29 มีนาคม 2555 22:46 น.
คนกรุงศรี
เมื่อเราต้อง ท่องแคว้น แดนอีสาน
พักอยู่บ้าน คำมี ที่เป็นเพื่อน
แสวงโชค เรื่อยไป ไม่แชเชือน
วันหนึ่งเยือน บ้านหมอ ขอเลขดัง
หมอใบ้หวย ช่วยอย่างดี ชี้ข้างหน้า
ดูกิ้งก่า ตัวโต โอ้ของขลัง
เมื่อเห็นแล้ว อย่าไป บอกใครฟัง
ต่างหันหลัง อำลา ท่านมาพลัน
ตีตัวเลข กิ้งก่า ว่าเก้าเก้า
งวดนี้เรา รวยแน่ มิแปรผัน
เจ้าคำมี คิดอะไร ไม่สำคัญ
อีกสองวัน แล้วนะ ข้าจะรวย
วันที่หนึ่ง เลขออกมา ว่าเก้าแปด
เราต้องแผด เสียงก้อง ร้องว่าฮ่วย
เมื่อถูกกิน สิ้นหวัง ช่างงงงวย
มันถูกหวย หรือไม่ อ้ายคำมี
ถามเจ้าเกลอ เป็นไง ถูกไหมวะ
ข้าเกือบจะ ร่ำรวย เพราะหวยนี่
เห็นกิ้งก่า ซื้อเก้าเก้า น่าเข้าที
แต่เลขหนี เป็นแปดเสีย จึงเพลียใจ
อ้ายคำมี เว้าว่า เสี่ยวข้าเอ้ย
เจ่าสิเชย เหลือล้น คนเมียงไหน
ตัวกะปอม เก้าแปดเด้อ เซ่อกระไร
แล้วจั๊งได๋ ชื้อเก้าเก้า เว้าบ่จำ
คนกรุงศรีฯ
27 มีนาคม 2555 21:35 น.
คนกรุงศรี
คะนึงหา เมื่อราตรี
คืนเดือนแรม แต้มดาว บนราวฟ้า
แหวกเมฆา มาจ้อง คนหมองศรี
ใต้สะเดา เหงาใจ ในฤดี
เพราะใจที่ กังวล จนหม่นมัว
เพลงเรไร ร้องดัง ดั่งเย้ยเยาะ
เสียงหัวเราะ รัตติกาล ขับขานทั่ว
สุดปวดร้าว หนาวกมล จนเกรงกลัว
รอบรอบตัว ดูคล้าย เดียวดายจัง
บอกลมล่อง พัดหวน รบกวนด้วย
นะจงช่วย ปลอบใจ ให้ความหวัง
ถึงคนไกล แน่งน้อย จงคอยฟัง
คนหนึ่งยัง ห่วงหา แสนอาทร
เป็นห่วงจัง ยังเรา เฝ้าไต่ถาม
ทุกโมงยาม ใจเรา เฝ้าออดอ้อน
อยากฝากเดือน ฝากดาว ให้เว้าวอน
มีทุกข์ร้อน สุขใจ อย่างไรกัน
สายลมเงียบ เยียบเย็น ไม่เป็นมิตร
สักน้อยนิด แบ่งใจ ได้ไหมนั่น
หากสงสาร วานช่วย ด้วยแบ่งปัน
ฟากฟ้านั้น บอกเธอ ข้าเหม่อลอย
เหลือบแลดาว ระยิบ กระพริบแสง
ช่วยอีกแรง บอกเขา ข้าเหงาหงอย
อีกหนึ่งนั้น จันทรา ตั้งตาคอย
อย่าหนีถอย ทิ้งเรา ให้เหงาเลย
คนกรุงศรี ฯ
๒๔/๓/๒๕๕๕
20 มีนาคม 2555 22:07 น.
