24 มกราคม 2559 20:30 น.

เดียวดาย

คนกรุงศรี


หนอเรา เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย
อยู่ปลาย โลกร้าง ช่างเหงา
ที่นี่ มีแต่ แค่เรา
อับเฉา จริงนี่ ชีวิน
กู่ก้อง ร้องไป ใครหนอ
เฝ้ารอ ท้อใจ ไม่สิ้น
แล้วหรือ คือใคร ได้ยิน
ชาชิน เรื่องเศร้า เราเคย
อยู่ต่อ ท้อทด หมดหวัง
แต่ยัง หายใจ ได้เอ่ย
ฤๅโชค ช่างร้าย ใช่เลย
นิ่งเฉย เลยละ ชะตา
23 มกราคม 2559 21:14 น.

ชื่ออะไรดี

คนกรุงศรี


หยิบกระดาษ ดินสอ จ่อจรด
สองสามบท อยากจาร งานอักษร
ถ่ายคารม คมถ้อย ร้อยเป็นกลอน
เหมือนครั้งก่อน เคยสาน ร่วมงานกัน
กับมวลมิตร มากมาย หลากหลายผู้
หมายร่วมกู้ อนุรักษ์ เรื่องศักดิ์ศรี
เสกสรรถ้อย ร้อยคำ นำวลี
เป็นน้องพี่ ดำรงค์ ร่วมวงวรรณ
อยากจรรโลง โคลงกลอน ที่อ่อนหวาน
สร้างผลงาน ของเรา เหล่านักฝัน
ถ่ายความนึก ความคิด จิตสัมพันธ์
ล้อเลียนกัน ก่อนเอ๋ย ก็เคยทำ
มาวันนี้ หนีหาย อยู่ไหนหนอ
ยังเฝ้ารอ ไมตรี ที่ดื่มด่ำ
เหล่านักกลอน ใครบ้าง ยังจดจำ
ร่วมน้อมนำ กลับมา เร่งพาที
19 มกราคม 2559 22:08 น.

ดอกแก้วหน้าหนาว

คนกรุงศรี


ดอกแก้วงาม ยามฝน หล่นโลมหล้า
ภมรพา บินล้อม ตอมความหวาน
กลิ่นหอมรื่น โชยมา คราดอกบาน
สวยสคราญ ช่อขาว ดูพราวตา
หมดฝนแล้ว แก้วแห้ง ลมแล้งล่อง
ดินแตกช่อง รอบโคน ต้นพฤกษา
บ้างใบเหลือง ร่วงลง สู่คงคา
ขาดคนมา เหลียวแล แม้แค่เงา
จะต้องผ่าน หนาวร้อน ก่อนถึงฝน
แก้วก็ทน โดดเดี่ยว บ้างเหี่ยวเฉา
ถ้ามีฝน หลงฤดู อุ้มชูเรา
ช่วยบรรเทา ความแล้ง มิแห้งตาย
แต่ดอกแก้ว คนนี้ หลายปีผ่าน
ในดวงมาน ท้อทด หมดความหมาย
ผ่านกี่ร้อน ฝนหนาว ร้าวใจกาย
ยังเดียวดาย อ้างว้าง อย่างยืนยาว
เย็นลมเหนือ เมื่อไร ใจหม่นหมอง
ยังหวังปอง คนอ้อน นอนเคียงสาว
แค่อยากหา ผ้าห่ม นั่งชมดาว
แล้วทุกคราว ก็ไร้ คนไมตรี
พืชในไพร รอฝน หล่นโลมหล้า
หมู่มัจฉา รอวาริน ทุกถิ่นที่
ข้าวออกช่อ รอเคียว เขียวขจี
แก้วคนนี้ นี่หนอ ....จะรอใคร
9 มกราคม 2559 21:41 น.

ค่าเพียงดิน

คนกรุงศรี

ก็เพราะไกล เกินกว่า จะคว้าถึง
แค่คะนึง พาให้ จิตไหวหวั่น
สูงสุดสอย ลอยเด่น ดั่งเช่นจันทร์
เป็กระต่าย หมายมั่น จึงพรั่นใจ
มองเงาหัว ตัวอยู่ รู้ต่ำต้อย
ค่ามีน้อย เพียงดิน สิ้นสดใส
ฤๅจะเทียบ นภา อ่าอำไพ 
ร้าวฤทัย มิกล้า มองฟ้าคราม
เป็นยาจก เหิมหาญ ทะยานสูง
กากับยูง พอเอ่ย ถูกเย้ยหยาม
ว่ามิเจียม เตรียมจิต คิดประนาม
เพราะต่ำทราม หรือชั่ว โอ้ตัวเรา
ใคร่เชยชม ดอกฟ้า จึงพาหมอง
แม้หมายปอง ต่อไป กลัวใจเหงา
เลิกคิดสอย คอยแล มองแต่เงา
แบ่งบรรเทา เศร้าทรวง ห้วงฤดี
วาสนา น้อยนัก หักใจหนอ
ถึงจะรอ ต่อไป ไม่สุขศรี
ฟ้าเคียงดาว พราวใส ในราตรี
ตัวเรานี้ คงอยู่ ไร้คู่ครอง
มีบ้างไหม ใครเล่า เขาสงสาร
เศษเสี้ยวทาน แบ่งให้ พอคลายหมอง
แม้ดอกดิน ก็ไม่ มาใฝ่ปอง
สุดจำต้อง เดียวดาย จวบวายปราน
6 มกราคม 2559 21:43 น.

คนหนาวทรวง

คนกรุงศรี

มองจันทร์เสี้ยว เกี่ยวฟ้า คราลมล่อง
คนหม่นหมอง รำพึง ถึงความหลัง
ค่ำนี้หนอ ทั้งหนาว ปวดร้าวจัง
เรไรดัง ดั่งเหมือน มิเลือนไกล
หนาวแบบนี้ ปีก่อน เคยอ้อนเจ้า
เมื่อสองเรา เคียงกัน ชมจันทร์ใส
เจ้าหนาวเนื้อ พี่มี แพรสีไพร
หยิบคลุมไหล่ ให้นาง เคียงข้างกาย
แล้วจันทร์เสี้ยว เลี้ยวลง ตรงทิวไฝ่
ลาลับไป ปล่อยดาว ให้พราวฉาย
กลิ่นดอกแก้ว ละมุน กรุ่นกำจาย
แว่วเสียงคล้าย ขลุ่ยบรรเลง เพลงราตรี
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้น
เมื่อไร้คน เคียงใจ ไม่สุขี
ทุกหนาวเยือน เตือนใจ ในทุกที
ถึงคนที่ จากไกล แล้วไม่คืน
สัญญามั่น วันก่อน ตอนเคียงใกล้
ทุกถ้อยคำ จำได้ ไม่เป็นอื่น
รักของเรา คงยัง ต้องยั่งยืน
จะขมขื่น ปวดเจ็บ เก็บไม่นาน
ลมหนาวมา ครานี้ อีกปีแล้ว
ยังไร้แวว คนใด ใครสงสาร
คงจะเจ็บ เหน็บร้าว อีกยาวนาน
เขียนกลอนกานท์ ปลอบตน คนหนาวทรวง
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี