16 พฤษภาคม 2552 02:24 น.
คนกุลา
.
นอนนับดาวราวดวงในห้วงฟ้า
พรายพริบระยิบตาในเวหน
ดั่งดวงใจหลายล้านดวงในห้วงกมล
อาจอดทนคอยนานนับล้านปี
เคยลองนับดูไปไม่เคยครบ
เพราะมักจบเมื่อหลับไปกับที่
เฝ้าเพียรนับกับหวังที่ยังมี
เปรียบเทียบกี่ดาวดวงในห้วงใจ
ดาวบางดวงล่วงพรากจากโค้งฟ้า
ก็เกิดมาเติมสรวงดาวดวงใหม่
เหมือนบางดาวพราวร่วงจากห้วงใจ
ก็เกิดใหม่บางดวงห้วงเดียวกัน
เกิดกับดับลับดวงแม้หวงแหน
แม้สุดแสนเสียดายในห้วงฝัน
มิหวังล่วงดวงดารามาประชัน
ว่าดาวฝันกับดาวจริงสิ่งใดงาม
เพราะรู้เปรียบเทียบต่างงามในสำนึก
ความรู้สึกนิยามใจสุดไหวหวาม
ความในฝันความในใจในทุกยาม
เพียงอยากถามดาวเจ้าคราวอยู่ไกล
ดาวทุกดวงในห้วงฟ้ามาให้เห็น
กระพริบเย็นระยับตาดูพร่าไหว
ใจระทึกระลึกดาวทุกคราวไป
ฤๅดวงใจเราห่วงดาวราวห่วงรัก
นอนนับดาวราวดวงในห้วงฟ้า
กี่ปีมาแล้วใจได้รู้จัก
อยากถามดาวเอาความจริงเสียยิ่งนัก
ว่าดาวรักบางใครบ้างไหมดาว
.
.......................
15 พฤษภาคม 2552 14:09 น.
คนกุลา
....
นั่งอยู่เหงาเปล่าดายกลางสายฝน
ที่หลั่งหล่นหลังคาใครโอ้ใจหาย
ยามที่มีน้ำฝนหล่นพร่างพราย
ฤดีรายเรืองเรื่อเมื่อฝนพรำ
เมฆละลายฝนลงสรงแหล่งหล้า
พสุธาใยเศร้าโศกดั่งโลกร่ำ
หากจะถามใครนิยามตามตอบคำ
แต่หมู่ส่ำสรรพสัตว์สาได้ร่าเริง
คนกับฝนฝนกับสัตว์..ประวัติหล้า
อีกพืชพันธุ์ธัญญาร่ารายเหลิง
เหมือนน้ำทิพย์ชะโลมพรายดับปรายเพลิง
ที่ละเลิงให้มอดลงตรงชุ่มเย็น
หากโลกนี้มีแต่รักจักน่าอยู่
เพราะเกลียดดูตามย่ำยีอย่างที่เห็น
ออกมาย้ำห้ำหั่นกันอย่างเป็น
ไม่ฉ่ำเย็นหากร้อนเร่าฉาวทั่วไป
แล้วทำใมไม่เอารักถักทอโลก
กักดอกโศกจำขังไม่ให้ไปไหน
ปล่อยดอกรักถักทอแตกกอไกล
สานละมัยบานเต็มหล้ากว่าโลกงาม
...........
15 พฤษภาคม 2552 13:34 น.
คนกุลา
.
ตั้งตาว่าจะหลับ
หวนกลับมาหน้าคอมฝัน
ยลแสงนวลใยในนวลจันทร์
ในดึกอันมีเราเปล่าเปลี่ยวแด
มาดูแลรักษาใจให้ตัวเอง
โอ้ว่าเพลาดึก
ห้วงนึกห้วงในใยเร่ง
ทำใมไม่ปล่อยไปตามเพลง
อาจเร่งเร้าเร่าร้อนฤๅผ่อนคลาย
เหมือนดังทรายกับทะเลเห่กล่อมกัน
หรือคืนที่คลื่นคลั่ง
ดุจดังนภาฟ้าเฟือนควั่น
เมฆดำคลุมทับดับดวงจันทร์
ดั่งเหมือนวันโลกดับจะพับพัง
ในความหลังครั้งชีวิตแทบปลิดปลง
น้ำตาไหลนองหน้า
ยิ้มปร่ายังเติมเพิ่มส่ง
ยามยากหากใจไม่มั่นคง
สิ่งยืนยงมักมาถูกท้าทาย
ย้ำความหมายความซื่อตรงตรงกระทำ
เมื่อน้ำตาพร่าหยด
คงหมดนัยตาปร่าย้ำ
สะอื้นในใจไหวระงำ
ชะความช้ำหมดนะจะเข้านอน
ความอาวรณ์ขอกลบฝังกลางฝนปรอย
......................
