2 กุมภาพันธ์ 2553 11:41 น.
คนกุลา
๐ หุบกรงเล็บเก็บงำกำบังหน
เสกพยนต์มนต์ดำพร่ำคุณไสย
เสือสมิงทิ้งแถวย่านแนวไพร
จนใครใครลืมนามเคยขามกลัว
๐ โนนเนินป่าพร่าป่นถูกกร่นถาง
ตะแบกยางยืนเหงาสิ้นเงาหัว
ม่านหมอกควุ้งควันไฟไหวระรัว
เสันทางทั่วตัดแผ่นดินแดนดง
๐ หมู่มวลไม้ใหญ่น้อยก็ค่อยหมด
ไม่พอทดแทนหวังดังประสงค์
สร้างตู้ตั้งตั่งเตียงโค่นเรียงลง
หมู่พฤกษ์พงศ์สูญสลายไม่เหลือตอ
๐ คราป่าร้างสางเสืออยู่เพื่อสูญ
ดงเกื้อกูลบังกายมลายหนอ
ลบหมดลายคล้ายย้ำกำมะลอ
เที่ยวซอมซ่อรอลักเศษซากกิน...ฯ
คนกุลา
ในเหมันต์
1 กุมภาพันธ์ 2553 19:44 น.
คนกุลา
๐ ปิดตาหลับตรับเสียงสำเนียงพลิ้ว
วู่ลมปลิวเมฆหม่นบนฟ้าใส
หลับแล้วลงตรงตักหมายพักใจ
เพื่อจะได้เฝ้าฝันกลางจันทร์นวล
๐ คืนจันทร์ผ่องส่องดาวหลบพราวแสง
ด้วยเริงแรงสาดไสวพาใจหวล
นิ่งสนิทในนิทราครารัญจวน
สู่กระบวนนิมิตจิตเพริศพราย
๐ โสมผ่องเพ็ญเย็นวับจับผิวน้ำ
ดุจระบำโบกพัดสะบัดสาย
ระลอกพลิ้วทิวคลื่นชื่นพระพาย
กระพริบพรายคล้ายริ้วธงทิวงาม
๐ ไม้ตะคุ่มซุ่มดูอยู่ริมฝั่ง
ปานระวังชั่งใจหากไหวหวาม
คลอลมครวญหวลไห้ร่ายนิยาม
ราวทวงถามความหนึ่งซึ่งยังจำ
๐ ยังนึกได้ใช่ไหมในครั้งโน้น
ใครปลอบโยนยั่วเย้าให้เจ้าขำ
บอกหลับตาคราหลังดั่งเคยทำ
ค่อนคืนค่ำย้ำหาทุกราตรี
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์