จากวันนั้น ถึงวันนี้ ที่ผันผ่าน มันเนิ่นนาน เกินไป หรือไรหนอ ความลึกซึ้ง ตรึงใจ เหลือไม่พอ หรือทดท้อ ยากจำ จนทำใจ ลืมความหลัง ครั้งก่อน มิย้อนคิด เพียงสักนิด ถ้อยคำ จำได้ไหม คนหนึ่งเหมือน เพื่อนพี่ ที่อยู่ไกล ยังห่วงใย ใฝ่หา ด้วยอาทร หรือป่วยไข้ ไม่สบาย จึงหายห่าง หรือไม่ว่าง งานหนัก อยากพักผ่อน หรือมีใคร อื่นเขา คอยเว้าวอน เบื่อบทกลอน เคยมอบ โต้ตอบกัน สักนิดหนึ่ง ได้ไหม บอกให้รู้ ถ้าสุขอยู่ ยินดี ที่สุขสันต์ แม้ทุกข์ท้อ ขอด้วย ช่วยแบ่งปัน คิดถึงกัน อยู่ไหม ...อยากให้แจง คนกรุงศรี ฯ
เอกราช จะมิให้ ใครข่มขี่ ทุกพื้นที่ เขตแดน สุดแหนหวง ท่านปู่ย่า สั่งไว้ ให้ถามทวง ถ้าใครล่วง ล้ำมา ไล่ล่ามัน
อธิปไตย ของข้า รักษาไว้ ความตั้งใจ แน่วแน่ มิแปรผัน แม้เหตุการณ์ พ้นผ่าน มานานวัน ต้องบุกบั่น กอบกู้ สู้ไม่เกรง
สละเลือด ทุกหยาด เพื่อชาติอยู่ เป็นนักสู้ ใครกล้า มาข่มเหง แผ่นดินเท่า รอยตีนไก่ ต้องใช้เอง ให้รีบเร่ง ทวงคืน ผืนดินไทย
ดินแดนเรา เรารักษา เป็นหน้าที่ อุดมดี พืชพันธ์ อันยิ่งใหญ่ ป่าที่เขียว ชอุ่ม พุ่มพงไพร เราตัดไม้ ใช้งาน ผลาญสบาย
หลายป่าป่น โค่นกัน จัดสรรที่ นายทุนมี เงินหว่าน มานานหลาย ทรัพยากร ค่าล้ำ ถูกทำลาย ป่าเรากลาย เป็นดินแดน แสนกันดาร
ทวงแผ่นดิน มาไว้ เพื่อใช้สอย จะเล็กน้อย เท่าไร อย่าไขขาน เลือดรักชาติ มีมา แสนช้านาน เราต้องการ ดินแดนเรา รีบเอาคืน
คนกรุงศรี ฯ กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
อยากกลับบ้าน ย่านเก่า ที่เราจาก
คิดถึงมาก มัวหม่น จนเศร้าหมอง ไปอีกครั้ง หวังเห็น เช่นใจปอง
เพื่อเหลียวมอง ความหลัง ครั้งก่อนลา
บ้านมุงจาก ฟากทำ ด้วยลำไผ่
ด้านทิศใต้ ใกล้คุ้ง ริมทุ่งหญ้า เคยมีลาน ลอมฟาง ข้างคันนา
กระดังงา กอแก้ว เป็นแนวกัน
แคร่ไม้ไผ่ ใต้สะเดา ตัวเก่าก่อน
มันผุกร่อน หักลง มิคงมั่น เมื่อวันเก่า เราหนอ นั่งรอจันทร์
พอตะวัน ลับลา ดาราพราย
แลจันทร์เรียว เกี่ยวฟ้า ขึ้นห้าค่ำ
แล้วลอยต่ำ ลงมา ลับตาหาย เหมือนลมเหนือ พัดล่อง ต้องผิวกาย
กลิ่นกำจาย กระดังงา ยามราตรี
เคยอยู่เรียง เคียงเจ้า ครั้งเก่านั้น
ปัจจุบัน เลือนหาย มลายหนี ภาพความหลัง ครั้งเก่า เราเคยมี
แต่วันนี้ เป็นตำนาน ร้าวราญใจ
จึงจากนา มาเมือง ลืมเรื่องเก่า
หวังว่าเศร้า อาจลด หมดลงได้ กับแอบหวัง เลือนราง ว่าบางใคร
จะช่วยให้ หายช้ำ....ลืมตำนาน
ณ มุมหนึ่ง ของใจ ใครคนนี้
แน่ยังมี เธออยู่ เป็นคู่ขวัญ แม้อยู่ห่าง ต่างแดน แสนไกลกัน
ณ มุมนั้น มีเรา เข้าครอบครอง
ณ มุมหนึ่ง ของใจ คนไหวอ่อน
อย่าร้าวรอน หม่นไหม้ หรือใจหมอง แล้วมุมนี้ สองใจ เราหมายปอง
ก็มิต้อง ปวดร้าว เหน็บหนาวใจ
ณ มุมหนึ่ง ถ้าหวั่น พบวันล้า
คำสัญญา ยังมั่น มิหวั่นไหว ฝากดวงมาน ผ่านมา บนฟ้าไกล
แล้วก้าวไป เคียงคู่ จะอยู่เคียง
มองเรือรักษ์ อักษรา คราวันนี้ มากพื้นที่ ว่างเปล่า ดูเศร้าสร้อย ไร้คนถือ หางเสือ ปล่อยเรือลอย แล่นอ่อยอ่อย ด้วยใบ ไม่กินลม
เหมือนวังเวง เคว้งคว้าง กลางสมุทร์ มองหาจุด มิมี ที่เหมาะสม พบพายุ ข้างหน้า อาจพาจม เกรงจะล่ม อัปปาง ช่างเดียวดาย
เชิญมิตรรัก นักกลอน ที่นอนเปล่า มาเร็วเข้า ปล่อบปละ อาจจะสาย เรามารวม ร่วมด้วย ช่วยกันพาย และถือท้าย ดูร่องน้ำ นำวารี
แล่นให้ถึง ซึ่งฝั่ง ตามตั้งมั่น มาร่วมกัน ปกปักษ์ ด้วยศักดิ์ศรี เพราะเมืองไทย ไม่อาจ ขาดกวี แล้ววันนี้ ไยหลับ ดั่งลับลา
เร็วตื่นเถิด นักกลอน อย่านอนเขลง ร่วมบรรเลง ลวดลาย ร่ายภาษา ลุกเถอะลุก ปลุกระดม คมปากกา ภูมิปัญญา ยังมี ไยรีรอ
อย่าขาดเขลา เราใคร คนไทยแท้ คงจะแย่ แม้ไทย ไม่เหลือหรอ วรรณศิลป์ สิ้นสาย อายเหล่ากอ อย่าทดท้อ เทใจ ไปด้วยกัน