28 มิถุนายน 2552 17:42 น.

**ไม่รัก..หาก..**

คนกุลา

_RainbowBuilding87k.jpg
.
เราพบกันวันโน้นกลางโพ้นรุ้ง
ที่ริมทุ่งธารฝันวันฟ้าสวย
เธอมาถามท่ามยิ้มพิมพ์ระรวย
หากบอกด้วยว่าช้ำสุดจำนรรย์

เธอเรียกฉันทุกวลีว่าพี่จ๋า
เธอบอกว่าฉันเหมือนใครที่ในฝัน
เธอบอกฉันเหมือนใครในเพ็ญจันทร์
เธอเคยฝันสานรักร่วมถักทอ

เธอรอเขาทุกคราเมื่อฟ้าค่ำ
เขาจะร่ำข้ามฟ้ามาไหมหนอ
เพียงบางคำท่ามสายที่หมายรอ
ทุกอย่างก็เหมือนสลายในสายไฟ

เขาไม่มาเหมือนเคยเธอเอ่ยบอก
หรือเขาหลอกลวงเย้าเศร้าไฉน
เคยสานรักถักคำหวามดวงใจ
มิทันไรเขามากลายคล้ายลืมคำ

ฉันบอกว่าอย่าถามหาคำรัก
มิอาจจักกล่าวบอกดอกงามขำ
หากดูแลแต่นี้พี่จะทำ
ฉันยังย้ำคำนี้ทุกทีไป

เราจะไม่รอกันนะขวัญจ๋า
จะไม่รอเวลาฟ้าฟากไหน
หากพบกันก็คุยกันทุกวันไป
สานสายใยแสนดีมีให้กัน

ทุกน้ำคำย้ำวจีที่พร่ำบอก
ยิ่งจะตอกเติมย้ำนะคำขวัญ
ท่ามวารีรี่ไหลทุกวัยวัน
เราพบกันเพื่อดูแลอย่างแท้จริง

เธอเข้มแข็งขึ้นมากจากวันพบ
ใจสงบสดใสได้เร็วยิ่ง
เราเป็นหลักพักให้ได้เพียงพิง
ทุกอย่างยิ่งช่วยก่อต่อเต็มเติม

เราพบกันวันโน้นกลางโพ้นรุ้ง
ที่ริมทุ่งธารฝันในวันเริ่ม
เพื่อจะจบลบนิยายร่ายบทเดิม
ก่อนจะเสริมสัมพันธ์ใจไร้คำรัก


............... 
 
กลางวสันต์

คนกุลา
รังนกไฟ
ในฟากฟ้า ทะเลขวัญ

...................

%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87.jpg%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87.jpgrainbow.jpg				
27 มิถุนายน 2552 16:48 น.

**จงรัก..อย่างที่ฉันเป็น**

คนกุลา

14885986 
..

ชีวิตใครใดใกล้จนคล้ายฝัน
ในคืนวันเฉียดตายไร้บังเหียน
รวมความรักเรื่องราวเล่าวนเวียน
ดุจจารเจียรดวงใจใส่นิยาย

จากเรื่องราวร้าวรักตักสาวหนุ่ม
จนตกพุ่มหม้ายรักหักสลาย
ปาดน้ำตาคราช้ำจำเจียนตาย
จึงต้องบ่ายหลีกหน้ามาแสนไกล

เพราะรักลูกปลูกรักนั้นหนักยิ่ง
ภาระจริงแสนลำบากยากเพียงไหน
มาสู้ทนทำงานบ้านเมืองไกล
หากหัวใจบางคราวก็หนาวเป็น

จะมีใครรู้บ้างเราร้างรัก
พอได้พักใจว่างอย่างที่เห็น
มาช่วยซับน้ำตาไหลกระเซ็น
จะยอมเป็นคู่ใจให้เธอครอง

มีบ้างไหมบางใครให้ได้ฝัน
พอมีวันหวังที่มีเราสอง
หัวใจร้าวคราวที่เริ่มสีทอง
ขอรับรองมอบใจให้นิรันดร์

ด้วยได้พบประสบการณ์ผ่านชีวิต
ที่เรียนรู้ถูกผิดจิตใจฝัน
คนดีเอ๋ยเคยไหมในคืนวัน
จะกล้าฝันสานรักภักดิ์แสนงาม

เส้นทางรักถักได้ไม่รู้จบ
จนจะพบคนใช่ในใจหวาม
คนที่ใช่หมายมอบที่ตอบความ
ร่ายนิยามรักวันนี้ที่ฉันเป็น
 


.........................

