ด้วยตั้งใจ สืบสาน งานของรัฐ สุดเคร่งครัด กติกา เพราะหน้าที่ คนตรงฉิน ซื่อสัตย์ ประวัติดี จึงได้มี ยศใหญ่ เป็นนายคน
มากอำนาจ วาสนา หาใครเท่า หลายคนเฝ้า พะนอ หวังต่อผล จะไปไหน ใครอ่อนน้อม ล้อมรอบตน ในกมล ทะนง เริ่มหลงตัว
คิดอะไร ได้สม อารมณ์หมาย เยี่ยมครับนาย ได้ครับพี่ ดีกันทั่ว ขอรับท่าน ทำได้ ไม่ต้องกลัว นายเหนือหัว สั่งไป สมใจปอง
หลังเลี้ยงส่ง วันเกษียณ เปลี่ยนสมัย ต้องจากไป ใจเรา เศร้าหม่นหมอง อำนาจเอ๋ย เคยมากมาย เป็นก่ายกอง วันนี้ต้อง เสงี่ยม เริ่มเตรียมใจ
ไม่เหมือนก่อน ตอนที่ มีอำนาจ เดินตลาด คนรู้จัก ทักกันใหญ่ วันนี้ดู แตกต่าง ห่างกันไกล คนเคยไหว้ ทำไม่เห็น บ้างเย็นชา
เป็นอดีต ผ.อ. ก็เท่านั้น เมื่อถึงวัน ถูกปลด ดูหมดค่า ตอนตำแหน่ง ยังใหญ่ ใช้ปัญญา เรียกศรัทธา ผูกใจ คนใกล้เคียง
ผ.อ.สมพิศ พระนครศรีอยุธยา ๑๗/๑๐/๒๕๕๒
รับใช้ราช ในงาน การศึกษา นานเกินกว่า สามสิบปี ที่มุ่งมั่น เลี้ยงครอบครัว ทุกข์สุข เคล้าคลุกกัน ฐานะนั้น มีแต่ แค่พอเพียง มือถือชอล์ก เขียนกระดาน เฝ้าขานไข ถือเรียวไผ่ พร้อมกับ สรรพเสียง ให้เด็กอ่าน ดังดัง ฟังสำเนียง จับยืนเรียง ไล่เดี่ยว จึงเชี่ยวชาญ เหมือนนกแก้ว นกขุนทอง ให้ท่องบ่น จำสูตรจน ขึ้นใจ ใช้คูณหาร สอนสะกด ผสมคำ นำหลักการ เด็กเขียนอ่าน ได้คล่อง จึงต้องใจ คัดลายมือ ให้สวย ด้วยลายเส้น กับนำเน้น กิริยา อัชฌาศรัย มารยาท สามัคคี มีทุกวัย ความเป็นไทย ฝังปลูก ให้ถูกทาง ศาสนา จริยธรรม พร่ำสั่งสอน เป็นไม้อ่อน เลือกดัด ตัดแต่งบ้าง รักษาศีล ครูนำ มิอำพราง อบายมุข เป็นตัวอย่าง หลีกห่างกาย อีกสามเดือน คงหมอง ต้องเกษียณ เห็นนักเรียน ทุกคน บ่นใจหาย หากเจอกัน วันใด ให้ทักทาย สิ่งทั้งหลาย สอนไว้ จำให้ดี ผอ.สมพิศ พระนครศรีอยุธยา ๑๐/๗/๒๕๕๒
คำสัญญา แม่นมั่น ในวันก่อน เธออาทร กลัวจบ พบวันหน่าย เกรงถ้อยคำ วาจา มาเสื่อมคลาย หมดความหมาย ศรัทธา พาเสื่อมลง
จะเนิ่นนาน ปานใด ไม่ลืมคิด เคยตั้งจิต บอกว่า อย่าลืมหลง เฝ้าปกปัก รักษ์ไว้ ให้มั่นคง ขอเธอจง เชื่อฉัน เถอะมั่นใจ
หากชาตินี้ จะไม่ ได้พบเห็น ก็คงเป็น ชาติหน้า มาพบใหม่ ถึงอยู่ห่าง ต่างแคว้น ถิ่นแดนไกล ก็มิใช่ ต้องพราก จากแดนทอง
วาดภาพฝัน กันไว้ ในคืนก่อน อาจสั่นคลอน ประสบ พบคืนหมอง แม้ทุกข์ตรม ขมขื่น ฝืนลำพอง ใจจึงต้อง เก็บงำ ตามลำพัง
ในความฝัน ฉันคู่ อยู่เคียงข้าง ความอ้างว้าง ทิ้งไว้ ให้อยู่หลัง อนาคต ที่ปอง ต้องจริงจัง ถึงบางครั้ง หงอยเหงา เศร้าจริงเจียว
เมื่อมีทุกข์ ช่วยแก้ เฝ้าแลหา ตรมวิญญาณ์ ท้อแท้ คอยแลเหลียว ความห่วงใย มอบเสมอ เธอคนเดียว หากเปล่าเปลี่ยว จงจำ คำคนเดิม
เมื่อร้อนคลาย กายผ่อน สิ้นอ่อนล้า แลดูนา ลิบลิ่ว สุดทิวเขา ซังข้าวกรอบ ยังอยู่ ดูซบเซา เริ่มย่างเข้า วสันต์ อันชุ่มเย็น
ท้องฟ้าปิด มิดมัว สลัวฝน ที่เบื้องบน แสงแปลบ แลบให้เห็น ลมแรงจัด พัดกอง ของกระเด็น สาดกระเซ็น ฝนปราย เป็นสายมา
ดินที่แยก แตกระแหง เมื่อแล้งก่อน ค่อยชุ่มอ่อน ดูดี มีคุณค่า น้ำนองไหล หลากตรง ลงธารา แล้วยอดหญ้า เขียวแยง แทงจากดิน
หาคันไถ ควายจอบ พร้อมงอบเสียม เพื่อจะเตรียม พลิกนา หาทรัพย์สิน นี่แหละแหล่ง ปฐพี ที่ทำกิน เลี้ยงชีวิน เรามา ครั้งตายาย
ถือหางไถ ไล่ทุย เดินลุยทุ่ง ตะวันรุ่ง รีบจร ก่อนจะสาย ดินยังเปียก อุ้มน้ำ ทำสบาย ขอแรงควาย กายมัน ช่วยกันทำ
บนถนน คนสอน มองย้อนคิด ถูกหรือผิด เลือกไว้ ไม่หมดหวัง อุทิศตน ข้นเข้ม เต็มพลัง สิ่งมุ่งหวัง สมปอง ที่ต้องการ
เริ่มชั้นตรี สมัยนั้น เราขั้นต้น อุทิศตน ด้วยใน ใจห้าวหาญ อุดมคติ มีอยู่ คู่หลักการ แม้เนิ่นนาน สานต่อ มิท้อใจ
มีหลายร้อย เยาวชน เราคนสอน เมื่อมองย้อน ผลสัมฤทธิ์ ประสิทธิ์ไหม หลายชีวิต หลายช่วงชั้น หลายวันวัย มีสดใส ขุ่นข้น ปะปนกัน
เป็นแม่พิมพ์ หล่อชน คนของชาติ ก็หวังวาด ให้ดี ด้วยสีสัน บ้างก็วิ่น เว้าแหว่ง แต่งไม่ทัน ให้ผ่านผัน ตามบท กฎสังคม
รับภาระ หน้าที่ หลายปีผ่าน ปณิธาน ตั้งไว้ ทำได้สม ถูมิใจแท้ แม้ไร้ คำใครชม อิ่มอารมณ์ ก่อนถึง ซึ่งวันลา
คนสอนคน บ่นมา เพราะว่าเหงา สมัครเข้า วงการ สานภาษา ถ้าได้มิตร ไมตรี มีให้มา หวังพึ่งพา คราวัย ที่ไร้งาน