20 ตุลาคม 2557 21:56 น.

บ้านในฝัน

คนกรุงศรี

บ้านหลังนี้ ที่ฉัน คอยสรรสร้าง

ปลูกอยู่ข้าง ธารา เพื่ออาศัย

หลังย่อมย่อม พร้อมอยู่ กับคู่ใจ

เตรียมเอาไว้ รับหมั้น กับขวัญตา

 

ที่หน้าบ้าน ลานโล่ง ลงพุ่มแก้ว

เรียงเป็นแนว แถวห่าง ที่ข้างขวา

ส่วนด้านซ้าย อีกฝั่ง กระดังงา

แล้วด้านหน้า ลงรัก สักสามกอ

 

ถนอมนัก รักเอ๋ย เราเคยฝัน

ว่าสักวัน ยอดแยก แล้วแตกหน่อ

ให้ได้ยล ผลงาน เท่านั้นพอ

กับคอยรอ รักบาน ที่ลานใจ

 

บ้านสีฟ้า ม่านชมพู ดูว่าสวย

หาคนช่วย ดูแล แล้วแก้ไข

เฝ้ารอคอย ติดตาม ความเป็นไป

จะมีใคร ไหนหนอ พอยินดี

 

ดอกรักบาน แล้วร่วง หลายช่วงฝน

กลีบแก้วหล่น โคนขาว เมื่อหนาวนี่

ทั้งร้อนฝน หนาวผ่าน มานานปี

ยังไม่มี แม่เรือน เป็นเพื่อนกัน

 

บ้านสีฟ้า ครานี้ เป็นสีหม่น

มีเพียงคน ดูแล แค่ในฝัน

ใต้ชายคา เรานั่ง กึ่งรำพัน

คงไร้วัน จะมี ...แม่ศรีเรือน

18 ตุลาคม 2557 22:49 น.

เก็บไว้ ใครมิรู้

คนกรุงศรี

อยากผูกพันธ์ ไมตรี เป็นพี่เพื่อน

อยากเยี่ยมเยือน เคหา ที่อาศัย

อยากเล่าเรื่อง สนุก คุยถูกใจ

อยากห่วงใย ถามหา คราจากกัน

 

แต่กลัวจัง เพราะใจ เราไม่กล้า

แต่กลัวว่า ฤทัย เราไหวหวั่น

แต่กลัวเก้อ เผลอใจ หยุดไม่ทัน

กลัวใจมัน ผิดหวัง ดั่งเคยมา

 

เพราะต่ำต้อย เพียงดิน ไร้สินทรัพย์

เพราะเหมือนกับ กระต่าย หมายเวหา

เพราะยังกลัว คนไกล ไร้เมตตา

เพราะเกรงว่า เธอนี้ มีคนเคียง

 

จึงหงอยเหงา หงอยเหงา เดาไม่ออก

จึงได้บอก ตัวว่า ท่าจะเสี่ยง

จึงเตรียมรับ กับวิถี ทีเอนเอียง

จึงมีเพียง ความฝัน กับหวั่นใจ

 

ถ้าชาติก่อน เคยรวม ร่วมกุศล

ถ้าส่งผล มาถึง จึงพอไหว

ถ้ากรรมเก่า เราจาง หรือร้างไป

ถ้าบุญไม่ มีกรรมบัง อย่างที่เคย

 

คงจะสุข เกินกว่า หาใครเทียบ

คงจะเปรียบ เทวา มาอ้างเอ่ย

หรือจะเก้อ เพ้อฝัน นั้นเหมือนเคย

คงไม่เอ่ย ความนัย ให้ใครฟัง

 

 

16 ตุลาคม 2557 22:21 น.

เหงาใจเมื่อใกล้ค่ำ

คนกรุงศรี

ตะวันลอย คล้อยบัง เขาฝั่งโน้น

นั่งอยู่โคน สะเดา ต้นเก่าแก่

จะรับลม ชมฟ้า ตั้งตาแล

อยู่บนแคร่ ไม้ไผ่ ใต้เงาบัง

 

มองดูเงา เขาทอด ตลอดทุ่ง

แดดแรงพุ่ง ข้ามฟ้า มาอีกฝั่ง

ลมทุ่งพัด ยอดสน จนเสียงดัง

เสียงด้านหลัง รู้ว่า กากลับคอน

 

ท้องฟ้ามัว ท่ั่วไป แต่ปลายฟ้า

แสงด้านหน้า ยังมี แต่สีอ่อน

เรไรร้อง รับกัน เป็นขั้นตอน

ตะวันจร ดวงดาว ก็พราวพราย

 

คืนขึ้นค่ำ เดือนเรียว เกี่ยวกิ่งฟ้า

มินานลา ลับไป แล้วใจหาย

มองออกไป ไต้แดง แสงประกาย

ดูเหมือนคล้าย ดารา ลงมาดิน

 

เสียงขลุ่ยผิว ลิ่วมา ใครหนาเป่า

บทเพลงเศร้า เหงาใจ ให้ถวิล

ดั่งรื้อฟื้น ความหลัง ที่ฝังจินต์

เมื่อได้ยิน ทุกครา พารัญจวน

 

ขลุ่ยสะดุด หยุดไป กลับไหวหวั่น

ถาพครั้งนั้น ผุดมา พาไห้หวน

เสียงแสกร้อง ก้องดัง ดั่งใจครวญ

ทุกอย่างล้วน เย้ยให้ ...ใจระทม

 

15 ตุลาคม 2557 22:17 น.

วันใหม่ ในเมือหลวง

คนกรุงศรี

ห้องแถวเก่า คร่อมลำ น้ำคลำข้น

เราอีกคน เข้ามา พักอาศัย

เพราะค่าเช่า เบาบาง ช่างพอใจ

มิกว้างใหญ่ แต่ก็ พอซุกตน

 

นาฬิกา เสียงดัง ตั้งให้ปลุก

ต้องรีบลุก เร็วไว หลายเหตุผล

เพราะภาระ หน้าที่ มีทุกคน

เหมือนร้อนรน ขวนขวาย ให้ทันการ

 

เดินลัดเลาะ พ้นตรอก ออกถนน

เห็นหลายคน เดินไขว่ มิไขขาน

ทั้งเสียงรถ ควันดำ สุดรำคาญ

รถโดยสาร มาคัน ขึ้นกันกรู

 

ต้องรีบแหวก แทรกเขา เราขึ้นก่อน

อากาศร้อน อบอ้าว แม้เช้าตรู่

รถขยับ ทีละนืด ติดน่าดู

จะไปสู่ จุดหมาย เมื่อไรกัน

 

งานที่รอ ก่อสร้าง อยู่ข้างหน้า

ซื้อข้าวมา เทใส่ ลงในขัน

เรารีบเปิบ เร็วไว ต้องให้ทัน

เจ้านายนั้น ยืนมอง ร้องเรียกมา

 

รีบดื่มน้ำ เกือบสำลัก พักไว้ก่อน

รีบหยิบค้อน คู่ใจ วิ่งไปหา

งานที่ทำ ต้องให้มัน ทันเวลา

อย่าคิดว่า จะได้พัก ...ซักนาที

15 ตุลาคม 2557 21:47 น.

รุ่งเช้า เมื่อหนาวเยือน

คนกรุงศรี

เสียงไก่กู่ ก้องมา ก่อนฟ้าสาง

เห็นลางลาง ลิบลิ่ว แนวทิวเขา

สายลมผ่าน ลอยล่อง ต้องกายเรา

อากาศเช้า หนาวหนอ พาท้อใจ

 

เหลืองแดงราด ระบาย ที่ปลายฟ้า

ดวงดารา ระยิบ กระพริบไหว

เมื่อแสงทอง ส่องฟ้า จึงลาไกล

แล้วอุทัย สาดจ้า เยือนฟ้าคราม

 

วสันต์ลา ฟ้าใส ไร้เมฆฝน

เสียงยอดสน หวีดไหว ใจวาบหวาม

ข้าวใบเรียว เขียวดู ลู่ลมตาม

นี่ก้าวข้าม เข้าวัน  เหมันต์ยือน

 

ใบไผ่ปลิว ลิ่วล่อง ลงคลองขอด

กาเหว่าทอด เสียงปู๋ กู่หาเพื่อน

เหมือนบอกว่า ความหวัง นั้นลางเลือน

สุดสะเทือน หัวใจ เมื่อใดฟัง

 

แลลิบลิ่ว ริ้วทอง ของหมู่สงฆ์

ลัดเลาะตรง ข้ามนา มาอีกฝั่ง

ตะวันจ้า ฟ้าใส ไร้เงาบัง

ยินเสียงดัง นกเขา เจ้าขันคู

 

สงบเงียบ เรียบง่าย บ้านชายทุ่ง

มิเฟื้อฟุ้ง ฝันใฝ่ ไปเมืองหรู

ใช้ชีวิต พอเพียง เลี้ยงกายดู

แต่ขาดผู้ รู้ใจ ...หวั่่นไหวจริง

 

 

Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี