15 มิถุนายน 2552 11:31 น.
คนกุลา
.
ดุจค่ายกลมนต์สเน่หามายาวาด
จนมิอาจรู้จริงสิ่งที่เห็น
ใครที่ว่ารู้จริงสิ่งใดเป็น
เถิดเนื้อเย็นสว่างเผยมาเปรยใจ
ในท่ามฝันท่วมฟ้ามาร้อยถัก
มาลัยรักร้อยขวัญทุกวันไหน
ทะเลขวัญวันหวังแต่ครั้งใด
คือด่านใจด่านแรกแทบแหลกราน
ในค่ายกลมนต์มายาน่าถนอม
เกิดย่านหย่อมธุลีฝันอันแสนหวาน
วันนกไฟว่ายข้ามฟ้ามายากาล
ฤๅแทบพาลสาบสิ้นสูญอาดูรครัน
ตามทางที่เลี้ยวลอดเที่ยวสอดส่อง
เทียวครรลองรายตามกำแพงฝัน
กำแพงใจหลากตาสารพัน
ทุกกำแพงแหล่งนั้นชวนฝันจริง
กำแพงรักกำแพงใจในนิมิต
กำแพงจิตแต่งทุกข์ฤๅสุขหวัง
ทุกกำแพงแบ่งใจให้พลัง
ทุกคราครั้งยามลาหน้ากำแพง
คนกุลาอยู่มาหนอก็ปูนนี้
ดวงฤดียังหวั่นใจในทุกแห่ง
หากแรงล้ามิกล้าเหิรจนเกินแรง
คงเพียงแต่งกลอนมาว่าคำนึง
ดุจค่ายกลมนต์สเน่หามายาภาพ
มาเอิบอาบใจดวงนี้ที่คิดถึง
ณ รังนกพญาไฟในรำพึง
ว่าหลงซึ้งสุดสิเน่หามายากลอน
คนกุลา
รังนกพญาไฟ
ในกลางวสันต์
14 มิถุนายน 2552 11:59 น.
คนกุลา
.
เพราะกำแพงเปลือกหอยที่ถ้อยถัก
ก็ด้วยรักถักฝันวันใจว่าง
มีคนตอบสอบถามตามรายทาง
และมีบางห้วงใจเปิดให้ฟัง
กำแพงใจใครมีที่ไหนบ้าง
ค่อยค่อยสร้างต่างจิตที่คิดหวัง
เรียงเป็นแถบแบบใดใจชอบชัง
เพียรก่อตั้งเป็นกำแพงไว้แฝงตัว
เพราะคนดีมีหลากหลายคนร้ายมาก
แม้นว่าหากหลุดเข้ามาน่าปวดหัว
ถึงคนดีที่เข้ามายังน่ากลัว
หากคนชั่วหลุดมาได้ตายทั้งเป็น
กำแพงหินกำแพงหมอกดวงดอกไม้
กำแพงทรายกำแพงธรรมตามที่เห็น
กำแพงก่อต่ออะคร้าวทุกเช้าเย็น
บางคนเน้นสร้างกำแพงเกินแรงตัว
บางมิตรเอ่ยเผยถามทุกยามคิด
ในห้วงจิตคนกุลาท่องมาทั่ว
มีบ้างไหมกำแพงใจได้พันพัว
คงเพียงยั่วแหย่ก็พอรู้ทัน
คนกุลามาไกลในฟ้าฟาก
รังนกจากแสนไกลในฟากฝัน
รังนกไฟแสนไกลมากในฟากจันทร์
ฟากฟ้านั้นกำแพงไหน ไยต้องการ
คนกุลา
รังนกไฟ
ในกลางวสันต์
12 มิถุนายน 2552 12:50 น.
คนกุลา
.
.
