31 มกราคม 2553 23:50 น.

เดียวดาย

คนกรุงศรี

ในโลกกว้าง ย่างกราย หมายต่อสู้
        ยืนหยัดอยู่ ก้าวไป ให้ใกล้ฝัน
        อุปสรรค หนักล้น ทนฝ่าฟัน
        หวังสักวัน ฉันต้อง เลิกหมองตรม
โลกที่กว้าง ทางเดี่ยว แสนเปลี่ยวนัก
กับไร้หลัก ยึดเกาะ ที่เหมาะสม
ถือหางเสือ นาวา ท้าคลื่นลม
มีโศกซม เศร้าสุข เค้ลาคลุกกัน
         เพราะเกิดมา ไม่มี ดั่งที่คิด
         จะทวงสิทธิ์ จากใคร ที่ไหนนั่น
         หรือกรรมเก่า เฝ้าถาม ตามมาทัน
         ขอใช้มัน ให้สิ้น เรายินดี
แต่ใช้แล้ว ใช้เล่า กรรมเจ้าเอ๋ย
กระไรเลย หลายหลาก มากเหลือที่
ฤๅต้องใช้ ไปทั่ว ชั่วชีวี
แล้วจะมี วันใด ได้ลืมตา
         มองคนซึ่งพึ่งพา หวังอาศัย
         ขอแรงใจ ให้กัน เฝ้าฝันหา
         ปลอบสักหน่อย ค่อยฟื้น ชื่นชีวา
         แค่รู้ว่า ห่วงใย ใจชื่นบาน
ใครเมตตา ดอกแก้ว แล้วอย่าเฉย
เพียงเอื้อนเอ่ย วจี มีคำขาน
เพราะว้าเหว่ เดียวดาย ในดวงมาน
ขอเศษทาน น้ำใจ.........ใครปรานี

                         ดอกแก้ว  ดวงฤทัย
                        กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา				
31 มกราคม 2553 23:13 น.

นิทานขรัวตา หีบสมบัติ

คนกรุงศรี

นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้
  อยากบอกให้ หลานฟัง ใช่สั่งสอน
  จึงร้อยเรียง ลำนำ เป็นคำกลอน
  อุทาหรณ์ ย้อนคิด สะกิดใจ
              เรื่องพ่อค้า ตาแก่ แพ้สังขาร
              มีลูกหลาน รอบตัว ครอบครัวใหญ่
              สมบัติน้อย ค่อยสรร แบ่งกันไป
              เพียงขอให้ ดูแล ก่อนแกตาย
 แต่ยังมี หีบใหญ่ อีกใบหนึ่ง
 เป็นของซึ่ง เหลือที่ มีความหมาย
 มักเห็นแก เอาตั้ง วางข้างกาย
 ชิ้นสุดท้าย เก็บไว้ มอบใครดี
              คล้องกุญแจ ปิดผนึก ดูลึกลับ
              พร้อมกำชับ แน่นหนา ว่าของนี่          
              หากว่าพ่อ ต้องตาย วายชีวี
              เจ้าคนที่ ดูแล แกเอาไป
 ลูกทั้งหมด เลี้ยงดี มีความรัก
 เฝ้าฟูมฟัก จนบรรลุ อายุขัย
 เมื่อพ่อตาย หวังสมบัติ งัดเร็วไว
 หินก้อนใหญ่ กับจดหมาย ลงลายมือ
              พ่อมีสุข สบาย ก่อนตายสิ้น
              เพราะว่าหิน ก้อนนี้ ที่เจ้าถือ
              ไม่มีมัน พ่อนั้น จะสุขฤๅ
              มันก็คือ ทรัพย์ที่ .....มีราคา				
29 มกราคม 2553 23:38 น.

