22 เมษายน 2552 19:13 น.

รอนแรม...แหลมแม่พิมพ์

คนกุลา

.

คลื่นฟองขาวคราวสาดซัดหาดฝัน

ในวัยวันห่างไกลเกินไถ่ถาม

โอ้อาลัยใจจำทุกย่ำยาม

อยากมาตามคนไกลกลับไปคืน

.

ให้เหมือนคลื่นซัดฝั่งอยู่ดังเก่า

ยามลมเบาโชยพัดไม่ขัดขืน

ไห้เสียงสนซ่าลมไหวกลมกลืน

ลืมตาตื่นตั้งรวมกายร่ายเวทมนตร์

.

ดลให้มนตร์คาถามาจับจิต

เพ่งพินิจแดดพร่างกลางเวหน

เก็บน้ำตาปร่าปร่างอำพรางตน

เป่าเวทมนตร์เข้มขลังบังอบาย


มาแม่พิมพ์เขาเล่าว่าน่ากลัวนั่น

ร่องน้ำอันลึกล้ำย้ำใจหาย

ใครล่วงล้ำสุดฝืนดูดกลืนกลาย

วูบตามสายน้ำวนจนขาดใจ

.

ใครที่รู้กลัวหลงตรงช่องนี้

ดับชีวีฤๅพรากจากไปไหน

ถึงร่างดับลับโลกลวงลอยล่วงไกล

ฝันกลางใจยากมลายไม่คล้ายกัน

.

แหลมแม่พิมพ์พิมพ์ใจใครกันนี่

จะมีพี่พิมพ์ใจบ้างใหมขวัญ

ฝากคิดถึงคนึงหากับตาวัน

คนร้างกันกลางจันทร์แรม....แหลมแม่พิมพ์.....


............................				
22 เมษายน 2552 03:28 น.

"มิตรภาพ.".ซ่อนโลกออนไลน์...!!!

คนกุลา

..

เราต่างอยู่ที่จุดสุดปลายฟ้า

เพิงขอบผาแห่งว้าเหว่ทะเลฝัน

กลางแสงแดดแผดกล้ากลางตาวัน

กลางคืนจันทร์พราวพร่างสว่างเพ็ญ

.

อาจอยู่เพียงคนเดียวเปลี่ยวกลางโลก

กลางวิโยคห่างไกลไม่ได้เห็น

กลางหิมะม่านหนาวร้าวลำเค็ญ

กลางหลืบเร้นร่มลมร้อนร่อนทุรน

.

หรืออยู่ท่ามทุ่งกว้างว่างโล่งลิบ

หรือท่ามปริบโปรยปรายปรอยสายฝน

หรือท่ามทุกข์สุขเศร้าเหงากมล

รู้มีคนรอสื่อแสนสุดแดนไกล

.

รอสื่อสารภาษามายาภาพ

กวีกาพย์กานท์กลอนอักษรใส

ส่งสื่อสารผ่านฝันต่างวันวัย

สื่อสายใยสานฟ้ามาหากัน

.

ต่างก็สร้างสะพานฟ้าข้ามมานี่

เพื่อพานพบคนดีจากที่นั่น

โยงเยื่อใยยิ่งใกล้ชิดสนิทพลัน

ลบรอยฝันต่างใจในวันวาน

.

เอาความฝันและดินสอมาทอรุ้ง

เอาความมุ่งหมายผสมอารมณ์หวาน

เอาความคิดจิตจินตนาการ

เอาสะพานคำเคี่ยวควั่นเกลียวกลม

.

ก่อเกิดเป็นมิตรภาพอาบปลายฟ้า

อาบทะเลเวลาห้วงฟ้าห่ม

อาบสะพานรุ้งพรางฝนพร่างพรม

อาบอิ่มชมขวัญเจ้าราวพบจริง

.

ส่งสื่อสารกำลังใจไปบอกกล่าว

กอบเก็บดาวกำลังใจสดใสยิ่ง

ยามกำลังใจสับสนบนโลกจริง

สร้างแหล่งพิงกำลังใจพักให้กัน

.


โอ้บ้านกลอนอาวรณ์หวังพบครั้งนี้

ดั่งทิวาเยือนราตรีที่พบขวัญ

น้ำตาใจเมื่อไหวพร่าตามตาวัน

น้ำตาจันทร์จึงไหวหวาม....ยามต้องลา

.


..........................				
21 เมษายน 2552 23:35 น.

..เหวย....เวไนยสัตว์....

คนกุลา

...............



