15 ตุลาคม 2554 22:08 น.
คนกุลา
๐ ในโอกาสเริ่มต้น..............รัชกาล
โปรดก่อสร้างสถาน..............เทพเจ้า
“อีศานวรมัน”สาน..................สืบต่อ
“ศิขเรศวร”เกศเกล้า..............จุ่งให้เจริญแสน๚ะ๛
................
๐ ดิถีที่เริ่มต้น
เพื่อบานบนเทิดเทพไท
กลางเมืองเป็นหลักชัย
ธ โปรดให้สร้างอาราม
๐ บูชาเทพอิศวร
ตามกระบวนบุราณงาม
สืบต่อปฏิบัติตาม
ดังนิยามที่วางมา
๐ หวังท้าวมหาเทพ
เมื่อได้เสพย์สมอุรา
คงมีพระเมตตา
ปวงประชาของท้าวเธอ
๐ องค์อีศานวรมัน
แม้นมุ่งมั่นสม่ำเสมอ
บูชาและปรมเปรอ
เสด็จโดยพระองค์เอง
๐ บำเพ็ญฤทธิ์ตบะ
ใครพบปะมักกลัวเกรง
ริปูก็ยำเยง
เพราะเตชะศิวะทรง๚ะ๛
..........คน กุลา ๑๑ ตุลย์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
13 ตุลาคม 2554 21:32 น.
คนกุลา
๐ เฝ้าติดตามถามข่าวเรื่องราวร้าย
ทุกสิ่งหายหอบวับไปกับฝน
น้ำเจิ่งนองมองไปในมณฑล
บ่าเอ่อล้นไหลชำแรกซอกแซกซอน
๐ พังทุกอย่างล้างกวาดหาอาจยื้อ
หากใครดื้อถือดังเหมือนสั่งสอน
ธรรมชาติลาดบ่าชลสาคร
แต่เก่าก่อนร่อนชะไรไม่เคยมี
๐ ท่วมบ้านช่องเรือนชานทุกย่านสิ้น
เพพังภินท์ผลาญทบยากหลบหนี
กลบกลืนหายมลายลับกับวารี
หลากชีวีที่ดับไกลกับธาร
๐ มากน้ำใจไทยผองประคองช่วย
มาอำนวยด้วยจินต์ถึงถิ่นฐาน
อุทกภัยใหญ่นี้ที่พบพาน
ขอจงผ่านพ้นไปในเร็ววัน
๐ รวมสิ่งของต้องการส่งผ่านให้
จากแดนใดไกลตาฟากฟ้าฝัน
ในคืนหม่นบนนภาคราไร้จันทร์
ฝากแด่ขวัญยามทุกข์ปลอบปลุกใจ๚ะ๛
............คน กุลา ๑๓ ตุลย์ ๕๔
11 ตุลาคม 2554 21:15 น.
คนกุลา
๐ คราครองราชย์พสกล้วน........สดุดี
พระเดชพระคุณมี.....................ส่งให้
หมายเพียงประชาชี...................เป็นสุข
คงกฎเกณฑ์เคยใช้...................ดั่งด้าวแรกสมัย๚ะ๛
..........
๐ “อีศาน”ขึ้นครองราชย์
ทั้งชนชาติสดุดี
พระเดชพระคุณมี
ใช้สิ่งที่เคยร่ำเรียน
๐ หลายเผ่าพงศ์ประสม
ขุนบรมฯกุมบังเหียน
ข้าศึกมาเบียดเบียน
มิลดเพียรปราบริปู
๐ ทำนุและบำรุง
ให้เรืองรุ่งมิอดสู
เมืองใดใครมาดู
ก็เชิดชูในพระนาม
๐ กฎใดที่เป็นธรรม
พระฯน้อมนำพิธีตาม
ประชาทุกเขตุคาม
จึงเห็นงามกับพระองค์
๐ เจนละค่อยเกรียงไกร
ขยายใหญ่และมั่นคง
พระเกียรติยิ่งดำรง
สืบสานส่งจำเริญนาน๚ะ๛
..........คน กุลา ๑๑ ตุลย์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
10 ตุลาคม 2554 16:10 น.
คนกุลา
กาพย์ห่อโคลงเจนละ
๓๔)
๐ อีศานวรมันบุตรเจ้า.........................จอมไผท
มากฤทธีเกริกไกร.................................ยิ่งแล้ว
อีศานปุระไกล.....................................หมายมั่น
หวังเพื่อเป็นนครฯแก้ว..........................ฝั่งฟ้าสมุทรฝัน..ฯ
............