อยู่กับเหงา

คนกรุงศรี

ตะวันลอย คล้อยต่ำ ใกล้ค่ำแล้ว
                          ก่อนเคยแว่ว กังวาล เสียงหวานใส
                          มีทุกข์สุข ถามทวง ด้วยห่วงใย
                          กำลังใจ ให้กัน ทุกวันมา
                   สอนให้เดิน ทางดี มีความหมาย
                   รู้สบาย เราก็ พอหรรษา
                   หากป่วยไข้ ติดตาม ถามหยูกยา
                   มินำพา หาหมอ พอบรรเทา
                          เปี่ยมด้วยรัก และศรัทธา มากค่ายิ่ง
                          หลากหลายสิ่ง มุ่งมอบ ปลอบยามเหงา
                          สุขอยู่ใน โลกของ เพียงสองเรา
                          มินานเนา กาลเปลี่ยน หมุนเวียนไป
                   ณ วันนี้ ไร้เสียง สำเนียงขาน
                   ถ้อยคำหวาน อยู่หน ตำบลไหน
                   อยากจะหลอก ตนเอง ก็เกรงใจ
                   มันแสนไกล กับวาน ที่ผ่านเลย
                          ฤทัยเปลี่ยว เดียวดาย ยากคลายนัก
                          ท้อใจหนัก ตัวข้า นิจจาเอ๋ย
                          ยิ่งหวนถึง ถ้อนคำ พร่ำภิเปรย
                          น้ำตาเคย รินแต้ม สองแก้มชาย
                   อยู่อย่างคน ทนทุกข์ สุขเลือนลับ
                   อยู่กันกับ ความเหงา เศร้ามิหาย
                   เหมือนฤทัย ใจจะ มอดมลาย
                   วันจะคลาย ทุกข์นี้........จะมีฤๅ				
29 มกราคม 2553 22:39 น.

วันแห่งความรัก

คนกรุงศรี

จากวันนั้น ถึงวันนี้ สามปีผ่าน
ความร้าวราน อ้างว้าง มิจางหาย
มองความหลัง ครั้งเก่า เศร้ามิวาย
มันดูคล้าย วันวาน ที่ผ่านมา
     กุหลาบแดง เคยรับ กับคำรัก
     มันแน่นหนัก สมหมาย ดั่งใฝ่หา
     แม้จะน้อย ถ้อยคำ จำนรรจา
     แต่คุณค่า จิตใจ สิ่งใดปาน
สุขด้วยรัก จริงแท้ แน่ครานั้น
มิเปลี่ยนผัน แม้เวลา จะพาผ่าน
ดอกไม้เก่า เราถนอม ออมอยู่นาน
แต่ด้วยกาล เวลา พาเฉาไป
     กุหลาบแดง วันนี้ ไม่มีแล้ว
     ยินเสียงแว่ว หลอนกมล จนหมองไหม้
     หวนคิดถึง ความหลัง มาครั้งใด
     น้ำตาไหล รินหยด รดสองปราง
ความรู้สึก อย่างไร ใครเล่ารู้
ซ่อนซุกอยู่ เปรียบเหมือน เพื่อนเคียงข้าง
รอเวลา ช่วยบรรเทา ให้เบาบาง
สามปีจาง สักครึ่ง มิถึงเชียว
     วันความรัก รักพี่ยังมีให้
     บอกคนไกล ใจเจ้า อย่าเปล่าเปลี่ยว
     จะชาตินี้ ชาติไหน มิคลายเกลียว
     เธอคนเดียว เท่านั้น ฉันอาวรณ์				
29 มกราคม 2553 00:07 น.

นิทานขรัวตา พังพอนเลี้ยงลูก

คนกรุงศรี

นิทานเก่า เล่ามา เมื่อคราก่อน
      มีพังพอน ตัวเขื่อง เชื่องนักหนา
      สองผัวเมีย เขาเลี้ยง เคยงลูกยา
      ทุกครั้งพา ไปไหน ใจเบิกบาน
เขาทำไร่ ไถนา คราเก็บเกี่ยว
ลูกคนเดียว ปล่อยไว้ อยู่ในบ้าน
พังพอนเฝ้า คอยดู อยู่นอกชาน
ใครรุกราน มิให้ เข้าใกล้กาย
       พอนายมา ขากลับ รับอาหาร
       ดูเบิกบาน สุขสม อารมย์หมาย
       ทั้งสองคน หมดห่วง เรื่องลูกชาย
       เป็นสหาย ช่วยกัน หลายวันเดือน
พอวันหนึ่ง กลับมา จากนาไร่
เจ้าพังพอน คู่ใจ อยู่ไหนเพื่อน
ยินเสียงลูก ร้องไห้ อยู่ในเรือน
เลือดนั้นเปื้อน ทั่วชาน บ้านของตน
        เจ้าพังพอน ออกมา ท่าเหนื่อยอ่อน
        ขนเปียกปอน เลือดแดง ทุกแห่งหน
        มันกัดลูกทำไม ใจร้อนรน
        มิทันยล สิ่งใด คว้าไม้ตี
เจ้าพังพอน นอนแผ่ มันแน่นิ่ง
ส่วนเมียวิ่ง เข้าห้อง มองถ้วนถี่
เห็นลูกชาย ของนาง ดูยังดี
ด้านข้างมี งูเห่าตาย.....ตัวใหญ่เชียว				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี