กุหลาบแดง แห้งแล้ว สิ้นแววหวังคนรักดั่ง ดวงใจ อยู่ไหนหนอไร้คนรับ แม้ว่า ตั้งตารอใจเริ่มฝ่อ กังวล สับสนจังคอยดูแล รักษา คราแยกกิ่งมิทอดทิ้ง เทใจ ให้ความหวังถือความรัก ภักดิ์ดี จะจีรังสัญญายัง ฝังใจ ไม่ลืมเลือนกุหลาบงาม ยามวัน มันผลิดอกงามมิหยอก หาไหน ใคจะเหมือนสีแดงสด สวยใส ใจคอยเตือนใกล้กลางเดือน กุมภา วาเลนไทม์เอากมล ปนใส่ อยู่ในนั้นรอคอยวัน ว่าถึง จึงมอบให้สุขสดชื่น สมหวัง คงดั่งใจเหตุอันใด วันนี้ ไม่มีเธอยังดูแล เอาไว้ ใจเริ่มหม่นกับกังวล วุ่นวาย ใจก็เก้อหากส่วนลึก เรายัง หวังพบเจอแอบนั่งเหม่อ หวังมั่น เธอนั้นมากลีบสีแดง แห้งกรอบ ร่วงรอบก้านสุดร้าวราญ ความเหงา เริ่มเข้าหาหยาดน้ำใส ไหนรอบ ที่ขอบตากุหลาบโรย ไร้ค่า ....หาใครปอง
กุหลาบแดง ดอกนี้ ที่มุ่งหวังรักดุจดั่ง ดวงใจ ด้วยใฝ่ฝันเฝ้ารักษา ดูแล แม้นานวันเป้าหมายนั้น เพื่อเขา เจ้าจอมใจแดงสดสวย ด้วยสี มีกลิ่นหอมทุกอย่างพร้อม เพื่อวัน อันสดใสวันความรัก จักถึง ซึ่งมิไกลสุขฤทัย ในจินต์ แสนยินดีสิ่งหวงแหน แทนใจ แม้ไร้ค่าหวังไว้ว่า ใช้รัก เป็นสัขขีความมั่นคง ทรงไว้ ด้วยไมตรีเป็นสิ่งที่ เรานั้น เคยสัญญาเฝ้านอนฝัน วันซึ่ง จะถึงแล้วดูว่าแวว ที่หวัง ยังหรรษาใจกระหยิ่ม ยิ้มย่อง ผ่องอุราคิดทุกครา สุขใน หัวใจตนจะเตรียมใจ ไว้รับ กับความสุขหวังว่าทุก ความฝัน นั้นสั่งผลมิขอให้ บุญทาน บันดาลดลเราสองคน ลิขิต ชีวิตเอง
หนอเรา เปล่าเปลี่ยว เดียวดายอยู่ปลาย โลกร้าง ช่างเหงาที่นี่ มีแต่ แค่เราอับเฉา จริงนี่ ชีวินกู่ก้อง ร้องไป ใครหนอเฝ้ารอ ท้อใจ ไม่สิ้นแล้วหรือ คือใคร ได้ยินชาชิน เรื่องเศร้า เราเคยอยู่ต่อ ท้อทด หมดหวังแต่ยัง หายใจ ได้เอ่ยฤๅโชค ช่างร้าย ใช่เลยนิ่งเฉย เลยละ ชะตา
หยิบกระดาษ ดินสอ จ่อจรดสองสามบท อยากจาร งานอักษรถ่ายคารม คมถ้อย ร้อยเป็นกลอนเหมือนครั้งก่อน เคยสาน ร่วมงานกันกับมวลมิตร มากมาย หลากหลายผู้หมายร่วมกู้ อนุรักษ์ เรื่องศักดิ์ศรีเสกสรรถ้อย ร้อยคำ นำวลีเป็นน้องพี่ ดำรงค์ ร่วมวงวรรณอยากจรรโลง โคลงกลอน ที่อ่อนหวานสร้างผลงาน ของเรา เหล่านักฝันถ่ายความนึก ความคิด จิตสัมพันธ์ล้อเลียนกัน ก่อนเอ๋ย ก็เคยทำมาวันนี้ หนีหาย อยู่ไหนหนอยังเฝ้ารอ ไมตรี ที่ดื่มด่ำเหล่านักกลอน ใครบ้าง ยังจดจำร่วมน้อมนำ กลับมา เร่งพาที
ดอกแก้วงาม ยามฝน หล่นโลมหล้าภมรพา บินล้อม ตอมความหวานกลิ่นหอมรื่น โชยมา คราดอกบานสวยสคราญ ช่อขาว ดูพราวตาหมดฝนแล้ว แก้วแห้ง ลมแล้งล่องดินแตกช่อง รอบโคน ต้นพฤกษาบ้างใบเหลือง ร่วงลง สู่คงคาขาดคนมา เหลียวแล แม้แค่เงาจะต้องผ่าน หนาวร้อน ก่อนถึงฝนแก้วก็ทน โดดเดี่ยว บ้างเหี่ยวเฉาถ้ามีฝน หลงฤดู อุ้มชูเราช่วยบรรเทา ความแล้ง มิแห้งตายแต่ดอกแก้ว คนนี้ หลายปีผ่านในดวงมาน ท้อทด หมดความหมายผ่านกี่ร้อน ฝนหนาว ร้าวใจกายยังเดียวดาย อ้างว้าง อย่างยืนยาวเย็นลมเหนือ เมื่อไร ใจหม่นหมองยังหวังปอง คนอ้อน นอนเคียงสาวแค่อยากหา ผ้าห่ม นั่งชมดาวแล้วทุกคราว ก็ไร้ คนไมตรีพืชในไพร รอฝน หล่นโลมหล้าหมู่มัจฉา รอวาริน ทุกถิ่นที่ข้าวออกช่อ รอเคียว เขียวขจีแก้วคนนี้ นี่หนอ ....จะรอใคร