ตะวันลอย คล้อยบัง เขาฝั่งโน้น
นั่งอยู่โคน สะเดา ต้นเก่าแก่
จะรับลม ชมฟ้า ตั้งตาแล
อยู่บนแคร่ ไม้ไผ่ ใต้เงาบัง
มองดูเงา เขาทอด ตลอดทุ่ง
แดดแรงพุ่ง ข้ามฟ้า มาอีกฝั่ง
ลมทุ่งพัด ยอดสน จนเสียงดัง
เสียงด้านหลัง รู้ว่า กากลับคอน
ท้องฟ้ามัว ท่ั่วไป แต่ปลายฟ้า
แสงด้านหน้า ยังมี แต่สีอ่อน
เรไรร้อง รับกัน เป็นขั้นตอน
ตะวันจร ดวงดาว ก็พราวพราย
คืนขึ้นค่ำ เดือนเรียว เกี่ยวกิ่งฟ้า
มินานลา ลับไป แล้วใจหาย
มองออกไป ไต้แดง แสงประกาย
ดูเหมือนคล้าย ดารา ลงมาดิน
เสียงขลุ่ยผิว ลิ่วมา ใครหนาเป่า
บทเพลงเศร้า เหงาใจ ให้ถวิล
ดั่งรื้อฟื้น ความหลัง ที่ฝังจินต์
เมื่อได้ยิน ทุกครา พารัญจวน
ขลุ่ยสะดุด หยุดไป กลับไหวหวั่น
ถาพครั้งนั้น ผุดมา พาไห้หวน
เสียงแสกร้อง ก้องดัง ดั่งใจครวญ
ทุกอย่างล้วน เย้ยให้ ...ใจระทม
ห้องแถวเก่า คร่อมลำ น้ำคลำข้น
เราอีกคน เข้ามา พักอาศัย
เพราะค่าเช่า เบาบาง ช่างพอใจ
มิกว้างใหญ่ แต่ก็ พอซุกตน
นาฬิกา เสียงดัง ตั้งให้ปลุก
ต้องรีบลุก เร็วไว หลายเหตุผล
เพราะภาระ หน้าที่ มีทุกคน
เหมือนร้อนรน ขวนขวาย ให้ทันการ
เดินลัดเลาะ พ้นตรอก ออกถนน
เห็นหลายคน เดินไขว่ มิไขขาน
ทั้งเสียงรถ ควันดำ สุดรำคาญ
รถโดยสาร มาคัน ขึ้นกันกรู
ต้องรีบแหวก แทรกเขา เราขึ้นก่อน
อากาศร้อน อบอ้าว แม้เช้าตรู่
รถขยับ ทีละนืด ติดน่าดู
จะไปสู่ จุดหมาย เมื่อไรกัน
งานที่รอ ก่อสร้าง อยู่ข้างหน้า
ซื้อข้าวมา เทใส่ ลงในขัน
เรารีบเปิบ เร็วไว ต้องให้ทัน
เจ้านายนั้น ยืนมอง ร้องเรียกมา
รีบดื่มน้ำ เกือบสำลัก พักไว้ก่อน
รีบหยิบค้อน คู่ใจ วิ่งไปหา
งานที่ทำ ต้องให้มัน ทันเวลา
อย่าคิดว่า จะได้พัก ...ซักนาที
เสียงไก่กู่ ก้องมา ก่อนฟ้าสาง
เห็นลางลาง ลิบลิ่ว แนวทิวเขา
สายลมผ่าน ลอยล่อง ต้องกายเรา
อากาศเช้า หนาวหนอ พาท้อใจ
เหลืองแดงราด ระบาย ที่ปลายฟ้า
ดวงดารา ระยิบ กระพริบไหว
เมื่อแสงทอง ส่องฟ้า จึงลาไกล
แล้วอุทัย สาดจ้า เยือนฟ้าคราม
วสันต์ลา ฟ้าใส ไร้เมฆฝน
เสียงยอดสน หวีดไหว ใจวาบหวาม
ข้าวใบเรียว เขียวดู ลู่ลมตาม
นี่ก้าวข้าม เข้าวัน เหมันต์ยือน
ใบไผ่ปลิว ลิ่วล่อง ลงคลองขอด
กาเหว่าทอด เสียงปู๋ กู่หาเพื่อน
เหมือนบอกว่า ความหวัง นั้นลางเลือน
สุดสะเทือน หัวใจ เมื่อใดฟัง
แลลิบลิ่ว ริ้วทอง ของหมู่สงฆ์
ลัดเลาะตรง ข้ามนา มาอีกฝั่ง
ตะวันจ้า ฟ้าใส ไร้เงาบัง
ยินเสียงดัง นกเขา เจ้าขันคู
สงบเงียบ เรียบง่าย บ้านชายทุ่ง
มิเฟื้อฟุ้ง ฝันใฝ่ ไปเมืองหรู
ใช้ชีวิต พอเพียง เลี้ยงกายดู
แต่ขาดผู้ รู้ใจ ...หวั่่นไหวจริง
เหมือนโกรธกัน หันหลัง บังใบหน้า
อยากรู้ว่า สวบใส หรือไม่เล่า
สักนิดเดียว เหลียวหน้า มาหาเรา
มีคนเขา ข้องใจ หวังได้ยล
อยากมองตา ว่าใจ ดีไหมหนอ
แม้คอยรอ เมื่อไร จะได้ผล
ต้องคัดสรร วรรณกวี ที่มีมนต์
เสกให้คน นี้นั้น หันมาที
ปล๑ ...ล้อเล่น
ปล๒ ..จริงได้ก็ดี
ปล๓... ดีใจ
ปล๔.. ขอบคุณ
หลับตาตรอง มองไกล ในความฝัน
คิดถึงวัน จะถึง ซึ่งคอยท่า
หยุดทำการ งานที่ เคยมีมา
ปลดปัญหา เร้าสุม รุมฤดี
แว่วเสียงไก่ ใกล้รุ่ง สะดุ้งตื่น
ออกมายืน รับลม ชมแสงสี
ขอบฟ้าเจือ เรื่อแดง แสงระวี
เหลืองทองมี ระยับ สลับกัน
ลมเหนือล่อง ต้องกาย คล้ายหนาวเหน็บ
อยากกักเก็บ ความรู้สึก เหมือนนึกฝัน
หมู่กาก้อง ร้องเพรียก เรียกพวกมัน
แล้วบินผัน โผไป ในพนา
บัวที่บ่อ หน้าบ้าน ดอกบานแย้ม
สีเหลืองแต้ม ชมพู ชูกลีบอ้า
เห็นใบบัว สั่นไหว คงใช่ปลา
กระยางนา มาจ้อง ต้องระวัง
กระรอกเลาะ เกาะรั้ว เจ้าตัวน้อย
กระโดดลอย ข้ามไต่ ใบฝรั่ง
กิ่งมันอ่อน ร่อนไถล แต่ไวจัง
โจนอีกครั้ง โดดไป ไม่รีรอ
นกเขาคู อยู่ใกล้ ในพุ่มแก้ว
เสียงเจื้อแจ้ว คงขมิ้น แล้วบินปร๋อ
ดอกบานชื่น สีแดง ล่อแมงปอ
เท่านี้ก้อ พอใจ ที่ได้ชม