29 กรกฎาคม 2555 00:02 น.
คนกรุงศรี
อยากจะเป็น ดารา อยู่ฟ้ากว้าง
ล่องลอยคว้าง กลางสรวง บนห้วงหาว
กระพริบแสง แข่งจันทร์ อันแพรวพราว
เด่นสกาว กลางเวหน ให้คนมอง
เพียงดวงจิต คิดฝัน ในวันนี้
แต่มิมี ผู้ใด ใคร่สนอง
มิโดดเด่น เป็นได้ ดั่งใฝ่ปอง
ก็จำต้อง ฝึกฝน เฝ้าทนรอ
สิ้นรูปสวย ไร้ทรัพย์ จึงอับโชค
อีกโฉลก ไม่ถูก จะปลูกก่อ
ความคิดฝัน นั้นไกล ไม่ละออ
แสนทดท้อ ทางตัน มันมืดมน
เห็นดารา หลายดวง โชติช่วงนัก
คนรู้จัก ทอแสง ทั่วแห่งหน
ควรคู่กับ ฟากฟ้า น่าเยี่ยมยล
แต่คำคน คิดไว้ ควรไตร่ตรอง
มัวส่องแสง เจิดจ้า ยามฟ้าค่ำ
ตอนเดือนต่ำ ดาวตก อกอาจหมอง
อรุณรุ่ง นภา ฟ้าสีทอง
ก็จำต้อง ลับตา จากลาไป
เลิกอยากเป็น ดาวน้อย ล่องลอยฟ้า
เกรงถึงครา ผิดหวัง นั่งร้องไห้
ขออยู่ดิน เดินดง พงป่าไพร
ขอเป็นแค่ ดาวใจ ใครสักคน
25 กรกฎาคม 2555 22:40 น.
คนกรุงศรี
รู้ข่าวครา คนไกล ไต่ถามถึง
ยังนั่งอึ้ง ตรึงใจ ไมตรีมั่น
ไร้วจี ขับขาน แม้นานวัน
เรื่องลืมกัน ผันไป คงไม่มี
มาอยู่ย่าน บ้านทุ่ง ไกลกรุงแสน
เกือบชายแดน สุขใจ ในที่นี่
กับญาติมิตร มากใน เปี่ยมไมตรี
เหมือนครั้งที่ กำเนิด เกิดกายมา
เหมือนอยู่อย่าง พอเพียง แค่เลี้ยงชีพ
มิปากกัด เท้าถีบ ต้องรีบหา
เพราะข้าวของ บ้านไพร ไร้ราคา
เก็บผักปลา แลกข้าว เท่านั้นพอ
ลืมชีวิต คนเมือง ที่เรืองรุ่ง
งานท้องทุ่ง ไถหว่าน ต้องสานต่อ
งานเงินเดือน เสียหาย จึงไม่รอ
มิต้องขอ ต่อรอง ค่าครองตน
คนกรุงศรี พี่ชาย จดหมายเล่า
มีคนเขา ห่วงใย เหมือนไหม้หม่น
เขียนกลอนกานท์ ผ่านฟ้า มาเยี่ยมยล
ขอบคุณคน มากน้ำใจ ไม่ลืมกัน
ใจยังรัก อักษรา ภาษาสาส์น
อยู่ที่บ้าน พงไพร ใจยังฝัน
ยังคิดถึง วันวาน สานสัมพันธ์
ที่กลุ่มวรรณ-กวี ศรีอยุธยา
ดอกแก้ว ดวงฤทัย
21 กรกฎาคม 2555 22:50 น.
คนกรุงศรี
อยากออกปาก ฝากใจ ให้ใครเอ่ย
คนที่เคย คุยผ่าน ด้วยกานท์ถ้อย
ส่งผ่านฟ้า ยุคใหม่ ไม่ต้องคอย
ร่วมเรียงร้อย สืบสาน งานร้อยกรอง
ยังอยู่ดี มีสุข ทุกข์ไฉน
คนเมืองไกล ใจหม่น ปนมัวหมอง
เพราะเหตุใด ใฝ่นึก นั่งตรึกตรอง
แน่จะต้อง คำนึง คิดถึงเธอ
ใจหวาดหวั่น พรั่่นจิต ผิดหรือเปล่า
เหมือนปวดร้าว อยู่ใน ใจเสมอ
วันใดเล่า เรานะ จะเจอเจอ
ยังแอบเผลอ ว่าหวัง ยังพอมี
ฝากลมไว้ ให้พัด ลัดขอบฟ้า
ช่วยนำพา กมล คนเหงานี่
หากพบเจอ เธอเล่า เราวานที
บอกคนที่ ไกลตา อยากมาเยือน
แต่จะรับ หรือไม่ มิใคร่รู้
เพียงเธออยู่ ไร้ทุกข์ สุขใดเหมือน
หากยินดี รับคำ อยากย้ำเตือน
แม้ลืมเลือน แล้วหนอ ก็จนใจ
สู้เอ่ยปาก ฝากกมล จากคนนี้
คนกรุงศรี มีหวัง อยู่บ้างไหม
แม้มิว่าง หมางเหมือน ลืมเลือนไป
ทิ้งลำน้ำ ปล่อยไหล ไปทะเล
18 กรกฎาคม 2555 21:48 น.
คนกรุงศรี
แอบมาออด อ้อนเรา ใจเจ้าเล่ห์
บอกว้าเหว่ อาวรณ์ ทั้งร้อนหนาว
อยู่เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย มาหลายคราว
มีปวดร้าว เป็นเพื่อ คอยเตือนตน
ให้ออกปาก ฝากใจ ส่งให้เขา
ทุกค่ำเช้า เร้าถาม ติดตามผล
แสร้งเฉยอยู่ ดูเหงา เศร้าพิกล
รบเร้าจน ใจพลอย ร่วมคล้อยตาม
ฝากลมพา พัดใจ เหมือนได้ผล
ฟ้าเบื้องบน เป็นใจ ให้ล้นหลาม
พิรุณพรม พร่างพราย พรรณไม้งาม
อยู่ในความ อบอวล ช่างชวนดอม
บอกดวงมาน สานต่อ อย่ารอช้า
เร่งเดินหน้า ก้าวไกล ให้หวานหอม
ฟ้าบันดาน อุ้มสม พรหมยินยอม
ที่ตรมตรอม หม่นเศร้า คงเหงาคลาย
สังเกตใจ ไม่สุข กลับทุกข์หม่น
ว่าเหตุผล กลใด จึงไม่หมาย
นั่งคนเดียว เปลี่ยวอยู่ ดูเดียวดาย
มองดูคล้าย หมดหวัง กำลังใจ
มานบอกมอง เงาตัว ยังกลัวเจ็บ
เคยหนาวเหน็บ เก็บล้น เกินทนไหว
จึงมิอาจ เอื้อนเอ่ย เผยความนัย
เกรงตนไม่ ควรคู่ เรารู้ดี
ขรัวตา
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
3 กรกฎาคม 2555 22:47 น.
คนกรุงศรี
เศรษฐกิจ ผิดเพี้ยน พาเวียนหัว
หันดูตัว ชักแย่ แก้ไม่ไหว
จะจับจ่าย ซื้อของ จงมองไกล
ประหยัดไว้ ให้มาก มิยากจน
ดั่งความคิด ของเรา คงข้าท่า
ค้นตำรา รอแก้ เผื่อแผ่ผล
เป็นตัวอย่าง เยี่ยมแท้ แก่ปวงชน
มีหลายคน เอาอย่าง ท่าทางดี
ของฟุ่มเฟือย ลดได้ ก็ให้ละ
จำเป็นจะ ต้องจ่าย มิหน่ายหนี
มิต้องซื้อ ต้องหา เข้าท่าที
วันนั้นมี เพื่อนมา หาถึงเรือน
ก็คุยกัน นานจน เพื่อนบ่นหิว
หนังท้องกิ่ว ระงม เสียงลมเคลื่อน
เรามองดู รู้ได้ มิให้เตือน
ก็ชวนเพื่อน เข้าครัวมา หาของกิน
เอากระดาษ วาดไก่ย่าง วางตรงหน้า
คดข้าวมา จานใหญ่ ใจถวิล
เปิบกันจน อิ่มเอม เปรมดังจินต์
ก็ได้ยิน คนมา อยู่หน้าครัว
พ่อกลับมา หน้าบึ้ง ตึงเข้าใส่
เห็นรูปไก่ จึงว่า น่าโขกหัว
คราวหลังวาด เพียงแต่ แค่ครึ่งตัว
มิต้องกลัว หรอกเจ้า อิ่มเท่ากัน