18 พฤษภาคม 2552 12:17 น.
คนกุลา
....
ท่ามเพลงลาพญาโศกวิโยคหวล
ดุจยิ่งชวนให้เศร้าใจกระไรนี่
คิดถึงชีวิตหลังครั้งยังมี
คุณความดีทำไว้ได้ทำมา
เขียนคำกลอนวอนมาว่าเศร้านัก
ยามที่รักจากไกลสู่ไหนหนา
ต่อแต่นี้คงลับร่างสุดห่างตา
ไม่มีวันเวลากลับมาคืน
เหลือเรื่องราวที่ทำให้ย้ำคิด
ระลึกจิตดีร้ายได้ทนฝืน
ภาพอยู่ในความหลังนั่งนอนยืน
ยามหลับตื่นก็คงยังฝังใจจำ
มาฉุกคิดได้ว่าเวลาหนึ่ง
เวลาซึ่งเป็นเวลามากค่าล้ำ
วันที่เราจากไปใครระกำ
เขาจะทำศพเราเห็นภาพเช่นไร
คนรำพันพิลาปหรือสาปแช่ง
มีคนแต่งทุกข์ร่วมหม่นล้นหลามไหล
พรรณาถึงความดีที่ทำไป
หรือจากไกลอย่างโดดเดี่ยวแสนเดียวดาย
ก็คงอยู่ที่เราสร้างทางวันนี้
กับวันที่ยังเหลืออยู่สู่จุดหมาย
สิ่งพบแท้แน่นอนคือความตาย
จะเหลือไว้สิ่งใดให้โลกจำ
จะให้กล่าวถึงเราวันเผาศพ
ให้เคารพหรือว่ามาหยียบย่ำ
จะให้ถ่มน้ำลายรดหรือจดจำ
การกระทำในวันนี้.....จะชี้ทาง
"""""""""""""""
17 พฤษภาคม 2552 21:20 น.
คนกุลา
.
ดาวเอ๋ย โอ้ดาวจ๋า
คืนนี้ฟ้า มืดคล้ำฝน
จึงหลบ ลบหาย สายตาคน
ละยินยล ปล่อยพี่ ไม่มีใคร
ฤๅล้าใจ สุดส่องผ่าน ม่านเมฆบัง
ยามจ้องท้อง ฟ้าหม่น
เหมือนคน จมใน ความหลัง
หมู่เมฆ เหมือนเพียง ก่อเวียงวัง
ที่สานหวัง คราเรา เข้าใจกัน
คือคืนวัน ที่ดาว มาพราวแพรว
เพียงไม่กี่ วันผ่าน
ไยดั่งนาน นะเกินแล้ว
ที่ดาว พราวใจ ไม่ใสแวว
ดุจดังแก้ว หลุดหล่น หล่มโคลนตม
สุดจะข่ม ใจหวลหา คราไร้ดาว
อีกนานปาน ใดหนอ
ดาวจะทอ แสงมาเย้า
พร่างพริบ ทิพย์ฟ้า ดาราพราว
แลัวตัวดาว รู้ไหม ใครเขาคอย
ให้ดาวลอย มาให้เห็น เช่นทุกวัน
กลับมาเถิด ดาวจ๋า
รอเวลา กล่อมดาวฝัน
ยามใด หากคืน มาหากัน
จะชื่นขวัญ เชยดาว ทุกคราวนอน
กล่อมถึงตอน ตื่นนิทรา ทุกคราเลย
...............
16 พฤษภาคม 2552 18:15 น.
คนกุลา
. .