จากสัมผัสสู่สัมผัสในอัตตา
		
ทั้งนามรูปตัณหาก่อเกิดสิ้น

เสนาะหวานตรับผ่านการได้ยิน		

วิญญาญรินห่วงหาอุปาทาน


ภพชาติก็พลันเกิดกำเนิดก่อ		

อายตนะยิ่งระย่อต่อสังขาร

ทับทุกข์ด้วยอวิชชาฝ่าดวงมาลย์		

ก่อปราการหาวหนด้วยมนตร์ใจ


ค่อยค่อยสาวก้าวย่างทางช้าช้า		

มินำพาไม่ได้ผลตั้งต้นใหม่

สิ้นชีวิตสุดชีวารักษาใคร		

รักษาใจตนไว้ไม่ได้เลย


อยากรู้นั่นรู้นี่ที่ในโลก		

ร่ายโศลกบทขลังเข้มวางเฉย

เขียนวลีวจีข่มโลกชมเชย		

กี่ความดีบ้างเอ่ยที่เคยทำ


เวียนกำหนดไม่ลดละจะตามติด		

ตรวจตราจิตคิดตามดูอยู่ซ้ำซ้ำ

เหลียวไล่ลมหายใจร่ายลำนำ
		

วจีกรรมใจกายใช้เกาะพิง


ปริญญามากใบในนามบัตร		

ไม่ส่อแววเวไนยสัตว์ได้สักสิ่ง

แล้วอย่างนี้จะหวังใครได้พึ่งพิง		

เพราะมินิ่งเห็นคนที่ตนเป็น


ล้วนโลภโมโทสันมันยื้อยุด		

กิเลสผุดพร่าพรายเกินกายเห็น

เพียงแค่พักละอาลัยใสเยียบเย็น		

ก็จะเห็นทางสายให้ต้องเดิน


อาจเป็นทางไกลมากจากจุดเริ่ม		

ต่อแต่งเติมลาภยศสุขสรรเสริญ

กายสงบงบระงำจำใจเดิน		

สะอาดเพลินก็รำงับดิ่งดับลง


จะดับลงตรงนี้ที่ชาติเกิด		

ภพเพลิศพิมานพรายละลายหลง

จดอารมณ์ข่มสัญญามาพะวง		

จึงคืนคงปิติสุขทุกอารมณ์


.................				
20 เมษายน 2552 22:25 น.

สวนสวรรค์..ในวันลา..!!!

คนกุลา

.............


ฟ้าเหลือบสีเลื่อมลายเหมือนสายรุ้ง

เราเหมือนมุ่งหมายมาหาความฝัน

สาดฟ้าสางรางรำไรในหมอกควัน

เหมือนย้ำฝันวันที่มีนมนาน

.

ลมเช้าพรายระบายห่มบ่มสายหมอก

เคลียล้อหยอกผกาบุปผาหวาน

เสียงดุเหว่าแว่วร้องก้องกังวาน

เหมือนเรียกขานโหยหาสัญญาใจ

.

หนาวลมหนาวคราวที่มีเราอยู่

ช่อบัวชูดอกบานก้านไสว

กลีบไม้แย้มเบ่งบานบนลานใจ

แซมเขียวใบสีละลานยามผ่านชม

.

สวนสวรรค์ไม้หลากสีที่ได้เห็น

บานช่อเป็นภาพเมื่อมีสีผสม

ยิ่งหลากสียิ่งเย้ายวนให้ชวนชม

พอได้ข่มหม่นสีหมอง..วันต้องลา




...................				
20 เมษายน 2552 10:37 น.

หวังใดเล่า......เจ้าขุนทอง...???

คนกุลา

.

..........................
.

ฟ้าทั้งฟ้ายังคงหม่นบนฟากฟ้า

เราจากมาไกลมากจากไหนนี่

และจะไปหนใดในปฐพี

อาจบางทีรู้บ้างเพียงลางเลือน

.

บนหนทางที่ผ่านม่านวิโยค

บทโศลกบทไหนร่ายไม่เหมือน

ท่ามฝันเอยเคยเคว้งคว้างกลางแสงเดือน

และเลือดเพื่อนเปื้อนสาดรินราดดิน



ผู้ปกครองคนไหนเล่าเจ้าใฝ่หา

ระบอบใดในโลกาเจ้าถวิล

หรือเพียงฟังหลายหนจนเคยชิน

ทั่วธานินทร์เจ้าจึงกล้ามาไม่เกรง

.

หรือเจ้าสุดทนทานการกดขี่

หรืออยากหนีห่างไปใครข่มเหง

ไม่อยากให้เกิดกรรมมายำเยง

กับบทเพลงบทจบการรบรา

.

จึงเลือกเดินหนทางกลางเหตุผล

เดินร่วมคนจังจริงอหิงสา

แม้อาจถูกคุกคามตามบีฑา

จากมาราสมุนถ่อยคอยรอนราน

.

หวังสิ่งใดตอบได้ไหมเล่ามนุษย์

ประเสริฐสุดกว่าสัตว์ดิรัจฉาน

เรียนรู้การพัฒนามานมนาน

หรือเพียงพล่านพล่ามใจไปวันวัน

.

หรือยังทำทุกอย่างกว่าบางสัตว์

เพื่อครองรัฐจึงเหยียบย่ำย้ำหฤหรรษ์

หรือเพียงกลบเกลื่อนหน้าสารพัน

หากฆ่ากันยิ่งกว่าสัตว์อนาถใจ

.

.................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกุลา