13 พฤษภาคม 2552 01:38 น.

..เพลงขลุ่ย..คืนเพ็ญ..

คนกุลา

.

แมงฮ่วงร้องก้องป่าฤๅกล้าร้อง
แข่งเสียงของขลุ่ยพญาฯพลิ้วพร่าโหย
ระริกนิ้วพริ้วหาเหมือนราโรย
ครวญโอดโอยโรยรินปานสิ้นแรง

จันทร์เพ็ญในมืดค่ำเมฆดำหุ้ม
พยับคลุมม่านฟ้ามาทุกแห่ง
ดังจะปิดลิขิตฝันคืนจันทร์แรง
หรือจะแกล้งเพ็ญจันทร์กลางวันเพ็ญ

ขลุ่ยพญาชิงชันขันขับเสียง
ดาลเผดียงกระพริบฟ้าราวตาเห็น
เพลงไกลบ้านซ่านมาน้ำตากระเซ็น
เสียงใสเย็นว่ายฟ้าในราตรี

คนขับขลุ่ยมีคนแอบอยู่แนบข้าง
เรากลับร้างห่างมาเพราะหน้าที่
ขลุ่ยพลิ้วรัวเหมือนยิ่งเย้าร้าวฤดี
ใจเหลือที่อยากทวงถามเกินห้ามใจ

วางพญาชิงชันในพานคำ
หยิบพญางิ้วดำมาย้ำใหม่
นำเสนอรักเธอประเทศไทย
ย้ำเป็นไปของเหตการณ์ในบ้านเมือง

คนเป่าขลุ่ยขยับลมผ่อนลมไว้
เพื่อจะได้ถ่ายเสียงเรียงต่อเนื่อง
รื่นไล้ลมพรมนิ้วตามงามประเทือง
สานราวเรื่องเสียงขลุ่ยไทยไว้งดงาม

นั่งฟังขลุ่ยพรมนิ้วลิ่วระริก
นิ้วกระดิกลมล้อไล้ใจอยากถาม
ใยมาเย้าเร้าล้อเลียนเวียนมาตาม
เหมือนจะหยามหยันเศร้าคนเฝ้ารอ

ฟังเพลงขลุ่ยกี่ครั้งก็ยังเศร้า
ตั้งแต่คราวยังมีขวัญนานแล้วหนอ
ยามขลุ่ยโหยโรยมาน้ำตาคลอ
ก็...เพราะก็...เสียงขลุ่ยมา..พาเศร้าตรม

.

.................				
12 พฤษภาคม 2552 12:24 น.

. .ทุ่งนางคอย..

คนกุลา

.
เมฆสีขาวราวธงริ้วรับทิวเมฆ
เทือกเขาเอกเขนกทับดุจหลับไหล
ข้าวเพิ่งย้ายแปลงกล้ามาไวไว
ขังน้ำใสคลอนากอกล้าเรียง

คนบ้านนาอยู่ก็ชินกินก็ง่าย
พอแดดบ่ายมุมทะแยงแดดแดงเฉียง
เด็กเริ่มสาวออกหาปลามามองเมียง
ซึ่งพอเพียงตามประสาบ้านนาไกล

ที่ริมคูปูนาข้าวกล้างอก
ใบระลอกดุจคลื่นเขียวเรียวไสว
พุทธรักษาร่าดอกแดงแกว่งลมไกว
เย็นน้ำใสไหลเย็นเช่นทุกวัน

สาวนาน้อยคอยอยู่นาอาจว้าเหว่
เมื่อหนุ่มเร่ราร้างเดินทางฝัน
ทิ้งบ้านนาลาดอยลืมรอยจันทร์
อย่าลืมวันหน้าเกี่ยวเก็บเรียวรวง

จะรออยู่กับนาทำหน้าที่
จะรอพี่กลับนามารับช่วง
วันเก็บเกี่ยวข้าวกล้าพี่อย่าลวง
สมน้องหวงข้าวใหม่ไว้ให้พี่ชิม



.................

. 
 
ขอบคุณภาพจาก เอ็นทรี่ คุณพุด				
11 พฤษภาคม 2552 11:08 น.

ดั่ง..เทพอุ้มสม..

คนกุลา

.

หนึ่งหนุ่มหนึ่งนางฟ้ามาประสบ
เพื่อเพียงพบในห้วงฝันอันแสนหวาน
กลางรุ้งราวพราวพรายพรรณของวันวาน
เกิด ณ กาลลานแห่งนั้นดงลั่นทม

กลางทะเลสีใสในแดดสวย
ลมระรวยสมเสพย์เทพอุ้มสม
ดั่งร่างทิพย์หมุนคว้างกลางสายลม
ดุจได้ชมนิมิตขวัญนิรันดร์กาล

เมื่อได้มาพบฝันอันแสนสวย
ตบแต่งด้วยความจริงนิ่งบรรสาน
กริ่งเพียงแต่ฝันแปลกจะแหลกราญ
เมื่อยามกาลผ่านพ้นทิพย์ดนตรี

อาศัยเพียงจิตพักพิงนิ่งพิสุทธิ์
และเร่งรุดสร้างหวังกลางแสงสี
ความจริงกับฝันหนอต้องพอดี
เหมือนวาดสีสันต์งามในความจริง

นักเดินทางเทียวมาต้องกล้าฝัน
หนามไหน่นั่นแม้นเหมือนมีดกรีดทุกสิ่ง
เจ็บถึงใจไม่ไหวห่วงจะท้วงติง
เพราะเหมือนยิ่งเจ็บย้ำปวดซ้ำใจ

แต่หากใจไม่กล้าฝันอีกวันนี้
หรือจะมีได้พบฝันในวันใหม่
ที่ขอบฟ้าปลายฝันนั้นรอใคร
หากหัวใจเราไม่กล้าจะก้าวเดิน

ที่ปลายฟ้ายังรอเธอทอฝัน
รอนับวันผ่านกาลอันนานเนิ่น
หวังเพียงวันเธอคงหยุดหลงเพลิน
เปลี่ยนทางเดินล่วงปลายฟ้า...เฝ้าท่ารอ

.

..................				
10 พฤษภาคม 2552 17:18 น.

"เพลง..ปี่ใบไม้"

คนกุลา

.

หยิบเพลงปี่ใบไม้หมายมาฝาก
เป็นเพลงจากคนรักป่ามาฝากขวัญ
มธุรสร่ายผ่านม่านแสงจันทร์
ในคืนวันที่ต้องพรากจำจากไกล

เสียงใบไม้ใบไหนที่ได้เป่า
ดังเสียงเล่าล่วงแคว้นสุดแดนไหน
เป็นเพลงปี่ใบไม้ร่ายแทนใจ
คลอหรีดหริ่งเรไรในป่าดง

กลางคืนค่ำจันทร์ร่ำฟ้ามาพร่างผ่อง
ใจลอยล่องอิ่มดวงสรวงสร้อยสรง
ให้เทพทิพย์เพียงผ่านพิมานพง
ที่เคยหลงพงไพรจับใจนวล

หมู่แมกไม้สร้างใบไว้รับแสง
คนกลับแปลงมาสร้างโศกวิโยคหวล
สรรค์สร้างปี่ใบไม้ได้คร่ำครวญ
ปิ๊ดปี่หวลถึงเจ้าคราวอยู่ไกล

เป็นเพลงปี่ใบไม้ชายชาวบ้าน
วิเวกหวานวี่วับจับเสียงใส
สะท้อนเสียงสำเนียงร่าจากป่าไพร
เป่าผ่านใบบางไม้ร่ายลำนำ

อาจไม่รื่นไพเราะเสนาะเสียง
หากฟังเพียงร่ายหัวใจรินไหลร่ำ
เป่าออกปากจากใจใส่น้ำคำ
ลึกหวานล้ำอารมณ์ศิลป์ดินแดนดง

เป็นเพลงปี่ใบไม้ชายคนยาก
หวังจะฝากหัวใจยังไหลหลง
พร้อมกับความภักดีที่ซื่อตรง
ขอนางจงอย่าหน่ายปี่ไม้ใบ

.

..........				
10 พฤษภาคม 2552 01:52 น.

ม่านหม่นในคืนเพ็ญ..

คนกุลา

.
ช่วงย่ำค่ำฟ้าคล้ำมัวทั่วทั้งฟ้า
ดวงจันทราอยู่ไหนไร้แสงส่อง
เพราะเมฆมัวมืดสนิทผิดทำนอง
บดแสงของจันทร์เจ้าให้เศร้าปน

ทั้งทั้งที่น่ามีจันทร์กระจ่างแสง
พร่างแจรงนวลอร่ามท่ามเวหน
ใยละม้ายคล้ายหัวใจใครบางคน
ที่หมองหม่นเพราะเมฆม่านคลุมผ่านใจ

จนดึกล่วงจวงจันทร์จึงดั้นเมฆ
เหมือนดั่งเฉกปานลอยผ่านม่านไศล
จึงสบสานม่านจันทร์อันรำไร
ค่อยไสวสว่างพร่างแสงนวล

ได้แช่มชื่นบางใครที่ใจหมอง
นับประคองคืนหวังยังไม่ถ้วน
ให้ชื่นชมสมจิตคิดทบทวน
แอบชื่นนวลแขงามอ่าอำไพ

เปรียบคล้ายไปใจเราในเงาหม่น
ยามเหมือนคนที่หลงทางกลางดงใหญ่
สุดแต่แรงแห่งกรรมจะนำไป
ตกที่ใดแห่งหนไหนไม่รู้แล้ว

ยิ่งสาวเท้ามุ่งทางอย่างเร่งร้อน
ดั่งยิ่งจรลึกพงดงเถื่อนแถว
ยิ่งเร่งรุดเหมือนรกสุดไม่เห็นแนว
ไม่รู้แถวถูกทางควรย่างเดิน

หากไม่รั้งสติเป็นที่ตั้ง
ยิ่งจะรั้งรีบรุดสุดเขาเขิน
ยิ่งบุกหน้ายิ่งพลาดพาขาดเกิน
อาจตกเนินเขาไศลให้ช้ำทรวง

หากมั่นใจในนามธรรมอันล้ำเลิศ
คงจะเกิดความจริงใจยิ่งใหญ่หลวง
เหมือนเพ็ญจันทร์ผ่านวิเวกหมู่เมฆลวง
จึงได้ล่วงลอยคว้างมาพร่างนวล

เหมือนดอกรักปักใจใสพิสุทธิ์
อาจสะดุดขวากหนามไหน่จนไห้หวล
หากรู้จักถักให้งามตามกระบวน
ก็เหมือนชวนถักร้อยถ้อยรักงาม



.

..................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกุลา