30 กันยายน 2552 23:04 น.
คนกุลา
.
๐ หิมาลัยดั่งห้วง หทัยฝัน
คลอม่านเมฆเสกสรรค์ ช่อแก้ว
วาววับสุรีย์พลัน ยามส่อง แสงแฮ
ทิวเทือกงามเพริศแพร้ว แต่งฟ้าสวรรค์สรวงฯ
๐ ยามยลเห็นภาพนั้น งามตา จริงเฮย
ใจอิ่มเอิบคราวมา ถิ่นนี้
ควรสุขยิ่งในครา เยือนเยี่ยม นางเฮย
หากคู่เคียงคลอชี้ ดั่งให้ชมฝัน..ฯ
๐ เรียมมายืนอยู่คล้าย คอยใคร
หนาวเมื่อลมพัดไกว ดั่งเย้า
แดนฝันเร่งดวงใจ คนึงนุช นางนา
ภูสุดสูงไยเร้า เร่งให้ใจหวาม..ฯ
๐ หิมาลัยดั่งสร้อย เทวา งามเอย
สรรม่านกรองเมฆา เสกสร้าง
มองเห็นภาพกลางนภา ปานวาด แม่เฮย
งามมิเคยราร้าง ทุกห้วงกาลสมัย..ฯ
๐ ชมภูเขาหากเจ้า คลอเคียง
หวังร่วมปองขวัญเพียง ชิดไกล้
สารคำขับขานเสียง หมายสื่อ ใจนา
ยามเมื่อเยือนหมายได้ ร่วมน้องสายสมร..ฯ
๐ เขาไหวหวามท่ามฟ้า พราวพราย ท่านนา
มาเปลี่ยวจึงเดียวดาย หม่นแท้
ยลใดหากหาคลาย ใจคิด ถึงนา
อุกอั่งทรวงเกินแก้ ฟากฟ้าพาหมอง..ฯ
.........
คนกุลา
ในวสันต์
26 กันยายน 2552 17:20 น.
คนกุลา
๏ เยินยอยังทั่วด้าว แดนไตร
เป็นมิ่งขวัญผองไท ทั่วหล้า
จงมาโปรดอวยชัย พรมอบ มาเฮย
หวังสุขไปภายหน้า ทุกข์ร้ายมลายสูญ..ฯ
๏ วันทาลงแทบเท้า พุทธองค์
ธรรมเนื่องนำประสงค์ ส่งให้
บูชาเพื่อธำรง ชูศาสน์ ท่านเอย
มวลพระสงฆ์คงไว้ สืบเชื้อคงศีล..ฯ
๏ ขอพรธตรฐเบื้อง บูรพา
ท้าววิรูปักษา อีกข้าง
วิรุฬหกคุมครุฑา มาปก ปักนา
เวสสุวัณฤๅร้าง รักษ์แคว้นแดนสรวงฯ
๏ ถึงธรณีแม่ผู้ ครองดิน ทั่วเฮย
ไหลสู่คงคาริน แหล่งน้ำ
วาโยพัดรวยริน คราโบก
หวังส่งเตโชซ้ำ มอดไหม้เทวษขวัญ..ฯ
๏ เปิดใจหวังเทอดฟ้า คัคนางค์
ใจเมื่อหมายปล่อยวาง เพริศแพร้ว
กายใจทั่วสรรพางค์ คราวก่อ เกิดนา
ทำจิตใสราวแก้ว กราบเท้าพระคุณ..ฯ
๏ ขอบุญบังเกิดแล้ว ทุกกาล
อันสั่งสมมานาน เนิ่นช้า
ศีลทานโปรดบันดาล มาส่ง ผลแฮ
หวังเทพในทุกหล้า ช่วยข้าฯเปิดบุญ..ฯ
.........
คนกุลา
ในวสันต์
25 กันยายน 2552 21:17 น.
