22 พฤษภาคม 2552 17:03 น.
คนกุลา
..
วัฏจักรโลภโกรธหลงวงวิถี
บรรดามีท่านสอนสั่งไว้ดังหมาย
เหตุแห่งสุข ทุกข์ใจไม่เคยคลาย
กลับแตกสายออกดอกใบใหญ่ทุกวัน
เพราะรู้รับสรรพสิ่งไม่นิ่งได้
ใจซัดส่ายรักชังยังใฝ่ฝัน
ก่อยึดติดทุกประดาสารพัน
ก่อเกิดฝันอยากครอบครองเป็นของตัว
อยากลงหลักปักฐานแนวบ้านช่อง
เรือนหอห้องนั่นของกูใครรู้ทั่ว
ถลาล่มในหล่มพรางอย่างเมามัว
ก็เพราะกลัวสูญเสียไปได้ถึงคราว
เพราะมีกายมีสมองไว้ตรองคิด
กายก็ติดความสบายได้อุ่นหนาว
ใจหวังสุขทุกอย่างที่พร่างพราว
ทั้งถึงคราวคงเสื่อมแท้ไม่แน่นอน
ในวนวงกงเกวียนวงเวียนวัฒน์
อริยสัจจจ์จึงขลังดังคำสอน
สมุห์เหตุแห่งทุกข์สุขนิวรณ์
รู้ไถ่ถอนจากใจ...ได้เห็นธรรม
..................
22 พฤษภาคม 2552 11:40 น.
คนกุลา
.
....
วันนี้ชั่วเช้ามาฟ้าสลัว
แม้เมฆมัวหม่นบ้างฟ้ายังใส
ตามแผนการเดินทางยังห่างไกล
เขาบอกไปมุ่งสู่ลากูนา
ที่ที่ไปเป็นที่เที่ยวทางเลี้ยวลด
เป็นลำธารผ่านไปจรดหว่างภูผา
มีสายน้ำดั่งฝอยฝนหล่นหลั่งมา
ทั้งสองผาขอบข้างยังแปลกใจ
หลั่งมาปานม่านน้ำท่ามผารก
เป็นน้ำตกตามราวป่าแปลกตาใหม
ไม่ว่าฝนตกมาฟ้าเช่นไร
ทุกคนใครเปียกปอนพอปานกัน
มาคราวนี้ที่สุดโลกในโตรกเขา
แต่ใจเรายังทำใมเหมือนในฝัน
ฝันถึงที่ดาวคอยหาลอยจันทร์
คิดถึงวันวันที่มีสองเรา
แม้วันนี้ฟ้าที่นี่ยังสีฟ้า
ก็จำวันจากมาฟ้าเหงาเหงา
เพราะรู้ว่าวันต่อไปไม่มีเรา
อารมณ์เหงาจึงตามข้ามฟ้าไกล
ฟิลิปปินส์ถิ่นนี้ฤๅมีเจ้า
เหลียวมองเหย้าเรือนข้างทางน้ำไหล
สาวหน้าตาท่าทางอย่างคนไทย
จะมีใครงามเกินเจ้าสาวตาคม
ยามเลาะล่องท้องธารผ่านน้ำตก
ในหัวอกหรือระอาท่าไม่สม
แม้นทิวทัศน์งามตาน่าชื่นชม
ใจระทมข่มมองผ่านม่านน้ำตา
.
.........
21 พฤษภาคม 2552 10:18 น.
คนกุลา
....
เดินทางกลางพายุดูเหมือนบ้า
หากเปลี่ยนมาเป็นเมืองไทยที่ไกลแสน
หากนี้อยู่ระหว่างในต่างแดน
แม้สุดแสนหม่นหมองต้องเดินทาง
ฟิลิปปินส์ทุกปีมีพายุ
เราว่าดุเขาไม่แปลกเห็นแตกต่าง
พายุเก่าพัดผ่านไปไม่ทันจาง
ลูกใหม่คว้างเข้าซัดพัดระเนน
แต่เขามีการเตือนภัยพอได้ช่วย
จัดระดับนับหน่วยอย่างที่เห็น
สี่ สาม สอง หนึ่ง นี่สี่ อย่างที่เป็น
หมายถึงเน้นว่าอันตรายสุดร้ายแรง
เมฆฝนซัดพัดลมถล่มฟ้า
ดั้นด้นฝ่าข้ามทะลุพายุแกร่ง
เสาไฟโอนต้นไม้ไหวในลมแรง
เราเหมือนแข่งพายุไปในหนทาง
เปรียบเดินทางแรมรอนค่อนชีวิต
ตามความฝันที่นิมิตลิขิตร่าง
กับแผนที่ชีวิตขีดเส้นทาง
คนแนบข้างเหมือนไม่มีอย่างที่ควร
มาคราวนี้มาไกลอาลัยจาก
มาไกลมากเพียงใดใจยังหวล
ยามคำนึงเฝ้าคิดจิตทบทวน
อุปสรรคล้วนต้องฝ่าข้ามยามจำเป็น
ยามเดินทางระหว่างใจในชีวิต
ท่ามถูกผิดชั่วหรือดีอย่างที่เห็น
อันตรายร้ายมากหากจำเป็น
ร้าวรำเค็ญหากต้องไปเมื่อใจนำ
เมื่อเดินทางกลางพายุดูเหมือนบ้า
หากเปลี่ยนมาเป็นเมืองไทยที่ไกลล้ำ
ฝ่าแข่งข้ามความเป็นตายร่ายลำนำ
ดุจยิ่งย้ำไม่ร้ายกว่า...พายุใจ
กลางพายุดุร้ายยังได้หลบ
เมื่อได้พบแหล่งพักพิงอิงอาศัย
แต่พายุดุร้ายภายในใจ
จะหาแหล่งพักใด..ยังไม่มี
..........