๐ บรรดาราชบุตร
เก่งที่สุดครองเมืองไกล
แห่งท้าวจอมไผท
กับนางนาคจากบาดาล
๐ เรืองเดชมากฤทธี
ประชาชีจึงกราบกราน
ขึ้นสืบสายวงศ์วาน
เพื่อต่อสานราชวงศ์
๐ หากพระฯท่านตั้งมั่น
เคยผูกพันจึงประสงค์
มุ่งหมายได้ดำรง
ท่ามเผ่าพงศ์ภูมิมารดร
๐ ทรงโปรดให้โก่นถาง
ป่าทามร้างสร้างนาคร
“อีศาน”ท่านวิงวอน
เพื่อรับพรจากนาคินทร์
๐ เหมือนราวเนรมิต
ทั่วทุกทิศงามดั่งจินต์
นาคน้ำดูดวารินทร์
จดเหือดแห้งก่อนแปงเมือง๚ะ๛
...........คน กุลา ๑๐ ตุลย์ ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
4 ตุลาคม 2554 23:18 น.
คนกุลา
๐ ชุนตาข่ายขาดปล่องเป็นช่องโหว่
ปลาตัวโตติดข่ายคงว่ายหนี
ค่อยถักสานป่านไยมั่นใจดี
ก่อนค่อยคลี่ออกตากบนฟากปู
๐ อยู่บนฝั่งดังคนที่จนยาก
ถูกถางถากทับกดให้อดสู
ไม่ใช่เป็นเช่นหมอหรือพ่อครู
เขามักดูถูกยับว่าอับจน
๐ เพราะศึกษามาน้อยจึงด้อยค่า
เพียงวิชาชีวิตประสิทธิ์ผล
เป็นหนทางสร้างค่ามานะตน
ฝึกอยู่บนผืนน้ำเพียงลำพัง
๐ ไล่ลอนคลื่นตื้นลึกพอนึกรู้
ต้นลำพูต้นไหนใครปลูกฝัง
กี่”กระเตง”ตังเกได้เพพัง
กี่คราวครั้งคลื่นลมขย่มเรือ
๐ หลายร่องน้ำย้ำย่านวิ่งผ่านล่อง
ยามเที่ยวท่องทุกหว่างนำหางเสือ
น้ำทะเลข้นเข้มเฝื่อนเค็มเกลือ
วักขึ้นเพื่อลดร้อนผ่อนแดดลม
๐ เสียงเครื่องเรือเมื่อจากริมปากน้ำ
แผดเสียงย้ำหยอกเย้าราวขื่นขม
หากินเหนือลอนคลื่นตื่นตาตรม
พริบพร่างพรมพราวน้ำอยู่รำไร
๐ แดดที่จ้าคราออกมานอกท่า
และฟากฟ้าฟ่อนเมฆสดเสกใส
มาครึ้มคล้ำดำพลันลงทันใด
โปรยปรายไยยวงยาวหนาวระคน
๐ เหม่อเกาะเคียงเรียงรายจรดปลายฟ้า
ดูแปลกตาแตกต่างกลางม่านฝน
คือที่หมายปลายทางสร้างงานตน
สาละวนเวียนมาฝ่าคลื่นแรง
๐ คราเย็นย่ำค่ำลงมืดตรงหน้า
ตะวันลาฟ้าคลี่หลายสีแสง
น้ำเงินดำดาดแดดสีแสดแดง
ก่อนลำแสงสุดท้ายมลายไกล
๐ จับคันเครื่องวาดหางบอกทางช่อง
มุ่งเที่ยวท่องจุดหมายไว้ที่ไหน
กี่เกาะแก่งแหล่งย่านเคยผ่านไป
ด้วยหัวใจกร้านล้ำขับลำลอย
๐ จนย่ำรุ่งคุ้งน้ำในค่ำเผย
ล่วงดึกเลยกลับเรือเพื่อล่าถอย
ที่ฟากฝั่งหวังว่าเมียมาคอย
ปูปลาร้อยเรียงรัดคัดแยกกอง
๐ รอพ่อค้ามารับจับจัดหา
แลกเงินตรามาใช้จ่ายซื้อของ
มีสังสรรค์กันบ้างอย่างทำนอง
หมู่เพื่อนพ้องน้ำเค็มเข้มหัวใจ
๐ รอเวลากลับหลังยังเวิ้งน้ำ
ทุกคืนค่ำคร่ำคร่าฝ่าคลื่นไหว
กับลำพองสองแขนท่องแดนไกล
ท่ามดาวใสในฝันม่านจันทร์นวล
๐ ไปยังที่มีความหมายให้ชีวิต
ที่ลิขิตย้อนยอกบอกใจหวน
กลิ่นทะเลเร่ร่อนวนย้อนทวน
ลอยลากอวนอิ่มหวัง”วังจ้าวเล”
....................คน กุลา ๔ ตุลย์ ๕๔