19 พฤศจิกายน 2554 11:55 น.
คนกุลา
โคลงสี่สุภาพ
๐ เรียนวิธีก่อสร้าง.................ปราสาท ทรายนอ
จำหลักเขียนภาพวาด...........บ่งไว้
บอกลักษณะธรรมชาติ.........ชนเผ่า
และเรื่องราวเทิดไท้...............เก่งกล้าพระชนก๚ะ๛
......
กาพย์ยานี ๑๑
๐ อยู่เขตุหมู่เมืองต่ำ
มุ่งมั่นทำภูเขาเทียม
ศิลาขนมาเตรียม
สร้างปราสาทราชวัง
๐ อีกทั้งจำหลักหิน
บ่งบอกถิ่นแต่หนหลัง
ทุกที่มีตระพัง
พระองค์สั่งนั่งบัญชา
๐ ส่วนใหญ่ให้สดุดี
จอมธานีผู้ลับลา
บรมเดชเดชา
ทรงทำมาแต่ครองเมือง
๐บรรยายเพื่อประกาศ
ปิตุราชมลังเมลือง
ส่งเสริมให้ลือเลื่อง
เพื่อเทิดทูนคุณบิดร
๐ จารึกกระจายไกล
แห่งหนไหนใฝ่อาทร
เขตุเขาหว่างสิงขร
ยังเมืองล่างฝั่งทะเล๚ะ๛
........คน กุลา ๑๒ พฤศจิก ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
13 พฤศจิกายน 2554 20:50 น.
คนกุลา
โคลงสี่สุภาพ
๐ อีศานวรมันเจ้า..............จอมคน
หมายมั่นดำรงตน..............สืบเชื้อ
พัฒนาปรับปรุงชล.............รายรอบ
เพราะมุ่งหมายก่อเกื้อ.........แหล่งหล้าดังประสงค์๚ะ๛
...
กาพย์ยานี ๑๑
๐ อีศานวรมันท้าว
ครองแดนด้าวทั่วธาตรี
ขยายไกลไปทุกที่
โปรดให้มีการพัฒนา
๐ เนื่องจากเผ่าพงศ์พันธุ์
ชอบอยู่กันริมธารา
ธ จึงน้อมนำพา
จากวิชาความรู้เดิม
๐ ยามใช้ต้องประยุกต์
เพื่อสร้างสุขให้ยิ่งเพิ่ม
คันดินแท่งหินเสริม
ยิ่งแข็งแรงแกร่งทานชล
๐ วิชาชลประทาน
หมั่นเขียนอ่านรู้แยบยล
จ่ายน้ำทุ่งล่างบน
เพื่อผองคนได้ทำกิน
๐ บ้านเมืองจึงอุดม
ทรัพย์สะสมมิรู้สิ้น
ย่านไหนเมื่อได้ยิน
มานอบน้อมยอมร่วมเมือง๚ะ๛
........คน กุลา ๑๒ พฤศจิก ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
11 พฤศจิกายน 2554 22:11 น.
คนกุลา
๐ ธ ทรงดำริขั้น......................พัฒนา
เสริมต่อพระบิดา......................ก่อกั้น
เรียงรายลุ่มคงคา.....................คูขอบ
จำปรับปรุงเมืองนั้น..................ต่อสู้อุทกภัย๚ะ๛
.....
๐ ธ ทรงดำริขั้น
ประสงค์นั้นหวังพัฒนา
ตั้งเมืองริมคงคา
น้ำหลากมาอยู่ยากเย็น
๐ โปรดให้สืบบทเรียน
มุ่งพากเพียรที่จำเป็น
มิทำจะลำเค็ญ
ตามที่เห็นเช่นเคยมี
๐ ขุดดินกั้นคูคลอง
ก่อคันป้องสายวารี
ด้านหน้าคราคลื่นตี
สาดกระแทกมักแตกพัง
๐ จึงให้นำท่อนไม้
คอยดันไว้แข็งแรงจัง
น้ำไหลได้ประทัง
แรงโถมถั่งตั้งเรียงราย
๐ สร้างบ้านสร้างชุมชน
อยากให้คนอยู่สบาย
ปลอดพ้นภยันตราย
คือเป้าหมายของท้าวเธอ๚ะ๛
..........คน กุลา ๑๑ พฤศจิก ๕๔
(กว่าจะมาเป็นไทย ภาค ๒)
27 ตุลาคม 2554 21:52 น.
คนกุลา
๐ มหาอุทกอกสั่นแสนหวั่นจิต
มาทั่วทิศทางท่าสาดถาโถม
ปานจะกลุ้มรุมเร้าเข้าจู่โจม
ดับดวงโคมคืนร้ายกลางสายธาร
๐ บ้างอพยพหลบหนีไปที่อื่น
ก่อนเกลียวกลืนกวาดสิ้นทุกถิ่นฐาน
ทุกทุกสิ่งสร้างสรรค์ในวันวาน
อาจถึงกาลราญยับลงกับชล
๐ ผองเพื่อนตามถามข่าวคราวเงียบหาย
มิตรมากมายเหมือนกับแสนสับสน
ท่ามธาราบ่ารวมท่วมมณฑล
ห่วงจากหนทางไกลอุ่นใจครัน
๐ ยังอยู่ดีกี่ภัยไม่ระย่อ
น้ำตาคลอคลองนัยอาบไอฝัน
เพราะอบอุ่นจุนเจือเมื่อรับพลัน
รู้น้ำนั้นเนืองนองวันพร่องมี
๐ หากน้ำใจไหลหลามให้ยามยาก
ที่ทุกข์มากมานครองหายหมองศรี
ทุกเพลาจะจำย้ำฤดี
วันใดที่ผ่านภัยได้ตอบแทน๚ะ๛
...................คน กุลา ๒๗ ตุลย์ ๕๔
18 ตุลาคม 2554 21:57 น.
คนกุลา
กาพย์ห่อโคลงเจนละ
๓๗)
๐ เป็นเพราะผไทท่านนั้น............เคยเรียน
ไสยเวทย์อาคมเพียร...................สดับถ้อย
ภูเตศะวะระเศียร.........................จอมภูติ
โลมเลือดหลั่งหยาดย้อย.............สละให้บูชา๚ะ๛
......
๐ เป็นเพราะไผทท่าน
ฝึกหัดปราณเคยร่ำเรียน
ไสยเวทย์ด้วยความเพียร
ตามแบบอย่างข้างเขมรินทร์
๐ จึงโปรดให้ก่อสร้าง
เป็นพระปรางก์กลางธานินทร์
เพื่อ ธ พระภูมินทร์
ได้ประกอบพิธีกรรม
๐ หนึ่งปีมีหนึ่งครั้ง
ที่ต้องตั้งกฎเกณฑ์นำ
เลือดคนมาพรมพรำ
เพราะกระทำยัญบูชา
๐ ถวายแด่ภูเตศวร
คุมทั่วถ้วนจอมภูตา
เพื่อท่านกรุณา
ชาวประชาลดภัยพาล
๐ เพราะว่าเป็นเรื่องแปลก
และผิดแผกจากก่อนกาล
ปวงชนจึ่งโจษขาน
ลือทุกย่านว่าน่ากลัว๚ะ๛
................คน กุลา ๑๔ ตุลย์ ๕๔