คนกุลา
๐ ฝนครวญคราสลับด้วย แสงไฟ
คืนค่ำพรมไรไร หยดย้อย
ปานปรางพร่างชลใส เพียงหยาด รินนา
เรียมนั่งเดียวดายร้อย ถักถ้อยคำสรรค์..ฯ
๐ ยามยลฝนหลั่งหล้า โลมดิน นางเอย
เหมือนอาบลงบนจินต์ ภักดิ์นี้
ยามแสนห่างยังถวิล เกินเอ่ย คำแฮ
หวังว่าใครบอกชี้ ช่องให้ถึงสมร..ฯ
๐ เพียงคราวใดห่างน้อง นวลนาง แม่เอย
กลัวนักใจจืดจาง จึ่งย้ำ
คราจรจากฤดีคราง คนึงสุด นุชเฮย
ผิว์หวั่นใครกรายกล้ำ ชื่นเนื้อเรียมถนอม...ฯ
๐ แสนคำนึงพี่เฝ้า รำพัน
ยามห่างหายนางพลัน พรากข้าฯ
ขานกรองร่ำจำนรรจ์ มาสู่ นางนา
หวังรับคำลอยฟ้า ส่งข้ามขอบสรวง..ฯ
๐ ถวิลหวนกอรักได้ ถักทอ
ใจหากราวคอยรอ ดอกสร้อย
นวลใจพี่เคยคลอ หาห่าง กายแฮ
หวังภักดิ์นวลสาวน้อย ที่ได้ร่วมฝัน...ฯ
๐ ใจยังคงเรียกย้ำ รอขวัญ
ในทุกยามสายัณห์ ค่ำเช้า
นานนมแต่ปางบรรพ์ เรียมร่ำ รอนา
งามพรั่งหวังรักเจ้า แห่ห้อมคืนหอม..ฯ
.
คนกุลา
ในวสันต์
.........
24 กันยายน 2552 11:55 น.
คนกุลา
๏ เมฆมัวคลุมม่านฟ้า ดำหมอง ท่านเอย
ยามก่อนโปรยละออง ดั่งย้ำ
ไหลลงชุ่มเนืองนอง แสนชื่น
เหมือนดั่งบอกหลังคล้ำ ฟากฟ้าคืนใส...ฯ
๏ กาลเคยเป็นเช่นนั้น จริงเจียว น้องนา
ฝนพร่างพรำคราวเดียว เลิกร้าง
สุรีย์ส่องลำเรียว คืนสู่ โลกนา
แสงฝ่าลอดเลยข้าง หว่างคลุ้มเมฆฝน...ฯ
๏ ฝนพรายแดดเช่นนี้ นานมา
บรรสานที่กลางนภา ถักรุ้ง
ถึงหาเกิดกับตา เรียมเช่น เอ่ยแฮ
ภาพดั่งเห็นในคุ้ง ขอบโพ้นเงาใจ...ฯ
๏ แดดใสพอไม่ช้า เพียงนาน
ฝนก็พลันพรมลาน อีกครั้ง
สลับกันกับแดดหวาน หมุนเปลี่ยน เวียนนา
ไยดุจเหมือนใจตั้ง หลอกฟ้านภสรวง..ฯ
........
คนกุลา
ในวสันต์
23 กันยายน 2552 11:01 น.
คนกุลา
๐ ฝนฉ่ำฟ้าคราไหนเมื่อใจสุข
หลั่งฝนชุกเพียงไหนหากใจหวาม
นั่งสบตายาใจใต้ฟ้าคราม
มีคนงามทรามเชยร่วมเอ่ยคำ
๐ สายฟ้าแลบแปลบปลาบฤๅวาบไหว
ส่องหทัยนงรามเจ้างามขำ
ฟังคำพี่เอ่ยพจน์จงจดจำ
ในลำนำเว้าวอนผ่านกลอนกานท์
๐ ยังจดจำคำซึ้งคิดถึงพี่
วังวารีเคยเยือนคืนเดือนหวาน
มองคลื่นพรายใต้จันทร์ในวันวาน
ร้อยดวงมานสานรักเฝ้าถักทอ
๐ ชมหิ่งห้อยพร้อยแสงแต่งคืนหลับ
สาดแสงจับลำพูคู่กันหนอ
เหมือนสองเราร่วมเคียงอย่างเพียงพอ
สมเฝ้ารอคอยนางแต่ปางบรรพ์
๐ คำสัญญาว่าปองจะครองคู่
เกี่ยวก้อยอยู่สู่ห้วงสรวงสวรรค์
พี่และน้องครองใจหมายเคียงกัน
หวังร่วมฝันเรืองรองรักสองเรา
๐ อย่าเพียงแลบแปลบปลาบแล้ววาบหาย
ให้รักคลายร้างไกลจนใจเหงา
จงยั่งยืนชื่นบานนับนานเนา
ดุจดั่งเงาทาทาบตราบนิรันดร์
คนกุลา
ในวสันต์