คนกรุงศรี
เคยอยู่นา ป่าเขา ลำเนาหนอง
มีบึงคลอง ทิวไผ่ ไร่นาสวน
ต้องขุดดิน เผาถ่าน หว่านไถพรวน
ฟังเพลงครวญ ขลุ่ยแผ่ว ดังแว่วมา
บ้านมุงจาก ฟากทำ ด้วยลำไผ่
จุดขี้ไต้ ไล่ยุง พร้อมหุงหา
กินน้ำพริก ผักต้ม แกงส้มปลา
มีชีวา อยู่สุข มิทุกข์ใจ
พอขายนา มาเมือง เรื่องจึงยุ่ง
เริ่มเฟ้อฟุ้ง รุ่งเรือง ที่เมืองใหญ่
อยู่ตึกราม ระฟ้า อ่าอำไพ
สุดวิไล ในกรุง ลืมทุ่งนา
ตกคืนค่ำ แสงสี ที่วิจิตร
ใช้ชีวิต กลางคืน ชื่นนักหนา
ทั้งดื่มกิน เที่ยวเตร่ และเฮฮา
ลืมที่มา ของตัว เริ่มมัวเมา
มีเพื่อนหลาก มากมาย คบหลายหน้า
สุขอุรา ช่วยให้ ได้คลายเหงา
พอหมดเงิน บ่ายเย็น ไม่เห็นเงา
เริ่มซบเซา ขัดสน คนไม่มอง
คนบ้านนา ฟ้าเมืองหลวง ทรวงชอกช้ำ
ต้องระกำ เหตุใด ไร้สมอง
เก็บเงินเก่า ก้อนสุดท้าย ที่ขายทอง
แล้วลอยล่อง กลับนา มาถิ่นเดิม
คนกรุงศรี ฯ
๑๗/๓/๒๕๕๕
18 มีนาคม 2555 22:42 น.
คนกรุงศรี
ใครคนหนึ่ง ซึ่งร้าง เธอห่างหาย
มิกล้ำกราย เยี่ยมเยือน เหมือนเมื่อก่อน
เราเฝ้าถาม ตามหา ด้วยอาทร
รอเธอย้อน เยียนบ้าง สักครั้งครา
เมื่อจากไกล ใจหาย มิวายคิด
ว่าไร้สิทธิ์ แหนหวง หรือห่วงหา
จึงกังวล หม่นไหม้ ในอุรา
มากเกินกว่า ความจริง สิ่งที่ควร
ความในใจ ไม่กล้า เอามาเผย
ถ้าจะเอ่ย ออกไป คงไห้หวน
เก็บงำไว้ จนใน ใจรัญจวน
ทุกคำล้วน อยากบอก ออกจากใจ
ส่งข่าวสาร ผ่านฟ้า หากว่ารู้
ว่ามีผู้ คอยจน ถึงหม่นไหม้
สัญญาเก่า เจ้าเหมือน ลืมเลือนไป
ยกเลิกได้ ภายหน้า มิมาทวง
แต่อยากบอก ตอกย้ำ ความรู้สึก
ว่าส่วนลึก ในใจ ให้แสนห่วง
หลากถ้อยคำ จำไว้ ใช่ลมลวง
ฝันทั้งปวง ยังบอก ว่าหลอกตน
รู้ว่าหวัง ลางเลือน ใจเตือนย้ำ
พบชอกช้ำ จำรับ กับเหตุผล
ถึงวันตรม ขมขื่น ฝืนใจทน
ปลอบกมล จนกว่า มันชาชิน
คนกรุงศรีฯ
17 มีนาคม 2555 21:56 น.
คนกรุงศรี
เมื่ออยู่นา ป่าเขา ลำเนาหนอง
ลงบึงคลอง งมปลา เป็นอาหาร
กับปลูกผัก หักไม้ ไว้ใช้งาน
ทั้งเผาถ่าน ขุดเผือกมัน แบ่งกันกิน
ถึงหน้านา กล้าหว่าน งานเริ่มต้น
เหมือนทุกคน มุ่งหน้า หาทรัพย์สิน
ขอแรงควาย ช่วยฟื้น พลิกผืนดิน
พอฝนริน นำกล้า ดำนากัน
มีน้ำหล่อ กอใหญ่ อีกไม่ช้า
ทั่วท้องนา เขียวขจี เป็นสีสัน
วัชพืช รกมาก ถากถางมัน
เพลี้ยหนอนนั้น สมุนไพร ฉีดไล่ดี
ข้าวตกรวง น้ำลด ดูสดใส
มองออกไป ทุ่งทอง ดูผ่องสี
พอลมล่อง ร่วมงาน กันอีกที
ของแรงพี่ น้องนำ มารำเคียว
จะลงแขก พอบอก ออกร่วมด้วย
หนุ่มสาวสวย แข็งขัน ช่วยกันเกี่ยว
เพลงกังวาน บ้านนา น่าฟังเชียว
บทเพลงเกี้ยว แก้กัน นั้นลอยลม
บนลานนวด ควายย่ำ เดินนำหน้า
ข้าวจากนา เข้าฉาง ช่างสุขสม
ฟ้าบ้านนอก คนบ้านนา น่าชื่นชม
ความทุกข์ตรม สักครั้ง ยังไม่เคย
คนกรุงศรี ฯ
๑๖/๓/๒๕๕๕