14 พฤษภาคม 2552 15:34 น.
คนกุลา
.
ขณะนี้คือที่แท้
พรุ่งนี้อาจแปรกลับหาย
มุ่งหวังกระทั่งยังเปล่าดาย
ตระหนักไว้ที่เห็นเป็นปัจจุบัน
ที่เราฝันหลายสิ่งฤๅจริงจัง
ที่ได้คือหมายพบ
ประสบสิ่งดีที่หวัง
หากดีคือดียังจีรัง
แต่ต้องตั้งว่าดีที่พบพาน
เมื่อได้ผ่านการผูกพันต่อกันมา
ชีวิตการเดินทาง
ระหว่างชีวีเหว่ว้า
เทียวทนหนทางก้าวย่างมา
มีน้ำท่าดื่มกินแสนยินดี
เพราะคนที่ยังพร่องก็ต้องเติม
รักหรือฝันพลันรู้
ตรองดูก็รู้แต่เริ่ม
งามจันทร์งามฝันจันทร์ดวงเดิม
หากยิ่งเพิ่มงามจันทร์ในวันเพ็ญ
ยามมาเห็นก็ว่างามไปตามจันทร์
รักหรือก็คือรัก
ทอถักกันมาฝ่าฝัน
ทอรักถักรอก็ผูกพัน
รักงามนั้นความจริงคือสิ่งไร
อยู่ที่ไหนรักผูกพันมั่นไม่คลาย
ความจริงสิ่งที่ฝัน
ท่ามโอบจันทร์สู่จุดหมาย
แม้นร่างลับร่างดับวางวาย
แต่สืบสายวิญญาณยังผ่านวน
ทบทุกข์ทนวนเวียนหวัง ณ ฝั่งกาล
อาจพบคู่อยู่หรือ
ใครคือคู่แท้แม้ผ่าน
จำฝันย้ำฝันของวันวาน
เพื่อจักผ่านพ้นผ่านการพานพบ
แต่ใช่หลบไม่ยอมผ่านการผูกพัน
ใจใฝ่ธรรมนำจิต
นิมิตมุ่งสรวงสวรรค์
ชีวิตละคอนค่อนคืนวัน
ไม่ยึดขวัญรักขวัญเท่านั้นพอ
เพื่อรู้รอสร้างให้รักจักนิรันดร์
...............
13 พฤษภาคม 2552 20:18 น.
คนกุลา
.
ปลายฟ้า ณ ปลายฟ้า
ยามว้าเหว่ทะเลฝัน
เหมือนดั่งวิหารแห่งพรานจันทร์
ที่ล่าฝันฝูงดาวเหินหาวลอย
ดุจเรือน้อยลอยเคว้งคว้างกลางคลื่นพราย
ทะเล ณ ทะเล
บทเห่ห้วงน้ำยามสาย
ภาพวาดพิมพ์ฝันพรรณราย
ระยิบร่ายทิพย์ภาพอาบแผ่นดิน
สายฝนรินรดทะเลเห่กล่อมนาง
แดนฝัน ณ แดนฝัน
ตะวันจรมาฟ้ากว้าง
ม่านฝนหม่นฟ้าพร่าพร่างพราง
เหมือนม่านบางแต่งห้องท้องวิมาน
ทิพย์สถานเรือนรับรองของใครนา
อัสดง ณ อัสดง
แดดยอลงดังเริงร่า
เมฆปอยลอยล่องผ่านคลองตา
ประดับฟ้าแต่งน้ำในความจริง
ว่าทุกสิ่งล้วนงดงามตามครรลอง
ปลายฟ้า ณ ราตรี
ยามนี้ทะเลงามผ่อง
จันทร์นวลกระทบคลื่นพรายฟอง
ปานเกร็ดทองกระพริบรับกับจันทร์
ค่ำคืนอันห้วงน้ำล้อมกล่อมทะเล
...............