จารใจหม่นหมายปรนเปรอ
๐ เรียงร้อยร่ำฉ่ำดั่งหวังให้รู้
ว่าพี่ผู้อยู่ไกลใฝ่เสมอ
อยากฟังคำพร่ำวอนเหมือนก่อนเจอ
ยามน้องเพ้อพรอดอ้อนเว้าวอนใจ
๐ ฝนครึ้มฟ้าคราใดพาใจคิด
เพ่งพินิจจิตคล้ายคลายผ่องใส
หลายเดือนปีที่สองเราต้องไกล
ความอาลัยไยมาทุกคราคราว
๐ ไม่อยากจากจำยอมห่างจอม ขวัญ
นานนับวันผ่านวน..ร้อน..ฝน..หนาว
ก่อตำนานสานรักถักเรื่องราว
มุ่งสืบสาวยาวไปให้นานครัน
๐ ยามฝนหลั่งโลมมาจงอย่าโศก
ยามลมโบกโยกหมุนอย่าหุนหัน
รอลมลาฟ้าใสชื่นใจพลัน
คงเห็นฝันฝากในสายรุ้งงาม
คงเห็นฝัน พี่ฝากใน สายรุ้งงาม....ฯ
*************
.................
คนกุลา
ในวสันต์
1 กรกฎาคม 2553 16:44 น.
คนกุลา
๐ เมฆหม่นลอยอ้อยอิงพิงฟ่อนเมฆ
ฝนราวเฉกเสกย้ำฟ้าฉ่ำฝน
บนฟ้าใสใหม่ทาฟ้าเบื้องบน
เราไยหม่นเหมือนหมองครองใจเรา
๐ เริ่มเดินทางกลางฝันในวันเริ่ม
เหงามาเติมใจหวังยังคงเหงา
เบาใจบางพร่างฝันวันใจเบา
เยือนนานเนาว์เนิ่นมากยังอยากเยือน
๐ พรั่งพรายพรูดูใบไม้สะพรั่ง
เหมือนพลังปลุกกลับคลับคล้ายเหมือน
เดือนดาวเวียนเปลี่ยนกาลผ่านปีเดือน
มาคอยเตือนแต่งหวังทุกครั้งมา
๐ จับมือกันมั่นหมายคล้ายเคยจับ
หานานนับเกินใจจะใฝ่หา
คราไกลกันมุ่งหวังทุกครั้งครา
วอนวาจาว่าปลอบตอบคำวอน
๐ ขวัญพี่ไปใช่ลับกลับเชยขวัญ
หมอนใบนั้นวันหน้ามาร่วมหมอน
พรร่วมขอรอย้ำอำนวยพร
วันคืนก่อนเคยเศร้าเฝ้ารอวัน
๐ เมฆหม่นลอยอ้อยอิ่งพิงฟ่อนเมฆ
ฝันหมายเสกดวงใจที่ใฝ่ฝัน
พลันพร่างหวังครั้งใหม่ให้ชื่นพลัน
รอพี่นั้นคืนชมให้สมรอ
*************
.................
คนกุลา
ในวสันต์