29 ธันวาคม 2552 22:47 น.
คนกุลา
คำอวยพร ที่กวีน้อยเจ้าสำราญเขียนอวยพร วันเกิด
ให้ผม
คุณ ใดในโลกนี้ นำหนุน
น้า ท่านมีบุญคุณ มากล้น
คน ผู้มอบการุณ คอยขัด เกลาเฮย
กุลา สั่งสอนคิดค้น กล่าวแก้ กานท์กลอน
วันคล้ายครบรอบแล้ว อาจารย์
ความรักจงพบพาน ชิดใกล้
อายุยิ่งยืนนาน วัสสะ ร้อยเทอญ
ลาภยศจากทวยไท้ มอบให้ แทนคุณ
ขออาจารย์สุขด้วย บารมี
รวยทรัพย์สินทวี พรั่งพร้อม
คนรักชิดชีวี มิห่าง กายนา
มิ่งมิตรมากมายล้อม รอบคล้อง ขวัญเฮย
*กวีน้อยด้อยค่าภาษาศิลป์
อ่อนหัดสิ้นกระบวนกลอนไร้อ่อนหวาน
แต่งผิดถูกซ้ำซ้ำน่ารำคาญ
จนอาจารย์ขัดเกลาพอเข้าใจ
*ทั้งเรื่องเสียงและคำชี้นำแก้
สัมผัสแท้แม้เทียมเตรียมฝึกไว้
สร้อยโคลงระโยงระยางวางที่ใด
กาพย์อะไรเสาะหามาให้เรียน
*วันคล้ายครบรอบเกิดผู้เลิศล้ำ
คนกุลาชี้นำคำอ่านเขียน
เป็นแบบอย่างการฝึกฝนทนพากเพียร
ศิษย์จึงเปลี่ยนตามอย่างแนวทางครู
*ขออาจารย์เป็นที่พึ่งซึ่งที่พัก
คอยเป็นหลักต่อไปให้ทุกผู้
ได้ศึกษาอ่านงานกลอนกานต์ครู
ขอเชิดชูบูชากว่าผู้ใด
*ขอให้มีคนรักสักหมื่นแสน
ทั่วเขตแคว้นแดนด้าวชนเผ่าไหน
ต่างชื่นชิดจิตสมัครรักแนบใจ
แด่ผู้ให้ความรู้คู่ผองชน
*ขอให้มีเงินทองกองตรงหน้า
ไร้คำว่าอัตคัดหรือขัดสน
ทั้งแก้วแหวนสินทรัพย์ประดับตน
ถึงรวยล้นเศรษฐีทวีชัย
*ขอให้มีอายุลุร้อยผ่าน
สะอาดสะอ้านผิวพรรณอันผ่องใส
ยังแข็งแรงแข็งขันทุกวันไป
เหล่าเทพไท้ช่วยดล คนกุลา
*ข้อสุดท้ายมีคนรักภักดิ์เคียงข้าง
มิเหินห่างกายไปที่ไหนหนา
มีความสุขสมหวังครั่งนิทรา
ด้วยเพราะว่ามีคู่ชิดแนบชิดทรวง
กวีน้อยเจ้าสำราญครับ
"""""""""""""""""""""""""""
๐ กวี กานท์มากล่าวถ้อย เรียงคำ
น้อย หากกินใจจำ ยิ่งแท้
เจ้า ฝังฝากตัวทำ เป็นศิษย์
สำราญ สุขจินต์เพียบแปร้ จิตนั้นแสนขยัน..ฯ
๐ ฝาก พรคืนกลับให้ พันทวี
ใจ หนึ่งอาจารย์มี สู่เจ้า
ถึง กาลล่วงนานปี คนึงมั่น ขวัญเอย
ใจ อยากเห็นจึงเฝ้า ชื่นถ้อยกวีฯหวัง
* กวีน้อยคราก่อนโน้น
เอ่ยอ่อนโยนบอกใจหมาย
อยากเรียนเพียรฝากกาย
จึงรับไว้หมายขัดเกลา
* เรียงคำพร่ำอักษร
กาพย์โคลงกลอนหาโง่เขลา
เอกลักษณ์มีเพียงเรา
โบราณเขาจึงระวัง
* ไม่ยอมฝากเป็นศิษย์
หากหมายคิดไปสอนสั่ง
ถูกย้อนศรประดัง
ถึงกับนั่งระทมใจ
* ไม่ขอคงมิกล้า
เก่งหนักหนามาจากไหน
เพราะพร้อมยอมเรียนไง
ผมจึงได้คอยท้วงติง..ฯ
๐ บัวบานฤาเลิศฟ้า ลอยริน
ล้วนเกิดมาจากดิน ต่ำใต้
รอวันผุดยลยิน บานเบิก งามเฮย
เหมือนดุจคนมุไว้ สุดท้ายสมหมาย..ฯ
๐ เรียวรวงใดหนักล้ำ งอลง
ปวงปราชญ์ฤๅพวง อวดอ้าง
ดาบคมเมื่อประสงค์ งานจึ่ง เผยนา
กวีวัจน์ควรสรรสร้าง สืบค้นกานท์เสนอ..ฯ
............
จาก..ใจ..คนกุลา
ต้นเหมันต์
ปล.
ผมอ่านงานของกวีน้อยแล้วผมมีความสุข ผมจึงตอบ
งานนี้ด้วยความสุขใจ จึงได้ตัดสินใจนำมาลงเพื่อแบ่ง
ปันความสุขแก่ทุกคน หากมิเหมาะสมกับการนำมา
เผยแพร่ ผมก็ต้องขออภัย ไว้นะที่นี้ ด้วยนะครับ
29 ธันวาคม 2552 18:54 น.
คนกุลา
๐ ในคราวดิถีเวียน
จรเจียนฤดูกาล
ใกล้ทบจะครบวาร
มิเนิ่นนานสิวนมา
๐ ใคร่ขอมนัสน้อม
ศิระค้อมนะวันทา
ล่วงเกินผิมีมา
ก็จะขออภัยกัน
๐ ทวยเทพหทัยวอน
อุระถอนเทวษพลัน
สุขเจิมประเดิมขวัญ
เฉพาะกั้นสิผองภัย
๐ สุขเถิดนะมวลมิตร
พละจิตพินิจใด
ขอเทพ ธ ใกล้ไกล
ชนะชัยประสงค์ดล
๐ ทรัพย์สินศฤงคาร
ปณิธานวิสัยตน
ปราดเปรื่องเมลืองผล
รุจิเรขะเรืองรอง
๐ ชื่อเสียงขจรจาย
ดุจะหมายฤทัยปอง
คิดนึกและตรึกตรอง
ประลุสมประโลมจินต์....ฯ
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์
ฝึกหัดแต่ง อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ครั้งแรกครับ ท่านผู้รู้ กรุณา
ช่วยวิจารณ์ด้วยนะครับ
24 ธันวาคม 2552 13:18 น.
คนกุลา
๐ ลุยดงพงไม้ชายเถื่อน ไกลห่างร้างเรือน
หากเดือนแลดาวพราวตา
๐ เที่ยวท่องล่องทั่วมรรคา หวังพานพบพา
คุณค่าบางอย่างกลางใจ
๐ เสียงนกกู่ร้องก้องไพร โหยหวลไกลไกล
ราวใครเพรียกหาสามี
๐ ผัว..ผัว รัวเสียงชะนี ขับกล่อมพงพี
มิมีเคยหายคลายจาง
๐ ลมวู่วิบวิ่วปลิวคราง หนาวเหน็บสรรพางค์
เพราะห่างจากเจ้าจอมจันทร์
๐ โน่นเสียงนกเขาคูขัน ไพเราะเสนาะครัน
ฤๅมันเรียกคู่คืนคอน
๐ เดินดงพงป่าฝ่าดอน เทียวทางแรมรอน
หนาวร้อนก็แต่เพียงกาย
๐ ทุกข์เอยเคยมีมลาย กังวลห่างหาย
เหมือนคล้ายได้พักห้วงจินต์
๐ สงบสุขกว่าทั่งแดนดิน ยามได้ยลยิน
ปานถิ่นแห่งเทพทิพย์สรวง..ฯ
...........
คนกุลา
ในเหมันต์
.........
21 ธันวาคม 2552 22:28 น.
