อยากกลับบ้าน ย่านเก่า ที่เราจาก
คิดถึงมาก มัวหม่น จนเศร้าหมอง ไปอีกครั้ง หวังเห็น เช่นใจปอง
เพื่อเหลียวมอง ความหลัง ครั้งก่อนลา
บ้านมุงจาก ฟากทำ ด้วยลำไผ่
ด้านทิศใต้ ใกล้คุ้ง ริมทุ่งหญ้า เคยมีลาน ลอมฟาง ข้างคันนา
กระดังงา กอแก้ว เป็นแนวกัน
แคร่ไม้ไผ่ ใต้สะเดา ตัวเก่าก่อน
มันผุกร่อน หักลง มิคงมั่น เมื่อวันเก่า เราหนอ นั่งรอจันทร์
พอตะวัน ลับลา ดาราพราย
แลจันทร์เรียว เกี่ยวฟ้า ขึ้นห้าค่ำ
แล้วลอยต่ำ ลงมา ลับตาหาย เหมือนลมเหนือ พัดล่อง ต้องผิวกาย
กลิ่นกำจาย กระดังงา ยามราตรี
เคยอยู่เรียง เคียงเจ้า ครั้งเก่านั้น
ปัจจุบัน เลือนหาย มลายหนี ภาพความหลัง ครั้งเก่า เราเคยมี
แต่วันนี้ เป็นตำนาน ร้าวราญใจ
จึงจากนา มาเมือง ลืมเรื่องเก่า
หวังว่าเศร้า อาจลด หมดลงได้ กับแอบหวัง เลือนราง ว่าบางใคร
จะช่วยให้ หายช้ำ....ลืมตำนาน
ณ มุมหนึ่ง ของใจ ใครคนนี้
แน่ยังมี เธออยู่ เป็นคู่ขวัญ แม้อยู่ห่าง ต่างแดน แสนไกลกัน
ณ มุมนั้น มีเรา เข้าครอบครอง
ณ มุมหนึ่ง ของใจ คนไหวอ่อน
อย่าร้าวรอน หม่นไหม้ หรือใจหมอง แล้วมุมนี้ สองใจ เราหมายปอง
ก็มิต้อง ปวดร้าว เหน็บหนาวใจ
ณ มุมหนึ่ง ถ้าหวั่น พบวันล้า
คำสัญญา ยังมั่น มิหวั่นไหว ฝากดวงมาน ผ่านมา บนฟ้าไกล
แล้วก้าวไป เคียงคู่ จะอยู่เคียง
มองเรือรักษ์ อักษรา คราวันนี้ มากพื้นที่ ว่างเปล่า ดูเศร้าสร้อย ไร้คนถือ หางเสือ ปล่อยเรือลอย แล่นอ่อยอ่อย ด้วยใบ ไม่กินลม
เหมือนวังเวง เคว้งคว้าง กลางสมุทร์ มองหาจุด มิมี ที่เหมาะสม พบพายุ ข้างหน้า อาจพาจม เกรงจะล่ม อัปปาง ช่างเดียวดาย
เชิญมิตรรัก นักกลอน ที่นอนเปล่า มาเร็วเข้า ปล่อบปละ อาจจะสาย เรามารวม ร่วมด้วย ช่วยกันพาย และถือท้าย ดูร่องน้ำ นำวารี
แล่นให้ถึง ซึ่งฝั่ง ตามตั้งมั่น มาร่วมกัน ปกปักษ์ ด้วยศักดิ์ศรี เพราะเมืองไทย ไม่อาจ ขาดกวี แล้ววันนี้ ไยหลับ ดั่งลับลา
เร็วตื่นเถิด นักกลอน อย่านอนเขลง ร่วมบรรเลง ลวดลาย ร่ายภาษา ลุกเถอะลุก ปลุกระดม คมปากกา ภูมิปัญญา ยังมี ไยรีรอ
อย่าขาดเขลา เราใคร คนไทยแท้ คงจะแย่ แม้ไทย ไม่เหลือหรอ วรรณศิลป์ สิ้นสาย อายเหล่ากอ อย่าทดท้อ เทใจ ไปด้วยกัน
เรือลำน้อย ลอยคว้าง กลางสมุทร จะสิ้นสุด ท่าไหน ไม่รู้แน่ ขาดหางเสือ ลอยคว้าง มิต่างแพ มีเพียงแต่ มโนธรรม ใช้นำทาง
ทะเลไกล คล้ายดง เป็นพงรก เช่นป่าปรก โขดเขิน เนินกั้นขวาง โลกมายา อยู่ท่าม ความอำพราง ทุกก้าวย่าง เหยียบย่ำ สุดคำนวณ
รู้ชีวิต ผิดผัน ฉันวิตก จึงหยิบยก ความนัย ขึ้นไต่สวน มองความดี มีอยู่ อย่างคู่ควร ภายในล้วน ทองเนื้อเก้า ของเจ้าเอง
คอยประคอง นาวา ท้าลมฝน เปรียบต้นหน นำทาง อย่างรีบเร่ง พายุโหม โรมรัน มิหวั่นเกรง ไม่คว้างเคว้ง ลากจูง มุ่งตามลม
สุขหลายส่วน รวมไว้ ในชีวิต ฟ้าลิขิต กรรมพา มาผสม ในเสี้ยวแห่ง ชีวี มีชื่นชม ทุกข์กับตรม ปนปะ เคล้าคละกัน
ไปไม่ถึง ซึ่งฝั่ง ช่างท้อแท้ ต้องพ่ายแพ้ ชะตา พาผกผัน รักซาบซึ้ง ซื่อตรง คงกระพัน แต่สุขสันต์ หลายเมื่อ…… ก่อนเรือจม
คิดถึง จึงตาม ถามหา เพราะว่า คนหนึ่ง ซึ่งห่วง เรื่องราว คราวหลัง ทั้งปวง ทุกช่วง ยึดย้ำ จำความ
มิลืม เมื่อครั้ง คราวก่อน ออดอ้อน ล้อเลียน เพียรถาม เรียงร้อย ถ้อยคำ นำความ นิยาม ผูกพัน กันมา
หายห่าง ร้างไป ให้หม่น ลืมคน แก่เก่า เฝ้าหา สักถ้อย ร้อยรส พจนา รู้ว่า สุขี ดีใจ
แม้เศร้า เหงาหมอง ครองหม่น อย่าทน ช่วยวาน ขานไข เล่าแจ้ง แจงผล คนไกล ช่วยได้ ไม่ขอ รอรี
ฝากลม ฝากฝน บนฟ้า ช่วยข้า นั้นได้ ไหมนี่ ตามหา เขาด้วย ช่วยที คนนี้ ถามทวง ห่วงใย