28 พฤษภาคม 2554 23:07 น.
คนกรุงศรี
เคยเข้าออก ซอกซอย คอยประจบ
เที่ยวดักพบ ผู้คน บนวิถี
ทักพ่อขาย แม่ค้า ชวนพาที
มอบไมตรี มีน้ำใจ ให้ผู้คน
อยากรับใช้ พี่น้อง ทั้งผองนะ
เจอไหว้ดะ เรื่อยไป มันได้ผล
หน้านั้นยิ้ม แย้มรับ กับทุกคน
เดินดั้นด้น ป้อยอ ขอคะแนน
ช่างอ่อนน้อม ถ่อมตน คนเรียบร้อย
ปากไม่พร่อย วาจา มิกล้าแก่น
มองเป้าหมาย ดังเด่น เป็นผู้แทน
หวังนั่งแท่น ยิ่งใหญ่ ในสภา
คะแนนเสียง ท่วมท้น หลายคนให้
ตำแหน่งใหม่ ร.ม.ต. รอข้างหน้า
คำที่เคย ยึดมั่น ลั่นวาจา
ก็ดูว่า มันเหมือน จะเลือนลาง
กิริยา ท่าที มีอำนาจ
อวดเก่งกาจ ถือตัว ฟาดหัวหาง
อัธยาศรัย แบบเดิม เริ่มเจือจาง
ความกระด้าง ก้าวร้าว เข้าครอบงำ
มาดมันแปลก แตกต่าง ห่างวันก่อน
ผิดกับตอน มาหา แหมน่าขำ
มาดวันนี้ จงรู้ มาดผู้นำ
จะกล่าวคำ ใดใด ไม่เหมือนเดิม
28 พฤษภาคม 2554 22:44 น.
คนกรุงศรี
ข่าวโลกแตก แยกยับ ดับสูญแน่
หาทางแก้ อย่างไร ก็ไร้ผล
มีดาวเคราะห์ มันมุ่ง จะพุ่งชน
พืชสัตว์คน ทุกถิ่น คงสิ้นพันธ์
อีกไม่นาน แล้วหนอ โลกก็ดับ
จงเตรียมปรับ จิตใจ ไม่โศกศัลย์
เวลาที่ มีเหลือ เอื้อเฟื้อกัน
อีกเจ็ดวัน เราหนอ มรณา
แขกข้างบ้าน โกรธกัน มันมาเยี่ยม
สงบเสงี่ยม ไมตรี ดีนักหนา
อีกยายเป้า ปากร้าย ได้สมญา
กลับพูดจา ไพเราะ เสนาะจัง
เป็นหนี้เพื่อน หลายพัน มันยกให้
มิเป็นไร ไว้มี เอาทีหลัง
ไม่ได้ส่ง ค่าแชร์ แม่บุญยัง
ขาดสองครั้ง ดูท่า ว่าไม่เอา
แต่เหตุการณ์ พลิกผัน วันที่เจ็ด
เพราะสะเก็ด ดาวแยก แตกเป็นเถ้า
ไม่มีสิ่ง ใดหล่น ชนโลกเรา
ทุกอย่างเข้า สภาพ กลับที่เดิม
แขกข้างบ้าน พูดเปรย ทำเย้ยเยาะ
คนปากเปราะ ยายเป้า ก้เข้าเสริม
เจ้าเพื่อนเกลอ เจอหน้า ว่าต่อเติม
แล้วก็เริ่ม ทวงหนี้ ที่ค้างไง
แม่บุญยัง ครั้งนี้ ยืนชี้หน้า
บอกพรุ่งนี้ ต้องหา ค่าแชร์ให้
สรรพสิ่ง ดำเนิน เดินต่อไป
ผิดกันไกล กับวาน ที่ผ่านมา
26 พฤษภาคม 2554 22:29 น.