ในกลางวสันต์

คนกุลา
รังนกไฟ
ในฟากฟ้า ทะเลขวัญ

.................

023-1.jpg000_0042.JPGflower018.gif				
26 มิถุนายน 2552 17:25 น.

**เผย..บางนัย..ใจ**

คนกุลา

0470-20.jpg  .
phill3.jpg  
.
มีบางใครเคยเลี่ยงเลียบเคียงถาม
ว่านิยามกุลาด้นในหนหลัง
ผ่านร้อนหนาวร้าวรักชักชิงชัง
สร้างพลังสร้างจังหวะและจะโคน

กี่ขอบเขาที่เคยข้ามในความคิด
ความถูกผิดในคราวหลังแต่ครั้งโน้น
ภาคภูมิคราวหรือหนาวบ้างหวังปลอบโยน
ชีพที่โผนผ่านล่วงต่างห้วงกาล

แค่ไม่ชอบระบอบแยกแตกต่างหวัง
เพราะเคยพลั้งจนถูกผลักเข้าหักหาญ
นับหลายปีที่เคยจรรบรอนราญ
คิดก่อการล้มระบอบไม่ชอบธรรม

หลายทิวทุ่งมุ่งหน้าก่อนฝ่าข้าม
เพื่อทวงถามและบ่งบอกผู้ชอกช้ำ
ว่าทุกอย่างหาใช่สายธารกรรม
หากคนทำก่อระบอบลอบเชิดชู

กี่หนังสือเล่มหนาเอามาเผา
เพื่อบอกเราไม่ยอมรับและนับถือ
ศิลปะใดใจหวังทุกครั้งคือ
กล่าวระบือลือขานทุกกาลไป

ศิลปะเพื่อชีวิตเพียงคิดฝัน
ดวงตะวันคือที่หวังคราวครั้งไหน
ดาวเหนือพราวคือดาวในห้วงไกล
และหัวใจดวงสีแดงแต่งย้อมจำ

มาวันนี้คาดสีเหลืองเสียเรืองเรื่อ
สีแดงเจือยังแต่งรักแดงล้ำ
มนุษย์หนามาแปลงแรงน้ำคำ
วาทกรรมบนกระดาษยึดขาดใจ

เพื่อนเคยรักทักทายกลับไม่พูด
อารมย์บูดเมื่อเอ่ยอ้างอยู่ข้างไหน
ไม่เคยเป็นครั้งคราก่อนร่อนชะไร
จึงเก็บใจหอบมานี่หนีการเมือง

เขียนกลอนรักถักฟ้าว่าแสนเข้ม
ลานพุดเต็มเติมดาหลามาวางเรื่อง
ทั้งฟากฟ้าดาราฝันอาบจันทร์เรือง
เพียงปลดเปลื้องความแปลกแยกเพื่อนแตกกัน

หวังอยู่นะว่าวันไหนได้คืนกลับ
ฟ้าพยับกลับสู่อู่เคยฝัน
กลับไปหวังพบหน้าทุกฝ่าฟัน
มิตรร่วมฝันวันร่วมรบมาพบเจอ

.........


คนกุลา
รังนกไฟ
ในฟากฟ้า ทะเลขวัญ
กลางวสันต์
............

MountApo1.jpgsunset.JPGr1_2.jpg				
25 มิถุนายน 2552 22:02 น.

**คือ..มุกงาม**

คนกุลา

01465_2.jpg18022009012823.jpg 

..........

ด้วยกำแพงที่แต่งเติมจนเสริมแกร่ง
สุดที่แรงใดใดในเวหน
จักกระแทกให้แตกร้าวทุกคราวทน
แต่วันหม่นน้ำตาใจก็ไหลริน

รินลงรดจรดซุกทุกเม็ดร้าว
น้ำตาพราวไหลหล่อห่อหุ้มสิ้น
ใครรู้ว่าน้ำตาที่บ่าริน
เพื่อเปลี่ยนหินเป็นมุกทุกคราวครา

คือน้ำตาหอยมุกในทุกครั้ง
แม้ว่ายังดูเข้มแข็งแกร่งหนักหนา
แต่บางเจ็บเหน็บร้าวหนาวอุรา
เกินวาจาบอกใครให้ได้ยิน