คนกุลา
๐ พิศดูเพียงรูปกายคล้ายจนยาก
น้ำใจหากมากมายให้กล่าวขาน
แม้ล่วงผ่านเพลามานมนาน
ยังจดจารความหลังฝังอาวรณ์
๐ ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่แต่รู้จัก
จึงความรักต่อไต่เกินไถ่ถอน
คอยปัดกวาดขาดเหลือเอื้ออาทร
แม่ตื่นก่อนนอนหลังทุกครั้งไป
๐ นั่งเข็นฝ้ายด้ายผ้าเพลาค่ำ
กลางฟ้าดำมืดดับเราหลับใหล
กางสายป่านม่านมุ้งกันยุง-ไร
ด้วยดวงใจเลิศแท้ราวแม่ตน
๐ ยามรุ่งสางบ้างสลัวบ้างมัวมิด
แม่ลุกติดไฟเตากลางเงาหม่น
เตรียมอาหารหวานคาวหนาวอดทน
มิเคยบ่นสักคำที่ทำมา
๐ จึงเมื่อจรจากไกลในคราโน้น
ไปสู่โพ้นฟากฝันอันไกลหนา
บอกเอ่ยคำย้ำใจในวันลา
กาลภายหน้าคราไหนจำได้ดี
๐ ไม่หลงลืมเรื่องราวในคราวนั้น
แม้นปีวันเดือนกรายมิหน่ายหนี
คงมิเลือนเตือนดังตั้งฤดี
พร่ำวจีพจน์พากษ์เมื่อจากกัน
๐ ไม่รู้ว่าวันนี้อยู่ที่ไหน
แต่น้ำใจเคยมีที่เสกสรรค์
จึงมาเพียรเขียนกลอนวอนรำพัน
หวังสวรรค์ส่งไปให้รู้ความ
๐ ไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่แต่รู้จัก
จึงความรักก้าวไกลเกินไถ่ถาม
ทุกช่วยเหลือเจือจุนเกื้อหนุนตาม
คิดครายามย้อนหลังยังคำนึง
.
.............
คนกุลา
ในเหมันต์
20 ธันวาคม 2552 21:54 น.
คนกุลา
๐ คราคราวครวญโศกซึ้ง ทรวงใน
ตรอมจิตระทมใจ อกร้าว
ยามไกลห่างแขไข นวลแม่ คุณเอย
จรสู่แดนสุดด้าว ห่วงแท้สายสมร..ฯ
๐ ใจ เหงายามเมื่อร้าง แรมไกล
ใคร พร่ำวอนฝากไป ค่ำเช้า
ไย เรียมป่วนดวงใจ พาลโศก นางเนอ
ครวญ ครุ่นคิดเพียงเจ้า หนึ่งน้องปรางหอมฯ
ใจ เอยเคยถวิล
ใจ จากถิ่นดินแดนหวัง
ใจ ร้าวหนาวลำพัง
ใจ แอบหวังยังจดจำ
ใคร เล่าหนาวหน่วงหนัก
ใคร หนอภักดิ์หนักเหลือล้ำ
ใคร เฝ้าเย้าหยอกคำ
ใคร ที่พร่ำจำนรรจา
ไย มากล้าครุ่นคิด
ไย เพียงพิศจิตห่วงหา
ไย จำวันอำลา
ไย ผวาคราร้างไกล
ครวญ คิดพินิจนุช
ครวญ จนสุดจะทานไหว
ครวญ คร่ำร่ำหาใคร
ครวญ โศกใจเมื่อไกลกัน
๐ ใจถวิล
ถึงถิ่นแดนฝัน
ทุกวารวัน
ใฝ่ฝันนางเดียว
๐ ไกลหนักหนา
เกินตาแลเหลียว
เกินทางเทียว
ยิ่งเปลี่ยวดวงใจ
๐ กายหนาวเหน็บ
แสนเจ็บเพียงไหน
แม้นยามใด
หทัยร้าวราญ
๐ ฤดูกาลผ่านผันทุกวันนี้
คล้ายไม่มีกฎเกณฑ์เป็นหลักฐาน
ไม่เที่ยงแท้แน่นอนเหมือนก่อนกาล
ทุกวันวารเปลี่ยนไปให้อาทร
๐ มาครวญคร่ำร่ำว่าคราวิโยค
แสนสุดโศกคราวพรากจากสมร
เพียงอำลาพาใจให้อาวรณ์
ใจบังอรคนึงพี่มีไหมนาง
๐ ใจ คราวจำจากเจ้า ไกลตา
ครวญ คร่ำในอุรา เทวษเศร้า
ครา เรียมห่างกานดา แสนห่วง แม่เอย
ไกล ห่างหอเรือนเหย้า ร่ำร้องถวิลหา..ฯ
............
คนกุลา
ในเหมันต์