25 พฤษภาคม 2552 10:48 น.
คนกุลา
.
๑.สนทนารัก..สนทนาธรรม
เมื่อห้วงใจรับรู้รักประจักษ์จินต์
ก็รู้สิ้นคำนิยามว่าหวามไหว
และรู้แม้แลระรัวห้องหัวใจ
ซ่านทรวงในเอิบอาบก็ทราบดี
รู้กระทั่งยามรักจางบนทางฝัน
ตรมในวันน้ำตาใจรินไหลปรี่
ตรอมดวงใจไหวว่างหว่างฤดี
จึงคิดที่ปิดกั้นลั่นดาลใจ
เป็นแค่มิตรชิดใกล้ไม่ต้องเจ็บ
ไม่ต้องเก็บรอยแผลฝันแม้วันไหน
ในคืนวันผันเดือนลอยเลื่อนไป
เลิกระไวระวังตั้งตาคอย
เอาใจแนบพระธรรมมานำจิต
ให้ชีวิตสติปัญญามาทวนถ้อย
อิ่มรสธรรมนำเพลินเดินตามรอย
เพียรอย่าถอยทุกเวลาค้นหาธรรม
๒.วิจารณ์รัก วิจัยธรรม
รักและธรรม ธรรมและรักประจักษ์จินต์
รักถวิลรสพระธรรมพร่ำท่องย้ำ
ทุกแห่งหนบนทางระหว่างกรรม
จุดเทียนธรรมหุ้มห่อรักถักห้วงใจ
พอได้รู้ธรรมมีอยู่หลายระดับ
ไว้สำหรับเลือกเดินย่างหนทางไหน
เลือกระดับรับวัตรปฏิบัติใด
เพื่อทางใจให้มีธรรมมานำครอง
ระหว่างรักกับธรรมย้ำอีกครั้ง
หากรักตั้งครองธรรมนิยามผอง
ให้รักร่ายสายธรรมตามครรลอง
รักมิหมองเพราะดวงใจใฝ่รสธรรม
สตินั้นอาจมุ่งสร้างรุ้งรัก
ปัญญาจักให้รู้ดูเลิศล้ำ
สัมปชัญญะรู้ผิดอายได้กระทำ
ใช่แต่พร่ำหลับตาบ่นอยู่คนเดียว
๓.รินรัก..ในธารธรรม
เมื่อรักคือแหล่งเกิดกำเนิดโลก
จึงก่อโศกสุขได้ไม่เฉลียว
รักที่ถักทอสายกลายกลืนเกลียว
จึงได้เที่ยวเห็นโลกงามตามที่เป็น
รักไร้ธรรมนำทางต่างไม่รู้
ยามรักอยู่ดูเศร้าเหงาไม่เห็น
เหมือนตาบอดคลำไอยราท่ารำเค็ญ
กว่ารู้เช่นคงช้ำใจไม่เข้าที
รักเมื่อมีหลักธรรมมานำจิต
ให้รู้พิษโทษภัยในวิถี
ถักทางทองรินถ้อยร้อยวจี
เพื่อเป็นพลีแด่รักหวานในธารธรรม
.
.......
23 พฤษภาคม 2552 19:09 น.
คนกุลา
๑.ข่าวเจ้านกไพร
เจ้านกไพรในใจนวลหวนถวิล
ก่อนร้างสิ้นด้วยรักจักถามหา
จำจากหนองนาบางจากห้างนา
เพียงเพื่อว่าเข้าหากินในถิ่นกรุง
เพื่อหาเงินมาสานต่อก่อรังรัก
เพื่อหาหลักมาประทังยังบ้านทุ่ง
หวังสร้างฐานงานต่อก่อผดุง
ก็ในกรุงมีช่องทางสร้างตัวตน
เจ้านกไพรใจกล้าบากหน้าบ่าย
ร่อนร่ายเร่ไปในทุกหน
สร้างสรรค์ขายแรงแข่งผู้คน
สับสนเดียวดายไร้คนเกย
ปล่อยให้นวลเดียวดายอยู่ปลายขวาน
อยู่เฝ้าบ้านเรือนรอดกอดเขนย
และรอวันขวัญนกไพรได้มาเชย
ลมรำเพยร่ำรอมาคลอเคียง
สายัณย์เย็นย่ำค่ำนี้หนอ
นวลจะรอนกไพรขันใสเสียง
นวลปัดกวาดรวงรังฟูกตั่งเตียง
และรอเพียง พ่อนกไพร.. คืนใจนวล
.