ทุกท่วงท่ายามเยื้องย่างดุจนางหงส์
ทุกทรวดทรงองค์อ่อนสมรขวัญ
ทุกพักตร์พิศนวลปรางดั่งพร่างจันทร์
สายตาฝันกระพริบพร้อยร่องรอยใจ
เธอแย้มยิ้มกับใครแอบไปฝัน
เอ่ยรำพันพรูพราวทุกคราวไหน
เอาไปพ้อล้อดาวทุกคราวไป
ถึงห้วงในที่อยากให้ได้รู้ความ
ยังแอบฝันเพราะเธอนั้นแสนสูงศักดิ์
ยังแอบรักด้วยดวงใจที่ไหวหวาม
ยังแอบเพ้อละเมอหาทุกครายาม
รักยังลามเลยรวมจนท่วมใจ
แม้มิหวังอุ่นแอบได้แนบชิด
เพียงดวงจิตคอยพวงเฝ้าหลงไขว่
ยังเฝ้ารอรักหวานนานเพียงใด
บอกดวงใจรักหนอจะรอนาง
เนรมิตสนามหญ้าข้างสระน้ำ
สร้างนิยามรักให้สดใสพร่าง
มองสบฟ้าตาดาวที่พราวพราง
ส่งใจว่างพร่างหม่นหาคนดี
แม้ได้เพียง"แอบรัก"สุขนักแล้ว
เมื่อรักยังไร้แววนะแก้วพี่
ยังบ่มรักในกมลล้นฤดี
เพราะใจนี้มั่น"แอบรัก"เฝ้าถักรอ
ในความฝัน"แอบรัก"นั้นช่างแสนหวาน
ในตำนาน"แอบรัก"เอยเคยไหมหนอ
ในนิยายได้"แอบรัก"คงจักพอ
"แอบรัก"รอก่อสุขไหนใครจะปาน
ทุกท่วงท่ายามเยื้องย่างดุจนางหงส์
ทุกทรวดทรงอนงค์อ่อนซ่อนแววหวาน
มาเรียงรสบทรักถักตำนาน
ร่าย"แอบรัก"แสนหวานใน"ม่านรอ"
.
คนกุลา
รังนกไฟ
ในกลางวสันต์
11 มิถุนายน 2552 18:35 น.
คนกุลา
ก่อกำแพงเปลือกหอยค่อยค่อยสร้าง
ค่อยค่อยวางก่อฉาบจนทาบหนา
ค่อยค่อยเสริมเติมเด่นจนเย็นชา
จากสายตาและทุกใจใส่ตัวตน
ดูแกร่งกล้าสามารถและอาจหาญ
กับหัวใจชาด้านผ่านลมฝน
เก็บบางหัวใจฝันเพราะทันคน
หากยามหม่นใจร้าวก็หนาวเป็น
เหมือนเปลือกนอกนั้นแข็งแรงแกร่งขรุขระ
ใครรู้จะซ่อนเนื้อในเกินใครเห็น
อุ่นอ่อนเนื้อใยเยื่อบางร้างลำเค็ญ
ลี้หลบเร้นในเปลือกพรางกลางหาดทราย
ในเรื่องราวที่เศร้าสุขทุกย่างก้าว
พ้นเรื่องราวยืดยาวมากและหลากหลาย
จึงเจ็บจำย้ำใจตนดั่งคนพาย
ผู้คัดท้ายเรือชีวิตลิขิตมา
ความระวังบางครั้งมากเกินหักห้าม
ยังลุกลามเฝ้าก่อตั้งกำแพงหนา
เพื่อป้องกันการรานรุกทุกสายตา
หวังเพียงว่าปกป้องให้ใจอ่อนแอ
กำแพงที่ตนก่อตั้งผุพังยาก
กำแพงหากหวังขังใจมิให้แพ้
กำแพงฝันกั้นหัวใจง่ายดูแล
หรือที่แท้กลับขังใจจนไหม้ตรม
อยากมาบอกคนดีนะที่รัก
ว่าอย่าถักกำแพงใจจนไหม้ขม
เพียงแค่มีรั้วงามงามยามได้ชม
ก็พอข่มคนใจหนามิมากราย
แต่คนดีที่ได้เห็นเป็นไปด้วย
ก็เกือบม้วยกว่าเห็นงามตามที่หมาย
ก่อกำแพงหากแกร่งนักจักทำลาย
สารสื่อสายใยรักวาด พลันขาดกลาง
คนกุลา
รังนกไฟ
กลางวสันต์