11 มิถุนายน 2553 23:24 น.
คนกรุงศรี
ก็เราเอ๋ย เคยเยาว์ เมื่อเก่าก่อน
พอนึกย้อน ตอนนั้น มันสุขี
อยู่ชายป่า นาไร่ ใกล้นที
เขียวขจี ร่มเย็น เห็นแนวไพร
ยลฟ้างาม ยามแจ้ง แสงทองทอด
ทาบทายอด ลิบลิ่ว ของทิวไผ่
หมู่วิหก กู่ก้อง บินล่องไกล
ประทับใจ ฝังจิต ยังติดตา
วสันต์ย่าง ฝนเยือน ร้อนเคลื่อนผ่าน
ฤดูกาล ตามกฏ กำหนดว่า
แม้ฝนแรง น้ำไม่ ท่วมไหลมา
เพราะผืนป่า ซับไว้ มิให้แรง
วันนี้หมอง มองหา ป่าไม่เห็น
กลับกลายเป็น ป่าปูน ไปทุกแห่ง
มีโรงงาน เคหา ราคาแพง
รถเรือแข่ง วิ่งไขว่ มากมายจริง
เมื่อฝนมา บ่ารวม มักท่วมมิด
ปลิดชีวิต ทำลาย ไปทุกสิ่ง
หลายชุมชน ไร้หลัก ที่พักพิง
นับวันยิ่ง ดูท่า แสนน่ากลัว
เพราะโลกร้อน เรานั้น มันคนสร้าง
เที่ยวถากถาง ทำลาย ไปจนทั่ว
พลังงาน ผลาญเผา อย่างเมามัว
กว่ารู้ตัว ดูท่า .....ว่าสายเกิน
11 มิถุนายน 2553 23:00 น.
คนกรุงศรี
เป็นลูกสาว ของพ่อ พวกก่อสร้าง
พ่อรับจ้าง ทั่วไป ไม่อยู่เฉย
เรื่องลำบาก ตรากตรำ ทำจนเคย
ใครเอื้อนเอ่ย งานใด ไม่เกี่ยงกัน
ลูกคนเดียว ตั้งใจ ให้ศึกษา
หวังภายหน้า เราสอง ต้องสุขสันต์
อนาคต ลูกหนอ พ่อเดิมพัน
จะฝ่าฟัน อุปสรรค จักอดทน
แบ่งเงินเก็บ เอาไว้ เหลือใช้สอย
แม้เล็กน้อย ยังดี มันมีผล
ไม่กินอย่าง คนอื่นเขา เพราะเราจน
พ่อหนูคน ประเสริฐ เลิศกว่าใคร
เพื่อนชวนพ่อ เข้าไป ในเมืองหลวง
แม้จะห่วง ลูกก็ พอทนไหว
เขารวมกัน ชุมนุม จับกลุ่มไง
ขอประชา ธิปไตย ที่ต้องการ
หลายเดือนผ่าน นานหนอ พ่อไม่กลับ
พ่อกำชับ เราไว้ ให้กล้าหาญ
กลับมาคง มีเงินไว้ ใช้ได้นาน
เห็นเหตุการณ์ เรื่องวุ่นวาย อยู่ในกรุง
เป็นห่วงพ่อ รอยัน ทุกวันนี้
ถามคนที่ พาไป ใจหมายมุ่ง
ขอประชา ธิปไตย ได้ไหมลุง
พ่องานยุ่ง หรือถึง.....จึงไม่มา