๒.ข่าวจากเส้นขอบฟ้า
บินอีกครั้งหวังใดอยากไปถึง
ในที่ซึ่งไร้สุขโศกวิโยคหวล
ที่ซึ่งรักถักไกลใจรัญจวน
ที่ที่ล้วนงามสรรพสอดรับกัน
ที่ที่ไกลสุดขอบฟ้าและหล้าโลก
ที่ที่โบกบานลมห่มกล่อมขวัญ
ที่ที่พร่างเพ็ญดาวในพราวจันทร์
ที่ที่สรรค์สรรพสิ่งหอมยามดอมดม
ที่ตาวันร้อนแรงขับแสงฉาน
ค่อยค่อยบานหุบแสงสีแดงส้ม
จุ่มลงในทะเลฝันอันพร่างพรม
ม่านดำห่มความรุ่มร้อนให้ผ่อนคลาย
ณ ที่ที่ไม่มีราตรีกาล
ณ ที่ที่ทิวาวารดับสลาย
ณ ที่นวลน้ำค้างพรั่งพรูพราย
เมื่อสบสายหลากสีแห่งทิวา
ที่ที่ไม่แยกความแตกต่าง
ไม่มีมืดหรือสว่างในทางฟ้า
มีนภาอ่าสำอางค์กระจ่างตา
และฟ้ายังสีฟ้าอ่าอำไพ
ที่ที่ในความจริงกับสิ่งฝัน
ผสมกันเป็นหนึ่งนี้มีอีกไหม
ที่ที่กายแสนสงบพานพบใจ
ที่ที่หทัยสองเราเข้ารวมกัน
บินครั้งนี้หวังใดเล่าจักเข้าถึง
ได้พบซึ่งโลกสวยด้วยแรงฝัน
ค้นพบแคว้นแดนฝังใจในนานวัน
รอนะขวัญจะคืนรังดังที่รอ
จะกลับไปสร้างรังรักถักทอโลก
เพื่อหักโศกหักเศร้าครั้งเก่าหนอ
คืนคราวนี้พี่เคียงคงเพียงพอ
เพื่อสานก่อหน่อพงศ์วงศ์นกไพร
เป็นเผ่าพงศ์นกไพรในโลกกว้าง
รู้ถากทางถางฝันอันสดใส
เพื่อสร้างนามงามผ่องเยื่อยองใย
ห่อห้อมในใบบางแนบปรางนวล
..........
22 พฤษภาคม 2552 20:26 น.
คนกุลา
.
วันเวลาผ่านไปแสนไวมาก
นับจากวันที่หนีกรงขัง
กี่คอนป่ากี่หน้าหนาวร้าวรวงรัง
เพียงเพื่อตั้งใจหมายไม่คืนกรง
ท่ามป่าดงพงไพรแสนใหญ่กว้าง
ดูอ้างว้างเหว่ว้าจนข้าฯหลง
ก็ด้วยผ่านการเติบใหญ่อยู่ในกรง
สืบเผ่าพงษ์ตามนายขุนเลี้ยงจุนเจือ
เมื่อปรารถนาเสรีเป็นที่หมาย
ปลดตรวนกายและโซ่ใจไม่หลอเหลือ
แม้นจะเห็นนกไพรตายเป็นเบือ
ก็ไม่เหลือเยื่อใยกลับไปคืน
แม้นอดอยากยากแค้นสุดแสนเข็ญ
หากจะเป็นเช่นนกไพรใจต้องฝืน
ท่ามราตรีที่เหน็บหนาวในราวคืน
ลืมตาตื่นใจตั้งระวังภัย
กลางสายลมถล่มฟ้าคะนองฝน
ฝืนใจทนจนยืนได้ไม่ไปไหน
เมื่อฝึกฝืนตื่นระวังดังนกไพร
ฤามีใครที่ไหนเล่าจับเข้ากรง
วันเวลาผ่านไปแสนไวมาก
นับวันจากสู่วันที่ไม่มีหลง
ด้วยรอยแผลที่เริ่มจางอย่างนกดง
กับทรนงแห่งเสรีที่ได้มา
.
