25 สิงหาคม 2552 19:08 น.
คนกุลา
๏ นภามัวหม่นแล้ว ฝนพราย
รินหลั่งเหมือนเป็นสาย ใส่สร้อย
เพียงพรำร่ำระบาย งามกว่า ใดนา
ดังม่านพรมเรียงร้อย ห่มด้วยสังวาลย์ ฯ
๏ สายฝนรินสู่หล้า คราใด น้องเอย
มวลส่ำสัตว์พงไพร ชุ่มชื้น
ไหลโลมท่าทางไกล ธารทุ่ง นองเฮย
หวังสิ่งหลงลืมฟื้น ชื่นน้ำคราวเห็นฯ
๏ เสียงครวญดังยั่วเย้า ติงเตือน
ลมพร่างครางลางเลือน กว่าแสร้ง
คอยโฉมแม่คืนเรือน มาสู่ ใจนา
ฤๅว่าคัคนางค์แกล้ง พี่ให้ยอกหทัย ฯ
๏ หลังสายฝนหลั่งล้น โลมดิน ลงนา
งามผ่องปานยุพิน แน่งน้อง
ยามใครใคร่ยลยิน สวยแม่ นางเอย
วานพี่หวังยังข้อง สู่ฟ้าถามสรวงฯ
๏ ทุกคราวฝนพร่ำฟ้า คราใด นางเอย
วันใหม่งามสดใส ยิ่งแล้ว
คราฝนหล่นในใจ ทรวงพี่ ตรมนา
หวังแต่เพียงนางแก้ว ช่วยให้สุขเกษมฯ
.........
24 สิงหาคม 2552 20:07 น.
คนกุลา
๏ คืนคราฝนร่ำฟ้า ปรอยปรอย
ใจพี่ยังคงคอย นิ่มเจ้า
หวังถวิลปิ่นผมปอย ปักคู่ มวยนา
คำเอ่ยมิเคยเย้า กริ่งน้องนางเคืองฯ
๏ ยามวสันต์รินสู่หล้า โปรยปราย แม่เอย
ปานว่าใจละลาย นั่นแล้ว
ดอกฝนหล่นเป็นสาย สาดใส่ นองนา
หวังแต่เพียงนางแก้ว อย่าร้างกายไกลฯ
๐ ฤๅรักจักห่างเศร้า เนาว์จินต์
ใจพี่ยามฝนริน ห่วงน้อง
ภักดิ์โฉมแม่ยุพิน หวังคู่ นวลนา
เต็มเปี่ยมจิตทุกห้อง มอบให้เธอครองฯ
๏ ฝนเอยเหมือนดั่งคล้าย ครางครวญ
ฤๅส่งเสียงเชิญชวน คู่เคล้า
ฤดีสื่อใจนวล เคียงคู่ กันนา
หวังพี่มีเพียงเจ้า แน่งน้อยหวลถวิล ฯ
.......................
23 สิงหาคม 2552 17:49 น.
คนกุลา
.
ฟาก"แม่ของ"สองฝั่งหลั่งรินไหล
สื่อสายใยไหลเอื่อยเรื่อย"ลำโขง"
ดังเน้นคำย้ำใจให้เชื่อมโยง
รินคดโค้งโล่งมาฝ่าแก่งกราย
ดุจสายเลือดฤๅเหือดแห้งแต่งดินชุ่ม
เขียวชะอุ่มพุ่มพฤกษ์ลึกร่องสาย
ร้างระบมตรมใจไม่แพร่งพราย
ยามทุกข์คล้ายคราโศกวิโยคจินต์
ครั้ง"ริมของ"สองฝั่งยังเป็นญาติ
เชื่อมชนชาติวาดหวังสองฝั่งสินธุ์
เล่าเป็นเรื่องเมืองจำปาแห่งนาคินทร์
และเมืองอินทร์อ้างแปงแต่งตำนาน
นับหลายปีดีดักรักสลาย
เลยมลายคลายลับเหมือนพับฐาน
สองฝั่งโขงขึงปิดสนิทนาน
ลืมนิทานหวานปองสองฝั่งใจ
เมื่อสะพานสานใจพลันได้เปิด
ค่อยก่อเกิดเถิดหวังสักครั้งไหม
ให้สะพานรักสานสะพานใจ
เชื่อมคนไกลสองท่าข้ามหากัน
เปิดตำนานหวานหวังในครั้งใหม่
สะพานใจให้รักถักห้วงฝัน
สะพานรักถักหวามท่ามตาวัน
เหมือนรุ้งพลันพรายเลื่อมเชื่อมสองเรา
..............
คนกุลา
ในวสันต์
.........................
21 สิงหาคม 2552 12:07 น.
คนกุลา
.
๐ คนเดินทางย่างเท้าคราวว้าเหว่
เหมือนพเนจรมาจากฟ้าหนาว
มุ่งถากถางทางชีวิตขีดเรื่องราว
ตามหาดาวในฝันทุกวันมา
๐ ด้วยความเหงาเนาว์ใจในวันเก่า
คำว่าเราฤๅมีที่ห่วงหา
กดความเจ็บเก็บงำมินำพา
เพียรรักษาสิ่งหมายภายในใจ
๐ คุณธรรมย้ำไว้คล้ายบ่งบอก
เพียงเพื่อตอกย้ำเติมเสริมสดใส
มิอับอายใจตัวกลัวทำใม
หากสิ่งใดได้ทำกล้าจำนรรย์
๐ คนเดินทางบางครามิว้าเหว่
เมื่อพเนจรมาพบฟ้าฝัน
ดั่งพบดาวพราวใจให้ผูกพัน
ใจเคยครั่นคร้ามรักหมายพักพิง
๐ เหมือนพบน้ำบ่อน้อยลอยรินหยด
ย้อยราดรดเริงใจไปทุกสิ่ง
ทุกท่วงท่าทำนองปองแท้จริง
หวงรักยิ่งยาใจให้มั่นคง
๐ คงถึงคราวหยุดใจที่ไหวอ่อน
หยุดไฟฟอนรอนใจในสรวงสรง
หยุดตำนานสานสื่อว่าซื่อตรง
หยุดทนงปลงใจไว้เพียงเธอ
.
..........
ในวสันต์
คนกุลา
..............................