. .............. โค้งรุ้งพาดสาดผ่านม่านสายฝน เมฆมัวหม่นกล่นเกลื่อนเหมือนคนเหงา โค้งฟ้าฝันกั้นกางระหว่างเรา นภาเทาทาบทับนับวันคอย รุ้งแสนงามยามแสดแดดสาดพร่าง ม้วนหมอกจางเจือละอองล่องฟ้าหงอย รุ้งเลื่อมลายสลายพลันฝันล่องลอย หมอกบางปอยคล้อยเคลื่อนจนเลือนลาง เมื่อรุ้งพรายพ่ายแสงเริ่มแรงร้อน คนึงย้อนยังหนักหนาวรักร้าง เก็บดวงใจใสล้ำมิอำพราง ปาดสองปรางน้ำปริ่มถักยิ้มทอ รอบางใครใจรักที่หนักแน่น มิคลอนแคลนแสนรักภักดิ์ไม่ท้อ ทั้งมีใจใฝ่เคียงอย่างเพียงพอ ให้หวังก่อทอหวังอีกครั้งครัน หวังสลายกลายกลับแสนสับสน ขอบฟ้าหม่นมัวหมอกบอกยังฝัน สองใจตั้งหวังสร้างทางร่วมกัน สว่างพลันฟ้าพรายคลายเมฆบัง ฟ้าหลังฝนหม่นละจะสดใส ล้างดวงใจใสเสริมเริ่มอีกครั้ง ปาดน้ำตาปร่าแก้มแต้มเติมพลัง กลบความหลังลบรอยเคยน้อยใจ โค้งรุ้งพาดสาดผ่านม่านสายฝน เราเหมือนคนเคยผ่านกาลหม่นไหม้ ปลอบปลุกจินต์สิ้นแรงแกร่งนะใจ เพื่อบางใครคนนั้นฝันร่วมทาง . ........... ในวสันต์ คนกุลา
....................... ๐ ท่ามพนาป่าไม้ริมสายน้ำ แฝงงามย้ำยวนใจดุจในฝัน หลบอยู่กลางหว่างไม้ในสายัณห์ ลี้ตะวันผันร่างพรางจันทร์นวล ๐ เป็นที่พักพิงเงียบเลียบชายป่า หมู่มาลาระรวยสวยไม้สวน ดาษด้วยดงดอกโมกวิโยคครวญ แซมลำดวนด่วนลาครานางจร ๐ อีกกอไผ่ใบหนาหน้ากระท่อม คอยเห่กล่อมค้อมไกวปลิวใบว่อน ยามลมพัดสะบัดเบาปานเว้าวอน เหมือนเจ้าอ้อนเอ่ยชายให้หมายชม ๐ ปราสาทใดไหนหนาจะมาเทียบ จะมาเปรียบกระท่อมป่าสง่าสม ที่หวานหอมกล่อมใจในสายลม พร่างพรพรหมเพียงสะดับรับร่วมกัน ๐ เรามีกันและกันในวันนี้ เจ้าละหวั่นพรั่นฤดีมีไหมขวัญ เสียงนกร้องก้องไพรในเพ็ญจันทร์ ยามตะวันนั้นหายคล้ายมืดมน ๐ น้องกลัวกลางหว่างไพรบ้างไหมเจ้า เสียงป่าเย้าลึกลับดูสับสน ผืนวนาคราร้างห่างผู้คน เจ้ากังวลหม่นใจบ้างไหมนาง ๐ เมื่อพี่อยู่คู่เจ้าเศร้าไฉน จะมีใดให้มีที่หมองหมาง ฤๅยุงริ้นบินใต่ให้ระคาง จะป้องนาง/นวลนี้มิระคาย ๐ อยู่ท่ามกลางพร่างไม้ริมสายน้ำ พอฟ้าค่ำรำไรไฟสาดสาย สร้อยวสันต์พลันพรำร่ำระบาย ชื่นพระพายพัดฝนที่หล่นริน ๐ ปราสาทใดใครหนาจะมาเทียบ จะมาเปรียบกระท่อมหนึ่งซึ่งงามสิ้น กระทั่งเทพทิพย์สถานพิมานอินทร์ ฤๅเทียมถิ่นท่ามหอมกระท่อมเรา . ........ ในวสันต์ คนกุลา