20 พฤษภาคม 2552 12:07 น.
คนกุลา
.
เสียงฝนพร่างพรำพรำร่ำวิโยค
ดุจดังโลกจะละลายกลางสายฝน
ฤๅจะกลบช่องว่างระหว่างคน
ให้สายฝนสะสางชะล้างใจ
ฟ้าทั้งฟ้าฉ่ำน้ำฝนบนฟากฟ้า
ในคลองตาหม่นร้าวพราวน้ำใส
เหมือนย้ำเตือนให้อดทนเราคนไกล
อย่าเที่ยวไปห่วงหาใจอาวรณ์
ร้านอาหารเดินใกล้ใกล้ในสายฝน
เราคือคนมาเยือนเพื่อนรับต้อน
สั่งอาหารหวานคาวใจร้าวรอน
เย็นหรือร้อนพอประทังยังคำนึง
กับอะไรไม่ถูกปากเลยสักนิด
คงเพราะพิษใจฝังยังคิดถึง
อยู่ที่ไหนใจร่ำเฝ้ารำพึง
รักเคยซึ้งโศกศัลย์แต่วันวาน
เสียงฝนพรำร่ำฟ้าอุษาโศก
ร่ายโศลกมาร่ำพอฉ่ำหวาน
เขียนบทกลอนวอนมาภาษากานท์
ข้ามเมฆม่านหม่นฟ้าตากาล็อก
.
...............
19 พฤษภาคม 2552 15:20 น.
คนกุลา
.
....
บ้านนิบงตรงกลางเมืองเคยเรืองรุ่ง
เคยผดุงยุติธรรมมานำขวัญ
ทั้งสะเตงท่าสาปพิลาปพลัน
เมื่อความฝันแสนสวยดับม้วยมรณ์
เมืองรามันวันนี้ไซร้ไฟลามลุก
ไม่มีสุขสงบสันต์เหมือนวันก่อน
ความแตกแยกแผกฝ่ายไร้อาวรณ์
ความเดือดร้อนคลุมผ่านทุกย่านไป
เมืองกาบังอยู่ไหนไม่เคยเห็น
ฤๅหลบเร้นหลีกลี้อยู่ที่ไหน
วันนี้ร้อนหรือเย็นเป็นเช่นไร
ในหัวใจคนหนหลังยังอยากเยือน
ส่วนยะหาได้เคยไปในครั้งโน้น
อยากปลอบโยนวันคนดีไม่มีเพื่อน
วันที่ฝันทุกอย่างดูลางเลือน
ยามเมื่อเปื้อนมายาการฆ่าฟัน
บันนังสตาท่ามหุบเขาในเงาเมฆ
ดังเช่นเฉกเมืองสวรรค์วันก่อนนั้น
วันที่ฟ้าสวยใสในทุกวัน
งามพระจันทร์ในเงาน้ำงามบางลาง
ผ่านธารโตโอ้งามล้ำน้ำตกสวย
รินระรวยรายทางป่ายางฝัน
แต่วันนี้เมื่อมีมาการฆ่าฟัน
เมืองในฝันก็ร้อนรุ่มดั่งสุมไป
ไปเบตงคงจะรู้ดูผิดแผก
คนจีนในหมู่แขกดูแปลกไหม
แขกเขมรจีนลาวก็ชาวไทย
ฤๅมีใครบ้างมิใช่สายเลือดเรา
กรงปีนังตามหน้าข่าวยิ่งเศร้าหนัก
ยามคนรักอยู่ไกลเกินใจเหงา
สวดมนต์วอนขอพรพระก่อนจะเนาว์
ดุอาร์เอาพรพระเจ้าเข้าคุ้มครอง
เมื่อยะลาวันนี้ฟ้าสีเลือด
สงครามเดือดลามไฟยังไหม้หมอง
สันติภาพยังห่างล้ำตามครรลอง
ใครฤๅต้องการรบราและฆ่าฟัน
คิดถึงเอยความหลังครั้งก่อนนี้
วันไม่มีควันสงครามตามป่าฝัน
แม้แตกต่างศาสนาภาษากัน
แต่ท่ามฝันความเป็นไปก็ใสงาม
มาวันนี้วันที่ฟ้าทาสีเลือด
แดงเดือดดุจลามไฟเกินใครห้าม
ความขัดแค้นเคืองคุกเข้าลุกลาม
ร่ายนิยามการเข่นฆ่าทุกนาที
ยังอยากฝันถึงวันไหนที่ไฟดับ
สงบระงับดับไปในทุกที่
ให้เพ็ญจันทร์พลันสว่างพร่างราตรี
คืนวันที่งามหรู..สู่ยะลา
...........