เรือลำน้อย ลอยคว้าง กลางสมุทร จะสิ้นสุด ท่าไหน ไม่รู้แน่ ขาดหางเสือ ลอยคว้าง มิต่างแพ มีเพียงแต่ มโนธรรม ใช้นำทาง
ทะเลไกล คล้ายดง เป็นพงรก เช่นป่าปรก โขดเขิน เนินกั้นขวาง โลกมายา อยู่ท่าม ความอำพราง ทุกก้าวย่าง เหยียบย่ำ สุดคำนวณ
รู้ชีวิต ผิดผัน ฉันวิตก จึงหยิบยก ความนัย ขึ้นไต่สวน มองความดี มีอยู่ อย่างคู่ควร ภายในล้วน ทองเนื้อเก้า ของเจ้าเอง
คอยประคอง นาวา ท้าลมฝน เปรียบต้นหน นำทาง อย่างรีบเร่ง พายุโหม โรมรัน มิหวั่นเกรง ไม่คว้างเคว้ง ลากจูง มุ่งตามลม
สุขหลายส่วน รวมไว้ ในชีวิต ฟ้าลิขิต กรรมพา มาผสม ในเสี้ยวแห่ง ชีวี มีชื่นชม ทุกข์กับตรม ปนปะ เคล้าคละกัน
ไปไม่ถึง ซึ่งฝั่ง ช่างท้อแท้ ต้องพ่ายแพ้ ชะตา พาผกผัน รักซาบซึ้ง ซื่อตรง คงกระพัน แต่สุขสันต์ หลายเมื่อ…… ก่อนเรือจม
คิดถึง จึงตาม ถามหา เพราะว่า คนหนึ่ง ซึ่งห่วง เรื่องราว คราวหลัง ทั้งปวง ทุกช่วง ยึดย้ำ จำความ
มิลืม เมื่อครั้ง คราวก่อน ออดอ้อน ล้อเลียน เพียรถาม เรียงร้อย ถ้อยคำ นำความ นิยาม ผูกพัน กันมา
หายห่าง ร้างไป ให้หม่น ลืมคน แก่เก่า เฝ้าหา สักถ้อย ร้อยรส พจนา รู้ว่า สุขี ดีใจ
แม้เศร้า เหงาหมอง ครองหม่น อย่าทน ช่วยวาน ขานไข เล่าแจ้ง แจงผล คนไกล ช่วยได้ ไม่ขอ รอรี
ฝากลม ฝากฝน บนฟ้า ช่วยข้า นั้นได้ ไหมนี่ ตามหา เขาด้วย ช่วยที คนนี้ ถามทวง ห่วงใย
อยากบอกจัง ยังไง จึงใจกล้า จะบอกว่า รักเธอ แต่เก้อเขิน มันอึดอัด ตันใน ใจเหลือเกิน จะก้าวเดิน ต่อไป อย่างไรดี
ต้งสติ ไม่หวั่น มั่นใจนัก หาคำรัก หวานซึ่ง ซึ้งเหลือที่ สูดหายใจ อีกครั้ง ความหวังมี เถอะวันนี้ พธู จะรู้ใจ
แต่พอจริง จังเข้า เราหวั่นหวาด ปากมิอาจ เผยอ บอกเธอได้ เสียงตึกตัก เต้นรู้ อยู่ภายใน กับเหงื่อไหล ซึมมา เต็มฝ่ามือ
พอพบหน้า อ้าปาก อยากจะบอก พูดไม่ออก คำรัก มันหนักอื้อ พูดอ้อมแอ้ม อกมา ว่าคือคือ แล้วทำกื๋อ หลบตา และหน้าแดง
บอกด้วยปาก ยากจัง ช่างหน่วงหนัก จึงสลัก อักษร เป็นกลอนแต่ง สรรหาถ้อย ร้อยวลี มาชี้แจง มิแอบแฝง สิ่งใด ในใจตน
ก็เธอหนึ่ง ซึ่งเรา เฝ้าห่วงหา หลายครั้งครา พาใจ ให้สับสน เคยแอบหึง หวงใน ใครบางคน จึงเจียมตน เตรียมใจ ไม่....ทะเยอทะยาน
ด้วยใจยัง กังวล ปนวิตก มันเวียนวก วุ่นวาย ให้สับสน ตัดสินใจ ไม่ขาด อาจกังวล เหมือนเป็นคน สองใจ ไม่มั่นคง
หนึงก็รัก ปักใจ ไม่อาจทิ้ง หนึ่งก็ยิ่ง ห่วงหา ดั่งว่าหลง ต้องเลือกหนึ่ง ทิ้งหนึ่ง จึงพะวง ยากเจาะจง เจ็บใจ ปวดในมาน
ช่างกระไร ใจหนอ ชอบก่อเรื่อง จะโกรธเคือง ผลักใส ให้สงสาร ก็เคยสั่ง และสอน แต่ก่อนกาล แม้ว่าขาน อย่างไร ก็ไม่จำ
มันน่าชิง น่าชัง คนช่างรัก ปากหวานนัก วาจา เหมือนน่าขำ แต่พูดจริง จากใจ ในทุกคำ ร้อยลำนำ ฝากให้ ใครระวัง
วสันต์เยือน เดือนเจ็ด โปรยเม็ดฝน จากเบื้องบน ดั่งฟ้า น้ำตาไหล อึกทึก กึกก้อง ร้องไปไกล คงปวดใจ โศกา แสนอาดูร
หรือฟ้าเศร้า เหงาใจ ไร้คนปลอบ คนที่ชอบ ลาลับ เหมือนดับสูญ มันมากจน ล้นปรี่ ทวีคูณ เพราะเพิ่มพูน แต่ช้ำ ระกำทรวง
ยังนั่งจ้อง มองฟ้า คราใกล้ค่ำ เมฆเทาดำ คลุมหนา จนน่าห่วง เสียงครืนดัง ฟังว่า มาถามทวง เหตุการณ์ล่วง ผ่านมา อย่าลืมเลือน คำสัญญา หน้าฝน เธอคนนั้น ตอนจากกัน มันเหงา เศร้าใดเหมือน บอกหน้าฝน ปีหน้า จะมาเยือน หลายปีเดือน ยังหวัง ตั้งตาคอย
เย็นสายฝน จนสั่น มันสุดหนาว แม้ปวดร้าว แต่ใจ ไม่ถดถอย มองน้ำฝน หล่นมา นั่งตาลอย น้ำตาย้อย แอบสะอื้น คืนเดียวดาย