5 พฤษภาคม 2552 12:49 น.
คนกุลา
"
มาอุบลราชธานีอีกกี่ครั้ง
มาเพื่อฟังคำตัดรอนเหมือนก่อนโน้น
ลืมแล้วหรือคำสร้อยคอยปลอบโยน
ใครตะโกนยั่วเย้าคราวแง่งอน
คอยปลอบใจในวันอันหน่วงหนัก
สายใยรักเคยสานก่อล้อออดอ้อน
เมื่อเธอมีคนใหม่ไม่อาทร
ใจรอนรอนเราอย่างดีแค่พี่ชาย
ทั้งที่รู้อยู่ว่าน่าจะจบ
แต่ทำใมถึงลบเขาไม่หาย
หรือต้องกอดสัญญากว่าจะตาย
หรือสุดท้ายมีเพียงเราเฝ้าทุกข์ทน
สัญญาใจไร้ลายเซ็นต์เป็นประจักษ์
สัญญารักไร้ลายเซ็นต์ไม่เห็นผล
สัญญาฝันเมื่อทำกันเพียงสองคน
สัญญาหม่นเห็นทีตรมล้มละลาย
คงมาพบสบตาเพื่อลาจาก
ความรักเอยคงสุดยากหากจะหมาย
ความในใจหวังเอ่ยปากตั้งมากมาย
ที่ทำได้เพียงหลบตาไม่กล้ามอง
มาอุบลบ้านคนดีอีกกี่ครั้ง
มาเพื่อฝังซากใจไหม้หม่นหมอง
เก็บงำคำฉ่ำหน้าน้ำตานอง
ป่วยการต้องถามหา...สัญญาแล้ว
....................
4 พฤษภาคม 2552 19:01 น.
คนกุลา
.............
เยราวานย่านนี้มีใครรู้
ไกลสุดกู่ขอบฟ้าเวหาหาว
มาเพื่อเพียงเลี่ยงให้ไกลใครบางคราว
ลืมเรื่องราวเศร้าใจใครบางคน
.
ฟ้าทั้งฟ้ายังมืดชืดและเงียบ
ลมเย็นเฉียบพัดเบาเบาสานเงาฝน
เมฆบางปอยลอยล่องฟ้าท้าลมบน
เมฆและฝนเป็นเช่นนี้ทุกที่ไป
.
ไฟหลายดวงพร่างแสงแต่งเมืองหลับ
ส่องแสงวับขับสายตาฟ้าเริ่มใส
ภาพรอบข้างกระจ่างย้ำขึ้นรำไร
หากหัวใจเราชืดเย็น..เหมือนเช่นเดิม
.
..................
3 พฤษภาคม 2552 23:07 น.
คนกุลา
""""
ปุยเมฆขาวพราวหม่นบนม่านเมฆ
ก่อเกิดเฉกสลับก่อเป็นช่อชั้น
ต้นฤดูฝนใหม่ในบางวัน
ขอบฟ้าฝันทาบทอจางอย่างที่มี
เมฆจับตัวเป็นปุยใยเหมือนในฝัน
เกิดภาพอันวิจิตรนิมิตสี
น้ำเบื้องล่างทางเคี้ยวคดฝายทดมี
ขุ่นวารีสีปูนข้นล้นฝั่งนอง
ที่ขอบฟ้าตอนนี้เป็นสีส้ม
ส่วนผสมสีเหลืองแดงแต่งแต้มหมอง
เมื่อวันนี้ไม่มีฟ้าสีทอง
หม่นสีหมองจึงต้องจำเอ่ยคำลา
แม้ไม่อยากย้ำว่าต้องลาจาก
ความคิดถึงจึงมากเกินตากหน้า
ยิ้มเย็นเย็นเร้นน้ำใสปริ่มนัยตา
คำสัญญาเคยให้เรา...เขาคงลืม
.
.....................
1 พฤษภาคม 2552 22:07 น.
คนกุลา
.............
ดอกแก้วเจ้าจอมหอม
เด็ดดมดอมหอมกลิ่นกรุ่น
หอมบางจางละมุน
ย้อมใจคุณเพื่อรอใคร
.
หอมดินปนกลิ่นสาว
หอมดอกข้าวพราวแดดใส
ตูมตัวบัวบังใบ
แล้วตูมใจรอใครกัน
.
คิดถึงจึงมาหา
เพื่อรู้ว่าไม่เพียงฝัน
ร้อยดอกบอกคืนวัน
เพื่อรอขวัญนั้นคืนใจ
.
มาเยี่ยมยามถามหาเพลาดึก
ในส่วนลึกล้วนนิยามว่าหวามไหว
เรื่องราวคราวก่อนยังอ่อนใจ
ว่าเป็นไรอยากรู้ซึ้งจึงมาเยือน..
.
..................