มีเพียงแต่บางคนบนทางผ่าน
ที่เห็นด้านภายในไม่ใช่หิน
คือเลือดเนื้อเถือมาน้ำตาริน
เพื่อหุ้มสิ้นกรวดทรายให้มุกงาม

เมื่อบางใครไหนได้ประดับมุก
ในทุกทุกเรียงเม็ดเกร็ดวาบหวาม
ประดับกับศอสรงของนงราม
ก่อนจะงามโปรดรู้ไว้ใต้ความจริง

แฝงนั้นเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่
แต่สำหรับบางใครหาใหญ่ยิ่ง
หากในท่ามใจงามรักความจริง
ทุกทุกสิ่งที่มุกกลั่นนั้นแสนงาม

.

คนกุลา
รังนกไฟ
ในกลางวสันต์

.................

pearl.JPG?et=FjiEVntw6rC5kBWQ84jQfg&nmidKoh%20Kood%20132.jpg 


..............................				
24 มิถุนายน 2552 16:48 น.

**นิราศ....เชียงราย(ภาคหนึ่ง)**

คนกุลา

ตั้ง นโม สามจบ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

คำบูชาครู

บรรจงกราบลงตรงแทบเท้า
หวังโน้มน้าวให้ผ่องแผ้วดั่งแก้วใส
เปิดกมลดลสรรพเสียงเพราะเพียงใด
เบิกหัวใจเบิกฟ้าเบิกบาดาล

ทุกถ้อยคำย้ำเสียงสำเนียงเสนาะ
คำไพเราะมาร้อยเรียงเสียงประสาน
ให้สุนทรเบิกกะพริบทิพย์วิมาน
ช่วยขับขานร้อยคำขลังได้ดังใจ

ร่ายนิราศมาบูชามหากวี
สุนทรศรีกวีแก้วแววไสว
กราบลงกลางที่ว่างหว่างดวงใจ
แด่ครูใหญ่ของชาวกลอนแต่ก่อนกาล

ถือเป็นพลีด้วยนิราศมิอาจเอื้อม
ที่ล้ำเหลื่อมงามดังท่านตั้งฐาน
คนกุลากล้าเขียนเพียรเป็นทาน
หวังสร้างงานพลีถวายใต้เท้าครู


...........  

sunset.JPG 


ออกจากนครสวรรค์ตะวันสาย
ข้างเบื้องซ้ายยังรายรอบเห็นขอบเขา
สีฟ้าครามงามแสงดุจแรงเงา
ทาบฟ้าเทาเหงาหม่นดั่งคนคอย

บ้านทัพกมลวันนี้ไม่มีทัพ
เคยรบทัพจับศึกจนนึกหงอย
เคยจืดจางห่างใครจนใจลอย
ลาน้องน้อยจากนางจนห่างใจ

บ้านไม้แก้ววันนี้มีไม้หนา
จนเข้ามาหนองกรดบทหนองไหน
คิดถึงกรดจรดมาระยะไกล
จะกรดใครหรือกรดพี่ที่กางพลัน

ผ่านหนองปรือเห็นราวเหลืองเรืองหน้าหลัง
ว่าปรือยังตั้งกอหน่อหนองนั่น
หากพื้นต่ำในหนองถูกต้องกัน
เพราะปรือนั้นในหนองน้ำงามมากมาย

มาหนองเบนปลากะเบนเห็นหรือนี่
มาวันนี้กระเบนเผ่นหนีหาย
เหมือนน้องนางจากพี่ที่ห่างกาย
กลับทิ้งอ้ายให้ชายอื่นมาชื่นเชย

สองข้างทางมีแม่ค้าขายมาลัย
เห็นหวานใจหน้าจิ้มลิ้มคอยยิ้มเผย
หรือว่าแค่ยิ้มหวานแล้วผ่านเลย
แล้วก็เอ่ยชวนคนใหม่ดูไม่ดี

มองทางซ้ายคล้ายเขาเราเคยเห็น
ตั้งแต่เป็นคนทำงานอยู่ย่านนี้
วัดอ่างทองชื่อจังหวัดถัดอีกที
หม่นฤดีไหวว่างผ่านอ่างทอง

บ้านหนองสังข์คิดถึงสังข์ครั้งกระโน้น
คงจะโดนใจพระสังข์ตั้งชื่อหนอง
แต่วันนี้ที่เห็นเป็นครรลอง
มีแต่นองน้ำเติมนาบ่าท่วมเต็ม

ผ่านย่านวัดผาสวรรค์ชื่อชั้นฟ้า
มีขอบผาเขานั้นชูชันเข้ม
แต่หลังผาท่าจะหม่นคนใจเค็ม
ระเบิดเล็มผางามล้ำเพื่อทำทาง

ผ่านเขาหน่อก็เห็นเป็นลูกเขา
ไม้เป็นเงาเหงาคู่อยู่ข้างข้าง
ดังเขาหน่อรอใครไยอำพราง
หรือแกล้งขวางสร้างนรกในอกเรา

พอเลยล่วงเข้าป่ารกสลกบาตร
หรือว่าอาจเขียนเพี้ยนจนเจียนเหงา
เคยอยากถามตามสงสัยในนานเนา
เพื่อจะเอาเป็นความหมายไว้ติดตัว

มองถนนช่วงนี้ไม่มีรถ
จนไปจรดสายตาสุดฟ้าหลัว
พลันม่านฟ้าหน้าฝนก็หม่นมัว
ใจระรัวกลัวนางไม่หวังรอ

พรหมนิมิตหลงจิตจึงคิดข่ม
หวังพรพรหมทั่วเขตุคามถามใครหนอ
พรหมนิมิตขีดเส้นเลี่ยงคงเพียงพอ
งามลออเหลียวหาใครที่ไหนกัน

ถึงย่านนี้เขามีไก่ย่างขาย
เห็นร้านรายวางเคียงเรียงกันนั่น
มาวันนี้ไม่มีไก่ให้เห็นกัน
แม่ค้านั้นยิ่งไม่เห็นหน้าเย็นนวล

ผ่านวัดวาอารามงามสะพรั่ง
เหมือนเยือนวังเวียงใดให้ใจหวน
ได้มาหาคราเจ้าเฝ้าเชิญชวน
ในใจป่วนไหวหวามยามผ่านมา

มองทางขวาเห็นตาลฝืนยืนต้นตั้ง
เยื้องนั้นยังมีกอไผ่บ้านไหนหนา
เห็นตาลยืนโดดเดี่ยวใจในกลางนา
เหมือนปานว่าใจเรายังเหงาจริง

หางนกยูงดอกสีส้มพอชมขวัญ
ล้อตะวันบานให้ใจสดใสยิ่ง
ปางศิลาว่าพอใจให้พักพิง
หลังเราวิ่งเวียนวกจนอกตรม

คลองหอยขมคงอยู่ไกลไปจากนี่
หวังคนดีคงอกใจไม่ไหม้ขม
มองม่านเมฆดั่งเสกข้ามกำแพงลม
ยามพี่ชมเมื่อจากไกลคงไม่เคือง

วัดดอนงามคงงามตามนามตั้ง
เหมือนว่าหลังคาใครสีใสเหลือง
งามทั่วไทยใส่สีขลังมลังเมลือง
เพราะสีเหลืองคือสีแสงแห่งจอมไทย

ชื่อคลองขลุงกลางสายฝนหม่นไปทั่ว
ข้างทางบัวบึงบานก้านไสว
ผ่านทุ่งนาเนินลำธารผ่านเลยไป
เห็นป้ายใหญ่อนุรักษ์แย้แน่พอดู

คลองวังหินคลองนี้คงมีหวัง
เหมือนดั่งดินแดนฝันนั้นคงหรู
ที่ขายของวางรียงรายให้ชมดู
แม่ค้าผู้นั่งขายของมองแสนเพลิน

คลองเจริญเจริญใจใครกันหนอ
คงไม่รอเจริญใดจากใจเขิน
นั่งดูดูไปใจเพลินเพลิน
ทุ่งนาเนินลาดกว้างขวางฟ้าไกล

กลางแขยงคงเป็นที่ปลาแขยงเยอะ
เพราะกินเปรอะคนไม่คิดพิสมัย
มาบัดนี้ปลาแขยงที่แห่งใด
ไม่เหลือให้พอได้เห็นเป็นขวัญตา

คลองสีนวลใครนำมาเป็นชื่อคลอง
เป็นชื่อน้องหรือนวลใจของใครหนา
มากำแพงแหล่งกล้วยไข่แต่ใดมา
วันนี้มาไม่เห็นกล้วยจนขวยใจ

บ้านปากดงคงเป็นชื่อในสมัยก่อน
ที่มาตอนเต็มท่าทุกป่าไหน
พักปากดงก่อนตรงเข้าพงไพร
เพื่อหลับใหลพักผ่อนก่อนเข้าดง

วัดตะเคียนทองต้องชื่อวัด
เคยรู้ชัดมีเรือแข่งแต่งดังหงส์
แข่งขันจ้วงระวางนั่งทุกกง
ใจพะวงหาเจ้าทุกคราวพาย

บ้านปากอ่างแถวทางนี้มีไม้กวาด
ที่มุ่งมาดมัดดอกหญ้าเอามาขาย
หวังไม้กวาดช่วยกวาดปัดขัดใจกาย
ขออย่าได้กวาดพรากจนจากนาง

คลองแม่ลายคล้ายหัวใจละลายแล้ว
ดั่งดวงแก้วละลายฟ้าไม่พร่าง
กลัวหัวใจละลายหลงตรงสายทาง
เห็นคล้ายบ้างแต่หาใครได้ผูกพัน

ผ่านคลองลานละลานตาวันฟ้าหม่น
ท่ามลมฝนทาบเขาครามคล้ายความฝัน
หวังคลองลานช่วยสานใจให้หากัน
เยี่ยมยามจันทร์พราวตาคนมาไกล

วัดปราสาทคล้ายราชวังแต่ครั้งเก่า
คนใจเหงายังใจมั่นแม้วันไหน
ผ่านปราสาทวัดเก่ายิ่งเหงาใจ
สัญญาใครเคยหวังวาดไม่อาจคอย

นครชุมคงไม่มีชุมพี่ดอก
ไม่ต้องบอกคงรู้ดีไม่มีถอย
มานครชุมครั้งนี้มีใครคอย
ขวัญไยหงอยคอยย้อนนครชุม

แวะพักทานอาหารร้านข้างข้าง
มีหมูย่างแกงกับข้าวใจร้าวรุ่ม
ทั้งผัดเผ็ดพะแนงแกงมะรุม
ใจที่กลุ้มค่อยผ่อนคลายได้กลืนคำ

โรงสีข้าวข้าวเปลือกเต็มลานตาก
ข้าวคงมากตากลานเหลืองสีเรืองล้ำ
ดังอาบทองงามงดให้จดจำ
ทองยิ่งย้ำสายตาผู้มาเยือน

มองขอบเขาเงาฝันสูงดั้นเมฆ
ดุจสร้างเสกชั้นฟ้าหาไหนเหมือน
ดังเมฆหลงคงฟ้ายามมาเยือน
เมฆลอยเคลื่อนก่อนฝนจะหล่นพราว

สายฝนหลั่งสั่งฟ้ามาเงียบเงียบ
ใจเย็นเฉียบราวมาจากฟ้าหนาว
ก่อนค่อยพร่างอย่างหนาจากฟ้ายาว
ล้างใจร้าวคราวท้อพอหนาวเลือน

ผ่านมานี้มีบ้านช่องคลองวังเจ้า
ไร้ฝนพราวฟ้าหากใสหาไหนเหมือน
งานก่อสร้างกลางถนนคนคอยเตือน
หากแชเชือนอาจเกิดเหตุก่อเภทภัย

คลองวังเจ้าวันนี้ไม่มีเจ้า
มาคลอเคล้าเจ้านี้มีที่ไหน
ยามผ่านคลองถามหาแม่ยาใจ
ไม่มีใครตอบได้ให้เศร้าจาง

บ้านทุ่งกงแถวนี้คงมีทุ่ง
เห็นมีบุ่งบางไหนในระหว่าง
มุ่งมาตากจากมาระหว่างทาง
บ้านประคางทางนี้มีใครคอย

ผ่านย่านนี้มีภูเขาดุจเงาฝัน
เพิงผาชันสูงใหญ่อยู่ไม่น้อย
ม่านฟ้าฝันชั้นภูเขาเหงาใจลอย
คะนึงกลอยใจมากที่จากมา

ในย่านนี้มีเหมืองที่เลื่องชื่อ
ผาแดงคือชื่อป้ายขวางอยู่ข้างหน้า
ฟ้าคุลุ้มคลั่งหลั่งลมฝนหล่นลงมา
จนบังตามัวหม่นม่านฝนพรำ

ค่อยค่อยไปอย่าใจร้อนนะตอนนี้
ในฤดีแม้นหนาวมากเกินจักย้ำ
อยากจะเอ่ยเผยเอื้อนมาเตือนคำ
อย่าให้น้ำฝนล้างจนหมางเมิน

ฝนตกรั่วไม่ทั่วฟ้าที่มาเห็น
แม้ชุ่มเย็นจนใครใคร่สรรเสริญ
ได้ปักดำทำนาถอนกล้าเพลิน
เฝ้าอัญเชิญหากฝนแล้งทุกแห่งไป

สะพานปิงข้ามฝั่งยังไหลเชี่ยว
กลางกลืนเกลียวขุ่นคล้ำสายน้ำไหล
ในยามใจไหวว่างหว่างฤทัย
ห่างดวงใจเจ้านั้นพี่หวั่นจัง

ทางแยกใหญ่ไปเมืองตากจากที่นี่
คงไม่มีเจ้าตากจากใจหวัง
จากเมืองตากริมฟากปิงดูชิงชัง
นกไร้รังเหงาปานใดใจรู้ดี

ออกจากตากจากนี้ไปลี้เถิน
ยังไม่เพลินเกินจะยั้งพรั่งฟ้านี้
ไม่ได้มองสองฟากทางอย่างเคยมี
ไม่รู้ที่หมายใดในสายตา

สถานีวิจัยในพันธ์สัตว์
อัตคัตพันธ์ใดเพียงไหนหนา
พันธุ์พื้นเมืองเลื่องชื่อระบือมา
พันธุ์นอกมาทับแม่พันธุ์จนหวั่นใจ

เหมือนบ้านเราเขาบอกของนอกสวย
คนร่ำรวยใช้ได้ดีมีมากไหม
ของไทยทำไทยใช้จะขายใคร
แสนจนใจใครจะใช้ของไทยทำ

บ้านน้ำดิบในลิบโลกดุจโตรกทิพย์
ชื่อน้ำดิบกลางไพรสดใสล้ำ
น้ำดิบไหลในระหว่างกลางน้ำคำ
ชื่อดิบด่ำน้ำใสไม่เคยลืม

มาถึงนี้ฝนก็ยังถะถั่งฟ้า
ยังมัวตาหม่นใดใจไม่ปลื้ม
ก็ทุกคราวร้าวใจไม่เคยลืม
วันที่ดื่มด่ำพร่างกลางฝนปรอย

เขาอะไรใหญ่ยิ่งนิ่งตรงหน้า
ในบางตาเมฆคว้างอย่างเหงาหงอย
ฝนเริ่มจางบางตาฟ้าบางปอย
ที่ล่องลอยพร่างเขาเงาตะวัน

สันป่าลานบ้านใครในม่านฟ้า
พอเลยมาถึงบ้านตากในฟากฝัน
คงอีกนานกว่าฟ้าจะพร่างจันทร์
ไม่รู้วันกี่ค่ำยามขึ้นแรม

ยังคงมีทุ่งนาข้าวกล้าเขียว
ข้าวรวงเรียวแซมหน่อพงอ้อแขม
หากบ่ายค่ำย่ำฝันให้จันทร์แจม
ในคุ้งแคมขอบฝันพรรณราย

ห้วยแม่มอญหรือมีมอญย้อนไปหลัง
ผ่านปากจังครั้งไหนยังใจหาย
หรือเหงาปากยากจังนั่งเรียงราย
คงมุ่งหมายนั่งนินทาหาว่าคน

บ้านแม่สลิดหรือว่าปลาสลิดมาก
ไม่เห็นตากปลาที่ใดให้ฉงน
เห็นแต่ขายเครื่องปั้นนั้นมากจน
หากพอค้นพอรู้เค้าเข้าลำปาง

บ้านยางโอ่งน้ำตามดูเขาสลักหิน
คงเคยชินสลักได้กันหลายอย่าง
สลักหินสลักใจในหนทาง
สลักกลางใจหวังยังวุ่นใจ

มองไปรอบขอบฟ้าเวหาหาว
ผ่านย่านราวสามเงาเนาฟ้าไหน
ม่านภูเขาเทาทาขอบฟ้าใด
ม่านเมฆในฟ้ากว้างคว้างกระจาย

เหมือนจิตกรฟ้อนฟ้าดังกระดาษ
หวังใจวาดภาพสีน้ำแห่งความหมาย
ใส่สีแปรงแต่งวาดพอหมาดคลาย
ด้วยมุ่งหมายให้สีกลืนเป็นผืนเดียว

