29 พฤษภาคม 2552 22:07 น.
คนกุลา
.
มาอ่านงานงามยามใจใสสงบ
เหมือนพานพบบุปผาปาริชาติฝัน
ภาพและคำที่ร่ำร่ายหมายจาบัลย์
เธอกับฉันอ่านไปจับใจจัง
จากนกไฟและใจหนึ่งซึ่งสถิตย์
ในดวงจิตตั้งมั่นสวรรค์หวัง
หลับอยู่ในดวงไฟราวในรัง
ด้วยพลังได้เสริมเติมแต่งมา
วันเวลาที่ว่ายฟ้ามาเกินฝัน
คือวัยวันข้ามรุ้งแรงแสวงหา
ยามได้ยินได้พบและสบตา
นางแม่ย่าทิพย์สรวงแห่งห้วงไพร
เป็นเทพีในฝันอันแสนหวาน
จนนกพาลร่านพะวงและหลงไหล
จนหมดเนื้อหมดตัวและหัวใจ
ดีแต่ได้ทิพย์งามขำคอยพร่ำเตือน
คงเพราะอยากนิยามหาความรัก
ในใจภักดิ์ของนกไพรจึงไหลเลื่อน
เมื่อยองใจไหวพรางแม้ลางเลือน
ก็อยากเอื้อนเอ่ยนะ ว่ารักนาง
.......................
29 พฤษภาคม 2552 15:53 น.
คนกุลา
คือตำนานนกไฟในเวหา
จิกกินดาริกาเป็นอาหาร
ระเริงร่ายว่ายฟ้าทิวาวาร
รัตติกาลหลับไหลใต้กิ่งดาว
ท่องไปในไพรสรวงแห่งห้วงนึก
และรู้สึกในราวรวงแห่งห้วงหาว
หากินในทางช้างเผือกแห่งเทือกดาว
หอบลมพราวห่มร่างในทางเดือน
เกิดขึ้นกลางกองไฟที่ไหม้โลก
หลั่งฝนโศกแสนห่าจนฟ้าเปื้อน
เขย่าเสาค้ำโลกโศกสะเทือน
คอยมาเยือนผู้รู้ใจในคืนวัน
อยากสร้างตำนานใหม่ในฟากฟ้า
แต่เมื่อคนกุลายังห่วงฝัน
ห่วงใบนวลยวลใจในพร่างจันทร์
รอนะฝันพ่อนกไฟให้รอนวล
.
.........
28 พฤษภาคม 2552 10:38 น.
คนกุลา
.
๑. คือบทเรียน
ยังต่อสู้อยู่กับจิตคิดไหวหวั่น
สะพึงพรั่นของอัตตาแห่งยโส
ระลึกหวังตั้งใจในมโน
เพ่งตะโจ นะขามั่น ทันตา..ตาม
หวังเพียงว่าข่มจิตให้คิดได้
เพื่อคุ้มครองใจกายหวังหมายห้าม
สะกดจิตข่มใจในนิยาม
หัวใจหวามหวั่นไหวในอุรา
ท่ามสายฝนปร่นพร่างบนทางเงียบ
ใจเย็นเยียบเงียบงำทั่วค้ำฟ้า
เติมความร้าวหนาวใดในมรรคา
ขอคืนมาดังเก่าเราร่ายคำ
ระหว่างเราสัมพันธ์ที่กวีพจน์
รินรสบทกลอนกานท์กังวานร่ำ
ขอขมากล่าวอภัยในลำนำ
และยืนคำขอบคุณจุนเจือจาน
เป็นบทเรียนอีกครั้งที่ยังพลาด
จัตุบาทอาจจะมีผิดคิดฟุ้งซ่าน
ปราชญ์ยังพลั้งดังที่มีตำนาน
นกไพรผ่านเพริดหลงคงจดจำ
คงจะจดจำไปในชีวิต
แยกถูกผิดในนิยามคอยตามย้ำ
บนหนทางครั้งนี้ที่กระทำ
ควรรู้จำและจะจดเป็นบทเรียน
ในท่ามหนด้นทางหว่างถูกผิด
ในชีวิตวิถีทัศน์หัดขีดเขียน
บาดแผลแลลายหากบอกพากเพียร
เป็นบทเรียนหากกล้าเดินยิ่งเนิ่นนาน
๒.ข่าวฝากคำลาจากนกไพร
คนกุลาถูกกล่าวขานให้วานบอก
ไม่ลวงหลอกเพราะตาเห็นเป็นหลักฐาน
เรื่องราวที่เป็นไปในวันวาน
กับตำนานนกไพรในใจนวล
ว่านกไพรตัวนั้นพลันตายแล้ว
แม้ดวงตายังฉายแววว่าไห้หวล
ยังส่งคำข้ามฟ้าว่ารัญจวน
คิดถึงนวลและความหลังครั้งยาวไกล
จึงนกไพรถูกเผาในเงาฝัน
ในม่านควันปรากฎภาพสดใส
นกที่ตายหายเห็นกลับเป็นไป
เป็นนกไฟอยู่ที่นั่นคล้ายฝันเอา
บอกให้มาเล่าขานตำนานนก
นามวิหคนกไพรในฟ้าเหงา
เมื่อวันที่ม่านฟ้าทาสีเทา
วันที่เผาเจ้านกไพรไหม้นมนาน
ไม่อยากเชื่อเพราะว่าเกินน่าเชื่อ
ฟ้ารกเรื้อที่นกหวังสร้างรังหวาน
บอกฝากคำย้ำนวลใจในวันวาน
เล่าตำนานนกไพรได้ดับลง
ตายเพื่อเกิดครั้งใหม่กลางไฟฝัน
กลางตะวันสีแดงด้วยแรงหลง
เพราะด้วยใจใสสง่ากว่าเผ่าพงศ์
จากนกดงจึงกลายเป็นเช่นนกไฟ
คนกุลามากล่าวขานตามวานบอก
ไม่กล้าหลอกลวงอำถ้อยคำไหน
ถ่ายถ้อยคำที่พร่ำพรากจากนกไฟ
บอกหน้าใสใจนวลไม่ควรรอ
ถึงโนราห์น้องน้อยยังคอยหวัง
บอกลาดังฟังมาจากฟ้าหนอ
นกบอกว่าจะส่งเสียงมาเคียงคลอ
และบอกต่อจะส่งข่าวถึงเจ้าเอง
.
.........
27 พฤษภาคม 2552 12:12 น.
คนกุลา
.
ฉันยังอยู่ที่นี่ที่เวิ้งฟ้า
สบสายตากับตะวันอันสดใส
แม้อาจปวดรวดร้าวหนาวทรวงใน
ยังสุขใจกับฟากฟ้าดาราพราว
และยังไม่บินหวนทวนกลับหลัง
สถิตย์ยังห้วงนภาเวหาหาว
ลอยอยู่หว่างทางช้างเผือกแห่งเทือกดาว
ชมวันคืนยืนยาวแห่งดาวดวง
จะรอเธออยู่ที่นี่ที่ขอบฟ้า
รอเวลาเธอผ่านสู่ม่านสรวง
สร้างม่านทิพย์เพชรพราวร้อยราวรวง
ถักสร้อยสรวงเสริมแต่งด้วยแรงใจ
ยามอาทิตย์ชักรถบทจร
ก่อนลับเหลี่ยมสิงขรแม้นคราวไหน
จะเป็นดั่งหนุมาณทนทานไฟ
ติดถามไถ่ตาวันกร้าวถึงข่าวเธอ
จะปั้นเสกเมฆน้ำท่ามสมุทร
ปั้นพิสุทธิพสุธามาเสนอ
เป่าวายุทิพย์ฝันวันได้เจอ
เพื่อเสนอเป็นคำพรหมภิรมย์พร
ยังไม่อยากล่วงผ่านนิพพานทิพย์
อยากว่ายวิบพริบระเรื่อเหนือสิงขร
เริงมหานทีสีทันดร
ด้วยนิวรณ์แห่งอัตตามหาพรหม
ฉันจะอยู่ที่นี่ที่เวิ้งฟ้า
ให้เวลาพาเธอมาร่วมสุขสม
ฝ่าม่านทิพย์ฝนพรางที่พร่างพรม
ร้างระทมนิราศฝันนิรันดร
.
.........
26 พฤษภาคม 2552 21:05 น.
คนกุลา
..
กลีบดอกไม้ร่ายกลีบรีบจรจาก
การปลิดพรากจึงนิยามตามที่เห็น
ไม่เที่ยงแท้แม้นิยามตามที่เป็น
ฤๅอาจเว้นสิ่งใดได้ยืนยง
เพียงยลงามทรามสงวนกลีบนวลผ่อง
พอฟ้าล่องแดดดับก็ลับหลง
ราตรีหอมพะยอมกลิ่นระรินดง
มาปลิวปลงยามสายปรายรอบลาน
แม้เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้ชม
ก็สุดสมแช่มอุราว่าหอมหวาน
ในว่ายวนชีวิตจิตวิญญาณ
หนทางปราณเวียนวกโลกที่มี
ดังนกไพรว่ายฟ้ามายาฝัน
สู่เส้นกั้นขอบฟ้ามายาสี
แสดส้มเหลืองเรื่อแดงแต่งนานปี
ก่อนทุกสีจะสลายกลายเป็นดำ
รู้เท่ารู้อยู่ว่ามายาภาพ
ที่เอิบอาบและผ่านมานานล้ำ
มาเพื่อมาปลุกปลอบและตอบคำ
งามดื่มด่ำไม่จีรัง..หากยั่งยืน
งามดื่มด่ำไม่จีรัง..หากยั่งยืน...
ในขณะจิตนี้....ดุจนิรันดร์
.
...........................