................. ๐ อดีตกาลนานนักเกินจักนับ เป็นแสนกัปป์โกฏิกัลป์โลกวันอื่น อสงไขยหมายตามท่ามวันคืน หวังมาชื่นเชยฝันในวันนี้ ๐ กี่เขาเขินเนินไศลได้ไต่ข้าม กี่สงครามคร้ามครองรองวิถี กี่หนนับสิเน่หาประดามี กี่ราตรี/ทิวาที่ว่ารอ ๐เพียงพบพักตร์ตระหนักประจักษ์จิต รู้ยอดมิตรมารศรีที่คอยหนอ แสนล้านปีที่ใจใฝ่พนอ ก็เพียงพอเกินภักดิ์จักมอบเธอ ๐ กี่ห้วงน้ำข้ามฝ่าเพื่อมาสู่ กี่เสียงกู่รู้เพรียกเรียกเสมอ กี่ภพชาติมาดหมายจะได้เจอ เพื่อครองเธอที่หมายได้ภิรมย์ ๐ กี่แสนฝนบนทางสรรค์สร้างรัก ที่ทอถักทางผ่านผสานผสม ที่อ้อยอิ่งอิงใอในสายลม ที่ค่อยบ่มห่มรักถักตำนาน ๐ คือตำนานหวานหวังดังประสงค์ ยังดำรงคงกว่าที่ว่าหวาน คือห้วงรักจักเรื่อเหนือตำนาน คือรักผ่านสานฝันในวันรอ ๐ อดีตกาลนานนักเกินจักนับ เป็นแสนกัปป์โกฏิกัลป์วันไหนหนอ อสงไขยหมายตามาพนอ ให้ออกช่อรอหวังกลางห้วงกาล ......... ในวสันต์ คนกุลา ................................
.................................. ๐ ดอกลั่นทมพรมเรี่ยหล่นเกลี่ยพื้น หากต้นยืนฝืนพรางรักร้างขม ลีลาวดีนี้หรือชื่อลั่นทม ดุจย้ำตรมตรอมที่มีในใจ ๐ ดอกขาวเหลืองเรืองหวานยามบานช่อ งามละอออุ่นตาฝ่าแดดใส ลีลาวดีคลี่บานมิทันไร แล้วจึงใยให้ลั่นทมผสมเติม ๐ ดั่งใจคนหม่นไหม้คล้ายร้าวทุกข์ ใฝ่หาสุขโสดไหนได้มาเสริม กลับมาร้าวรันทดกลอนบทเดิม อารมณ์เริ่มแรกหมายคล้ายคลึงกัน ๐ หวังแหวกออกนอกวงที่หลงไหล ออกจากใจไหวเศร้าจนร้าวฝัน ออกจากไฟไหม้คว้างพรางหมอกควัน มุ่นมัวควั่นคว้างออกนอกสายทาง ๐ อยากได้ใจใสดวงในห้วงนึก หวังตรองตรึกระทึกใจจนใสพร่าง เปลี่ยนดวงใจไหม้หม่นจนเลือนลาง ใสสว่างอย่างลีลาวดีที่ชวนชม ๐ ดอกลั่นทมพรมพร่างกลีบบางช้ำ เหมือนมาย้ำเรื่องราวรักร้าวขม ขอหลับฝันบรรจถรณ์แห่งพรพรหม ใหัรักตรมกลายหวานบนลานใจ . ........ ในวสันต์ คนกุลา
............. ราวเรื่องเล่าคราวนั้นวันเราสอง เคียงประคองคล้องฤดีที่ในฝัน มองเมฆปอยลอยกรายคล้ายหมอกควัน ปราการกั้นฤๅขวางหนทางใจ ภาพขุนเขาเงาน้ำแสนงามล้ำ ดุจดื่มด่ำแดดวงแห่งห้วงไหน วนหวังย้ำท่ามนทีจากที่ไกล ว่าหทัยเหมือนหมายมุ่งได้ครอง เขียนขอบฟ้าทาหม่นฝนปรอยสาย รินระบายน้ำผ่านสู่ธารหนอง ปลุกชีพแห้งแล้งร้ายให้สมปอง ชื่นฉ่ำสองห้องใจไปเท่านาน เขื่อนกักน้ำล้ำลึกเกินนึกคิด หากดวงจิตคิดใคร่ได้ประสาน กอบเก็บไฟใฝ่ฝันทุกวันวาร อุ่นดวงมาลย์สานใส่ภายในจินต์ รำลึกรักหากย้อนวันก่อนเก่า ไม่มีเราเนาว์ร้างห่างถวิล เหงาผืนน้ำงามแลแพล่องริน ดั่งชีวินโดดเดี่ยวเคยเดียวดาย ม่านภูเขาเงาฝันในวันนี้ สองฤดีคลี่นิยามบอกความหมาย วอนผืนน้ำท่ามไพรอาบใจกาย ตราบชีพวายหวังเคียงภักดิ์เพียงเธอ . ............... ในวสันต์ คนกุลา