........
22 พฤษภาคม 2552 17:03 น.
คนกุลา
..
วัฏจักรโลภโกรธหลงวงวิถี
บรรดามีท่านสอนสั่งไว้ดังหมาย
เหตุแห่งสุข ทุกข์ใจไม่เคยคลาย
กลับแตกสายออกดอกใบใหญ่ทุกวัน
เพราะรู้รับสรรพสิ่งไม่นิ่งได้
ใจซัดส่ายรักชังยังใฝ่ฝัน
ก่อยึดติดทุกประดาสารพัน
ก่อเกิดฝันอยากครอบครองเป็นของตัว
อยากลงหลักปักฐานแนวบ้านช่อง
เรือนหอห้องนั่นของกูใครรู้ทั่ว
ถลาล่มในหล่มพรางอย่างเมามัว
ก็เพราะกลัวสูญเสียไปได้ถึงคราว
เพราะมีกายมีสมองไว้ตรองคิด
กายก็ติดความสบายได้อุ่นหนาว
ใจหวังสุขทุกอย่างที่พร่างพราว
ทั้งถึงคราวคงเสื่อมแท้ไม่แน่นอน
ในวนวงกงเกวียนวงเวียนวัฒน์
อริยสัจจจ์จึงขลังดังคำสอน
สมุห์เหตุแห่งทุกข์สุขนิวรณ์
รู้ไถ่ถอนจากใจ...ได้เห็นธรรม
..................
22 พฤษภาคม 2552 11:40 น.
คนกุลา
.
....
วันนี้ชั่วเช้ามาฟ้าสลัว
แม้เมฆมัวหม่นบ้างฟ้ายังใส
ตามแผนการเดินทางยังห่างไกล
เขาบอกไปมุ่งสู่ลากูนา
ที่ที่ไปเป็นที่เที่ยวทางเลี้ยวลด
เป็นลำธารผ่านไปจรดหว่างภูผา
มีสายน้ำดั่งฝอยฝนหล่นหลั่งมา
ทั้งสองผาขอบข้างยังแปลกใจ
หลั่งมาปานม่านน้ำท่ามผารก
เป็นน้ำตกตามราวป่าแปลกตาใหม
ไม่ว่าฝนตกมาฟ้าเช่นไร
ทุกคนใครเปียกปอนพอปานกัน
มาคราวนี้ที่สุดโลกในโตรกเขา
แต่ใจเรายังทำใมเหมือนในฝัน
ฝันถึงที่ดาวคอยหาลอยจันทร์
คิดถึงวันวันที่มีสองเรา
แม้วันนี้ฟ้าที่นี่ยังสีฟ้า
ก็จำวันจากมาฟ้าเหงาเหงา
เพราะรู้ว่าวันต่อไปไม่มีเรา
อารมณ์เหงาจึงตามข้ามฟ้าไกล
ฟิลิปปินส์ถิ่นนี้ฤๅมีเจ้า
เหลียวมองเหย้าเรือนข้างทางน้ำไหล
สาวหน้าตาท่าทางอย่างคนไทย
จะมีใครงามเกินเจ้าสาวตาคม
ยามเลาะล่องท้องธารผ่านน้ำตก
ในหัวอกหรือระอาท่าไม่สม
แม้นทิวทัศน์งามตาน่าชื่นชม
ใจระทมข่มมองผ่านม่านน้ำตา
.
.........