ในมัวเมฆ หม่นฟ้า
ข้ามเวลา ทะเลฝัน
อาศัย ขี่ข้าม สำเภาจันทร์
โล้คลื่นอัน ปรุงแต่ง ด้วยแรงใจ
ยามอยู่ใน ห้วงสมุทร สุดคะนา
ในวันเลือน เดือนลับ
ล่วงดับไป ในเวหา
ท้องฟ้า มืดมิด ดุจปิดตา
เหมือนดั่งว่า ฟ้าตรอม ย้อมสีดำ
ดุจจะย้ำ คำหมองหม่น บนคัคนางค์
คืนเดือนพร่าง เวหาส
ฉายแสงพาด เพ็ญเย็นสว่าง
ห้วงน้ำ เขาฟ้า ทาบทาจาง
กลางเดือนพร่าง งามเห็น ด้วยเพ็ญจันทร์
ในคืนวัน ที่โสมงาม ยามผ่องพราว
เปรียบจันทร์ดั่ง หน้าน้อง
นวลละออง พักตร์ใสวาว
งามขนง-วงตา หน้ายั่วเย้า
งามแท้เจ้า พิศมัย แบบไทยเดิม
เพื่อช่วยเติม เสริมสานก่อ ต่อเผ่าพงศ์
ใบหน้าอิ่ม พริ้มพร่าง
น้องงาม ดุจอย่าง นางหงส์
งามดุจ กินรี คลี่ทรวดทรง
ยามลงสรง สระสนาน ตำนานมี
ในวันที่ มโนราห์ มาอวดนวล
เปรียบจันทร์เพ็ญ เช่นสาว
พักตร์พราว ผ่องมล ยลใจหวล
ประดับ ห้วงให้ ใจรัญจวน
กระบิดกระ บวนคล้าย ละม้ายจันทร์
เหมือนเสกสรรค์ ร่ายมนตรา มากล่อมใจ
โอ ละ เห่ จันทร์ เอย
ทรามเชย โฉมตรู อยู่ไหน
ฝ่าฉ่ำ น้ำฝน สู่หนใด
แลไปก็ ไม่เห็น เจ้าเพ็ญจันทร์
แต่ใจมั่น รอจันทร์เฝ้า กล่อมเจ้านอน
.
...............
16 พฤษภาคม 2552 02:24 น.
คนกุลา
.
นอนนับดาวราวดวงในห้วงฟ้า
พรายพริบระยิบตาในเวหน
ดั่งดวงใจหลายล้านดวงในห้วงกมล
อาจอดทนคอยนานนับล้านปี
เคยลองนับดูไปไม่เคยครบ
เพราะมักจบเมื่อหลับไปกับที่
เฝ้าเพียรนับกับหวังที่ยังมี
เปรียบเทียบกี่ดาวดวงในห้วงใจ
ดาวบางดวงล่วงพรากจากโค้งฟ้า
ก็เกิดมาเติมสรวงดาวดวงใหม่
เหมือนบางดาวพราวร่วงจากห้วงใจ
ก็เกิดใหม่บางดวงห้วงเดียวกัน
เกิดกับดับลับดวงแม้หวงแหน
แม้สุดแสนเสียดายในห้วงฝัน
มิหวังล่วงดวงดารามาประชัน
ว่าดาวฝันกับดาวจริงสิ่งใดงาม
เพราะรู้เปรียบเทียบต่างงามในสำนึก
ความรู้สึกนิยามใจสุดไหวหวาม
ความในฝันความในใจในทุกยาม
เพียงอยากถามดาวเจ้าคราวอยู่ไกล
ดาวทุกดวงในห้วงฟ้ามาให้เห็น
กระพริบเย็นระยับตาดูพร่าไหว
ใจระทึกระลึกดาวทุกคราวไป
ฤๅดวงใจเราห่วงดาวราวห่วงรัก
นอนนับดาวราวดวงในห้วงฟ้า
กี่ปีมาแล้วใจได้รู้จัก
อยากถามดาวเอาความจริงเสียยิ่งนัก
ว่าดาวรักบางใครบ้างไหมดาว
.
.......................
15 พฤษภาคม 2552 14:09 น.
คนกุลา
....
นั่งอยู่เหงาเปล่าดายกลางสายฝน
ที่หลั่งหล่นหลังคาใครโอ้ใจหาย
ยามที่มีน้ำฝนหล่นพร่างพราย
ฤดีรายเรืองเรื่อเมื่อฝนพรำ
เมฆละลายฝนลงสรงแหล่งหล้า
พสุธาใยเศร้าโศกดั่งโลกร่ำ
หากจะถามใครนิยามตามตอบคำ
แต่หมู่ส่ำสรรพสัตว์สาได้ร่าเริง
คนกับฝนฝนกับสัตว์..ประวัติหล้า
อีกพืชพันธุ์ธัญญาร่ารายเหลิง
เหมือนน้ำทิพย์ชะโลมพรายดับปรายเพลิง
ที่ละเลิงให้มอดลงตรงชุ่มเย็น
หากโลกนี้มีแต่รักจักน่าอยู่
เพราะเกลียดดูตามย่ำยีอย่างที่เห็น
ออกมาย้ำห้ำหั่นกันอย่างเป็น
ไม่ฉ่ำเย็นหากร้อนเร่าฉาวทั่วไป
แล้วทำใมไม่เอารักถักทอโลก
กักดอกโศกจำขังไม่ให้ไปไหน
ปล่อยดอกรักถักทอแตกกอไกล
สานละมัยบานเต็มหล้ากว่าโลกงาม
...........