คนกรุงศรี
นิทานกลอน สอนใจ เล่าไว้ว่า
มีไก่ป่า ฝูงใหญ่ อยู่ชายเขา
เจ้าหัวหน้า กล้าแข็ง แกร่งไม่เบา
สีเหลืองเลา แต่ชรา อายุยืน
เรียกประชุม ครั้งใหญ่ เหล่าไอโต้ง
เรามีโครง การใหญ่ อย่าได้ฝืน
จะเลือกตั้ง หัวหน้ากัน วันมะรืน
หลายตัวตื่น ตำแหน่ง ต้องแข่งกัน
เป็นผู้นำ ต้องเก่งกาจ สามารถสม
น่าชื่นชม อ่อนละมุน ไม่หุนหัน
การเลือกตั้ง ย้ำเน้น เป็นสำคัญ
หลังคัดสรร รอบสอง ต้องชิงชัย
วางสังเวียน วงใหญ่ ไว้ทดสอบ
ตามระบอบ ว่ามัน ทันสมัย
ผลของการ ประลอง หายข้องใจ
ใครชอบใคร เดิมพัน กันแพงแพง
เหลืองน้ำข้าว เข้ามา ตั้งท่าสู้
เจ้าประดู่ หางดำ สุดกำแหง
จิกแล้วแตะ ดุเดือด จนเลือดแดง
ผู้แข็งแกร่ง มีชัย ไร้เทียมทาน
กระพือปีก บินปร๋อ โก่งคอขัน
ตัวข้านั้น ยิ่งใหญ่ ใครต่อต้าน
ยอดจอมปลวก โผขึ้น ยืนตระการ
เหยี่ยวบินผ่าน โฉบกลับ จับไปกิน
21 พฤษภาคม 2554 23:36 น.
คนกรุงศรี
สวนหน้าบ้าน ลานกว้าง ยังร้างรก
ต้นหญ้าปก คลุมอยู่ ดูไม่สม
ถากถางออก หมดสิ้น ดินอุดม
คงรื่นรมย์ ถ้าได้ พันธ์ไม้งาม
คิดจะปลูก ต้นรัก เพียงสักกิ่ง
แสนยากยิ่ง อย่างไร เที่ยวไต่ถาม
เห็นเพื่อนบ้าน ปลูกไว้ มิได้ความ
เพียงสองสาม เดือนเล่า รักเฉาไป
อยากทดลอง ดูบ้าง เหมือนอย่างเขา
ต้องนั่งเฝ้า เลือกสรร รักพันธ์ใหม่
เพ่งพินิจ คิดนาน มองการณ์ไกล
ก็สมใจ ได้ต้นหนึ่ง จึงนำมา
ดินที่สวน ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยเพิ่ม
รดน้ำเสริม ยอดแยก แตกสาขา
ความจริงใจ ให้กัน วันเวลา
ความห่วงหา อภัย เข้าใจกัน
วัชพืช ขึ้นพัน ตัดมันทิ้ง
รักหลายกิ่ง ผลิดอก ออกสีสัน
แมลงภู่ ผึ้งล้อม ตอมทุกวัน
หนอนเพี้ยนั้น มิกล้า มากัดกิน
เฝ้าถนอม กล่อมเกลี้ยง เยี่ยงชีวิต
จึงวิจิตร คิดค่า กว่าทรัพย์สิน
คนเห็นชม ชื่นใจ ได้ยลยิน
รักมิสั้น อยู่ไป หลายสิบปี
21 พฤษภาคม 2554 22:47 น.
คนกรุงศรี
พิรุณ ขาดสาย ปลายฝน
ลมวน พัดล่อง ต้องผิว
พฤกษา แกว่งไกว ใบปลิว
ละลิ่ว ร่วงลง คงคา
น้ำใส ไหลรวม ท่วมท้น
อุบล ปนมวล มัจฉา
แหวกว่าย สำราญ วิญญา
มองพา เพลินใน ใจเรา
หนาวลม อีกปี นี้หนอ
ใจคอ โดดเดี่ยว เหี่ยวเฉา
หม่นหมอง ไม่จาง บางเบา
เพราะเจ้า ลาร้าง ห่างไกล
จากลา หาฝืน คืนกลับ
เจ้าลับ อยู่แห่ง หนไหน
ทิ้งพี่ หงอยเหงา เศร้าใจ
ผ่านไป กี่ปี คลี่คลาย
เคยเคียง คู่กัน วันเก่า
รักเรา มิจาง ห่างหาย
วันนี้ พี่เปลี่ยว เดียวดาย
ใช่หมาย รักจาง ห่างเลย
น้ำค้าง ผสม ลมหนาว
ใจร้าว สุดเศร้า เจ้าเอ๋ย
น้ำตา เลาะปราง อย่างเคย
ชื่นเชย เมื่อวัน สัญญา