เห็นร้านขายเกวียนโบราณในย่านนี้
คงจะมีคนซื้อหายามมาเที่ยว
คลองไม้แดงอยากให้แกร่งเพียงแรงเดียว
รอจันทร์เกี่ยวกิ่งฟ้ามาหากัน

เข้าเขตุเขาเงาฟ้าดงป่าสวย
และงงงวยดังล่องท่องแดนฝัน
ห้วยแม่วะจะบอกใครให้รู้พลัน
ไม่รู้กันบอกใครเขาไม่ฟัง

ห้วยปู่เจ้าปู่เจ้านี้มีเจ้าไหม
ในหว่างไพรฤๅใจเจ้าอยู่เฝ้าหวัง
ปู่เจ้านี้คงร้างไร้ในเวียงวัง
คงอยู่ยั้งยังเฝ้าเป็นเจ้าดง

ผ่านเลยข้ามท่ามเขาเงาไศล
ทะเลใจทะเลฟ้าน่าไหลหลง
หลงภูเขาหากใจไม่มั่นคง
ใจว่างวงงงงวยด้วยป่างาม

บ้านแม่เตี๊ยะเพลียใจในม่านเขา
หม่นใจเราเหงาใจจนไหวหวาม
ช่างกระไรใจหวงห่วงทุกยาม
อยากเอ่ยความถามว่าหาอนงค์

ท่องมาตามนิยามเขาในเงาฝัน
ฟากตะวันฟากใดให้ไหลหลง
กลางแดดเทาเฉาบางตกทางตรง
หวังว่าคงจากไกลในบางคราว

พอเข้าข้ามตามทุ่งนาบ่านองน้ำ
ดุจจะย้ำว่าคนไทยใยมีข้าว
ในหนองน้ำมีปลาพาเรื่องราว
ไทยคือชาวนาพื้นฐานสร้างบ้านเมือง

ผ่านสบปราบปราบใครก็ไม่รู้
เพียงพิศดูเพียงไหนไม่รู้เรื่อง
บ้านวังยาวคราวใดใจเปล่าเปลือง
อย่าได้เคืองหากพี่กล่าวเจ้าผิดใจ

บ้านแม่กั๊วฟังไม่เคยยามเอ่ยปาก
แม่กั๊วอยากจะคุ้นที่มีที่ไหน
ก็คำไทยแตกต่างกันอย่างไร
เรียกกันไปคนละอย่างแตกต่างกัน

ภาษาไทยในท้องถิ่นเพราะลิ้นแปลก
แต่หากแยกกันห่างจนต่างฝัน
ถึงแตกต่างอย่าแตกแยกเพราะแดกดัน
จนหาวันสามัคคีไม่มีเลย

เข้าเกาะคาเกาะมีอยู่ที่ไหน
หรือเกาะใจเฝ้าพิโรธโปรดเฉลย
เข้าเกาะคามาคล้ายฝันวันล่วงเลย
จนบ่ายเอยเลยคล้อยค่อยจะมา

บ้านนาแก้วเห็นแล้วอยู่แถวนี้
แล้วขวัญพี่อยู่ไหนไม่มาหา
พบขวัญพี่อยู่นี้แล้วแก้วกานดา
ไม่เยือนมาให้พี่ชายได้หมายชม

ขาดเม็ดฝนแดดบนฟ้าก็พร่าแสง
เมื่อแดดแดงจับเมฆาสาดฟ้าห่ม
สลับสีที่พร่างพรายในสายลม
รุ้งสวยสมพาดฟ้ามาเสริมงาม

บ้านสบจางแม่น้ำจางในพร่างฝัน
อย่างจางจันทร์จนใจหวั่นไหวหวาม
แม่น้ำจางพร่างใจในจันทร์งาม
ไม่อยากถามคนงามหนาอย่าจางใจ

ผ่านพระธาตุจอมปิงดุจมิ่งมิตร
ในงามจิตนิมิตหวังกว่าครั้งไหน
ให้พระธาตจอมปิงมุ่นมิ่งใจ
อย่าให้ใครมามุ่งหอมเจ้าจอมจันทร์

ร้านชายสี่ฯที่นี่ก็มีด้วย
แสนงงวยในด้านการจัดการนั่น
ศาลาลอยคอยหาศาลาพลัน
ศาลาฝันคอยใครในเส้นทาง

บ้านฟ่อนยามเจ้าฟ้อนดั่งซ่อนเล็บ
อย่าหยิกเจ็บเล็บใครในระหว่าง
มารอพบสบใจในลำปาง
มารอทางหรือหนีหน้าคนมาเยือน

ห้วยแม่มูนน้ำขุ่นเหมือนปูนไหม้
ห่างออกไปทุ่งพงจรดดงเถื่อน
เป็นทุ่งท่านาน้ำงามพร่าเลือน
ยังคอยเพื่อนคนไหนไม่เห็นมา

ที่กล้วยม่วงห่วงใครบ้างไหมขวัญ
ยามกล้วยมันห่างห่วงดวงใจจ๋า
ห้วยน้ำโจ้โล้น้ำใจไม่เห็นมา
หรือเพียงว่าหรอกให้ฝันแล้วปันใจ

ถ้ำพระสบายไปอีกไกลหรือไม่หนอ
ผ่านบ้านกอกล้วยคู่สวยอยู่ไหม
ก็ทุกทีที่มีกล้วยแสนขวยใจ
คนมาไกลฤๅจะกล้ามาขอกิน

บ้านฮ่องห้าคือห้าร่องของคลองน้ำ
ดูชื่นฉ่ำใจชื้นชื่นถวิล
มองทางไหนในท้องนาน้ำบ่าริน
ไม้ดูดกินน้ำอาหารผ่านกิ่งใบ

เห็นต้นสักปลูกไว้ก็หลายหลาก
บ้านจว้ากชื่อนี้มีที่ไหน
ก็เพียงมีที่เขลางค์ลำปางใน
จึงจำใจจากจว้ากจากคนดี

ถึงป่าตันนาครัวกลัวใจสาว
ไม่อยู่เหย้าเฝ้าเรือนมาเยือนพี่
ไม่รู้ยามตามหาเนตรนารี
พบขวัญพี่ที่แม่ทะคงจะคอย

รอโตโยต้าสีเขียวเลี้ยวมารับ
เกือบเลี้ยวกลับกว่าจะเห็นเย็นไม่น้อย
ดีที่ได้โทรฯถามยามรอคอย
ใจเลื่อนลอยยังเหงาคว้างอยู่ลางเลือน

ที่บ้านหลุกเขามีแกะสลัก
เป็นช้างชักลากซุงแซะแกะจนเหมือน
แกะเป็นจีบกลีบบัวบานคอยเตือน
ให้ผองเพื่อนน้อมถวายได้บุญใจ

ถึงที่พักเรือนแพแม้เคยหวัง
แพค้างหลังคาจากฟากไม้ไผ่
เป็นแพลอยในน้ำจางกลางสวนใคร
ริมร่มไม้ขอบพื้นดุจยืนบัง

มีดาหลาแดงสวยช่วยชวนคิด
ปลูกอยู่ติดกอดอกแก้วเป็นแนวหลัง
ที่ชายน้ำปลูกสัมทับพลับพลึงบัง
แถวพนังดอกพุดลาขาวลาวัลย์

ดอกประยงค์ช่อเหลืองออกเรืองเรื่อ
มาแจมเจือแดงดาหลาสุดฟ้าฝัน
สายลมรินระรวยจูบมวยจันทร์
ท่ามน้ำอันกว้างไม่น้อยแพลอยริม

ดงบัวหลวงม่วงดอกออกชูช่อ
ชมพูพอเพียงบางดอกออกงามพริ้ม
ดั่งบัวผันบัวเผือนลอยสร้อยทับทิม
ดุจดังพิมพ์ใจจันทร์วันมาเยือน

ฟ้าสลัวรัวรางค่อนข้างมืด
ขึงเป็นพืดฟ้าคล้ำคล้ายดำเปื้อน
ยามใจหมองนองน้ำตาพร่าแสงเดือน
แม้นมีเพื่อนร่วมทางพอสร่างคลาย

ในคืนค่ำต้องพักก่อนสักครั้ง
แม้ใจตั้งยังไม่ถึงซึ่งที่หมาย
พักแม่ทะคงจะพักสักเพียงกาย
แต่พักสายใยใจยังไม่มี

ด้วยหัวใจครานี้ไร้ที่พัก
ห่วงแต่รักบังอรสมรศรี
ได้พักกายหากแต่ไร้พักฤดี
ยิ่งมากมีรักแต่เจ้าเต็มเหย้าใจ

...............................

จบภาคหนึ่ง  นครสวรรค์ สู่ ลำปาง


คนกุลา
รังนกไฟ
ในกลางวสันต์

.................

birdbor088.jpgR443-9.jpg				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกุลา