12 สิงหาคม 2552 18:30 น.
คนกุลา
.
เสียงโหวดหวิวปลิวมาข้ามฟ้าฟาก
ไพเราะฝากนิยามตามฟ้าไหน
หวีดผ่านสายว่ายฟ้าว่าส่งไกล
สื่อหัวใจจองแทนแสนคำนึง
เสียงสะล้อซอซึงคนึงหวล
โอยโอยครวญป่วนปร่าคราคิดถึง
ดั่งเมฆฟ่อนอ้อนร่ำราวรำพึง
ร้อยคำซึ้งถึงใครที่ไกลกัน
นั่งอยู่บนแผ่นหินดุจถิ่นแถน
สดับแคนสุนทรีย์คลี่แดนฝัน
เหล่านางรำเริงร่าวิลาวัลย์
ฟ้อนเฉิดฉันพลันเบิกฤกษ์ห้วงกาล
ดนตรีย้ำซ้ำอดีตนิมิตรวาด
สะล้อบาดเบื้องใจหากใสหวาน
ดิ่งดวงจิตคิดไปในตำนาน
เนื้อนิทานปรัมปราแห่งนาคินทร์
ม่อนม่านเมฆเสกนาคในฟากสรวง
ดุจภาพปวงนาคาราชาสินธุ์
ชุมนุมเทพยดาทั่วฟ้าดิน
มายลยินยอขวัญวันแสนงาม
อธิษฐานวานตั้งให้ดังคิด
ส่งดวงจิตเจิดล่องท่องโลกสาม
ทุกภพอาจวาดไหวไกลเขตุคาม
ตรึกห้วงยามข้ามชาติหมายมาดเจอ
เสียงดนตรีรี่เหิรข้ามเขินเขา
เมื่อใจเราเชื่อมสายได้เสนอ
หอบใจซ่านหวานล้ำมาบำเรอ
มอบแด่เธอผ่านคำย้ำหวังปอง
..............
คนกุลา
ในวสันต์
11 สิงหาคม 2552 16:51 น.
คนกุลา
.
เพียงห่างหายคล้ายจิตคิดตระหนก
ในหัวอกเอ๋ยระรัวกลัวว่าขวัญ
จะโศกเศร้าสุดหนาแสนจาบัลย์
หรือเกิดอันตรายใดได้กล้ำกราย
แสนคำนึงคนึงนิจในจิตพี่
ถึงคนดีน้องนางเจ้าห่างหาย
จึงรีบร่ำคำมาข้ามฟ้าพราย
หวังคงได้รับคำพี่พร่ำมา
เพิ่งสานทอ-กอรักถักดอกสร้อย
ยังรอคอยนวลไพรอยู่ไหนหนา
เมื่อนวลสาวเจ้านางอยู่ห่างตา
หากหวังว่านะนางมิห่างใจ
ปล่อยพี่ถักรักร้อยรอคอยขวัญ
จนข้ามวันเวลาสุดฟ้าใส
โปรดเถิดหนาหน้ามลอยู่หนใด
จงรู้ไว้ใจพี่มีแต่นวล
ยังรอรับขวัญเจ้าทุกเช้าค่ำ
ใจเรียกย้ำคำใดก็ไห้หวล
หรืองามพรั่งชังพี่ที่รบกวน
จึงได้ด่วนห่างหายให้ชายรอ
.
คนกุลา
ในวสันต์
.........
8 สิงหาคม 2552 17:54 น.
คนกุลา
.
ความคิดถึงซึ้งใจใครคนหนึ่ง
คนที่ซึ่งคนึงหาว่าสุดหวง
ยามเธอห่างร้างแสนแดนโลกลวง
ระวังบ่วงห่วงว่าคอยท่าเตือน
เคยหนุนตักพักว่างต่างเขนย
ลมรำเพยพัดพาคราไร้เพื่อน
หลบมาเถิดทุกข์ปร่าอย่าแชเชือน
คืนยังเรือนรักฝันตักนั้นคอย
เสลูบผมพรมคำที่พร่ำบอก
อย่าหลงออกนอกทางทุกสั่งถ้อย
หลับตาพริ้มยิ้มย้ำซุกสำออย
ฝันคิดลอยเลยนานเคยผ่านตา
บ้านเรือนริมหลังโล่งใกล้โค้งน้ำ
เสียงงามขำพร่ำวอนสอนภาษา
เพียรย้ำสั่งหวังลูกปลูกฝังมา
ทุกวาจาจดจำยังย้ำจินต์
หลายเพลาคราจากไกลฟากอก
เหมือนดาวตกยามสางก็ร้างสิ้น
ตั้งแต่นี้ต่อไปฤๅได้ยิน
ใครคอยรินหัวใจให้เมตตา
จากวันนั้นถึงวันนี้กี่ปีแล้ว
เพียงน้ำแก้วข้าววางหว่างกลางผ้า
หน้าโฏฐิเก่าเก็บงำก่อนนำมา
หวังกานดาท่ารับกับอวยทาน
คิดถึงเอยเคยคิดสักนิดไหม
คิดถึงใครทุกเวลาคราแสนหวาน
คนที่รักหนักหนามานมนาน
คนสร้างฐานชีวินก่อนดิ้นรน
คิดถึงเอยคิดถึงมากสู่ฟากฟ้า
กลางดาราทะเลแห่งเวหน
ส่งคิดถึงตรึงใจใครบางคน
ยังเวียนวนว่ายฟ้ามาปลอบใจ
.........
ในวสันต์
คนกุลา
5 สิงหาคม 2552 21:49 น.
คนกุลา
..............
พระอาทิตย์ทรงกลดจรดเหลี่ยมเขา
ไม้ทอดเงาเหงาร่างอย่างเงียบเฉย
ทุกทางเท้าราวห่วงก่อนล่วงเลย
สงครามเอยรุกลามจนคล้ามใจ
ตั้งบังเกอร์เสมอหลังบังกระสุน
แค้นคุกรุ่นเคยงามก็หวามไหว
เสียงระเบิดเกิดตามลามทั่วไป
โชติเปลวไฟไหม้ขวัญอันลางเลือน
รั้วกั้นกางทางผ่านทุกย่านถิ่น
น้ำตารินเลือดพร่างทุกทางเถื่อน
การรบราฆ่าฟันผ่านปีเดือน
มาย้ำเตือนความตายได้ทุกคราว
เสียงนกร้องก้องไพรคล้ายมาบอก
ฤๅลวงหลอกหลอนความยามทุกข์ร้าว
กลบนัยตาพร่าแดงสบแสงดาว
ยังหม่นพราวหนาวใจในคืนวัน
ควันไฟลอยอ้อยอิ่งทิ้งทิวไม้
ละอองไออวลเอื้อมิเหลือฝัน
ไหลเบาบางจางเจือเรื่อหมอกควัน
เสียดายครั้นเคยมีที่แสนงาม
ก่อนตะวันทรงกลดจะหมดแสง
สีเลือดแดงแรงทาฟ้าไหวหวาม
ยังเวียนวนจนใจต้องไหวตาม
อยู่ท่ามความโหดร้ายนับรายวัน
.
...........
ในวสันต์
คนกุลา
3 สิงหาคม 2552 15:57 น.
คนกุลา
..............
สบสายตาหน้าต่างว่างและเงียบ
ใจเย็นเฉียบเปรียบได้คล้ายหน่วงร้าว
สาดตะวันผันส่องสอดช่องยาว
เม็ดฝุ่นพราวราวแต่งลำแสงลอย
สาดแดดผ่องส่องคราฟ้าวันใหม่
ทักบางใจจมว่างกลางห้องน้อย
ส่งแสงมาคราใดสบใจคอย
ที่หม่นหงอยเหงาล้ำรุกย้ำเตือน
ท่ามวันคืนยืนยาวนานร้าวลึก
ในดื่นดึกดวงดาวก็ร้าวเหมือน
ปลอบบางใจไหวพรากจากแชเชือน
คิดถึงเรือนคนดีที่ใฝ่ปอง
ไม่อยากก่อรอเกิดจนเพริศแพร้ว
กลัวดวงแก้วแห่งศรัทธาจะพร่าหมอง
หวังคำเตือนติงมาน้ำตานอง
หากรักต้องหมองร้างคราวห่างไกล
ยิ้มแสนเหงาเงาแสงทะแยงลอด
คนเคยพรอดครานี้อยู่ที่ไหน
เก็บเพลาถ้าว่างเพื่อบางใคร
หากดวงใจจากจำแสนช้ำเกิน
เก็บหัวใจให้ใครก็ไม่รู้
เพียงพิศดูฤดีใดไยขัดเขิน
จิตใจช่วยอวยประคองยามมองเพลิน
สาดแสงเดินดุ่มขวางแต่ทางใด
ทบรอยเท้าก้าวย่ำทุกย้ำจิต
ทุกคราวคิดคนึงรักหนักหน่วงไหม
ขอโทษเถิดหากทางที่ย่างไป
มิตั้งใจลวงรักสักนิดเดียว
ยามสาวเท้าก้าวย่างอย่างเงียบเงียบ
พอจะเปรียบเลียบป่าน่าหวาดเสียว
ยามเดินดงหลงไพรในทางเทียว
กลางป่าเปลี่ยวเที่ยวท่องผิดช่องทาง
ยิ้มเหงารับกับแสงทะแยงลอด
ที่ทาบทอดลอดมาฝ่าระหว่าง
ไล่ความมืดชืดหนาวราวอำพราง
ให้ห้องว่างพร่างใสในบัดดล
.
...........
ในวสันต์
คนกุลา