15 กรกฎาคม 2554 23:25 น.

สายเสียแล้วที่รัก

คนกรุงศรี

สุริยัน นั้นส่อง ต้องภิภพ
หมายจะลบ พวกเรา เผาให้หมด
แผ่รังสี สาดไป ไม่ละลด
กะกำหนด วันตาย ให้มนุษย์

ร้อนแรงพา ป่าไม้ ไฟท่วมลุก
กลียุค กล้ำกราย ใกล้ถึงจุด
แผ่นดินไกว ไหวถล่ม เมืองจมทรุด
กระชากฉุด ชีวา คนลาลับ

พายุพัด จัดจ้าน สะท้านทิศ
ฟ้ามัวมิด พิรุณ หมุนแปรปรับ
เทเป็นสาย ธารา คณานับ
ก็ถึงกับ ท่วมท้น จนจมมิด

ที่เมืองหนาว ร้าวนะ หิมะหมก
น่าวิตก ฤดูกาล มันผันผิด
ธรรมชาติ รุนแรง มันแผลงฤทธิ์
ไม่มีสิทธิ์ หยุดยั้ง นั่งทนทุกข์

เกิดอะไร ขึ้นเล่า โลกเราน่ะ
หรือว่าจะ สิ้นวัน สันติสุข
โลกยับเยิน มากมาย มาหลายยุค
ยากปรับปลุก พลิกฟื้น คืนให้ครบ

ทำโลกเลอะ เปรอะป่น คนลืมหลง
มินานคง ถึงขั้น เจอวันจบ
ถึงมีจิต คิดหวน นั่งทวนทบ
แม้บวกลบ คูณหาร ป่วยการคิด/font>				
29 มิถุนายน 2554 22:07 น.

แผ่นดินข้า ใครอย่าแตะ

คนกรุงศรี

เอกราช จะมิให้ ใครข่มขี่
ทุกพื้นที่ เขตแดน สุดแหนหวง
ท่านปู่ย่า สั่งไว้ ให้ถามทวง
ถ้าใครล่วง ล้ำมา ไล่ล่ามัน

อธิปไตย ของข้า รักษาไว้
ความตั้งใจ แน่วแน่ มิแปรผัน
แม้เหตุการณ์ พ้นผ่าน มานานวัน
ต้องบุกบั่น กอบกู้ สู้ไม่เกรง

สละเลือด ทุกหยาด เพื่อชาติอยู่
เป็นนักสู้ ใครกล้า มาข่มเหง
แผ่นดินเท่า รอยตีนไก่ ต้องใช้เอง
ให้รีบเร่ง ทวงคืน ผืนดินไทย

ดินแดนเรา รักษา เป็นหน้าที่
อุดมดี พืชพันธุ์ อันยิ่งใหญ่
ป่าที่เขียว ชอุ่ม พุ่มพงไพร
เราตัดไม้ ใช้งาน ผลาญสบาย

หลายป่าป่น โค่นกัน จัดสรรที่
นายทุนมี เงินหว่าน มานานหลาย
ทรัพยากร ค่าล้ำ ถูกทำลาย
ป่าเรากลาย เป็นดินแดน แสนกันดาร

ทวงแผ่นดิน มาไว้ เพื่อใช้สอย
จะเล็กน้อย เท่าไร อย่าไขขาน
เลือดรักชาติ มีมา แสนช้านาน
เราต้องการ แดนของเรา    รีบเอาคืน				
29 มิถุนายน 2554 21:48 น.

อยากได้จัง

คนกรุงศรี

ด้วยประชา ธิปไตย  สิ่งใคร่หวัง
อยากได้จัง ตั้งใจ ไว้สวยสม
บ้านเมืองเรา เสมอหน้า ประชาคม
แสนรื่นรมย์ สดใส เมื่อได้มา

เลือกผู้แทน แสนดี ที่อุทิศ
ทุ่มชีวิต แย่งกัน ขันอาสา
ทำงานหนัก แทนเรา ชาวประชา
และได้มา สิทธิ เสรีชน

ผลประโยชน์ มากมาย มีไม่สิ้น
ทั้งเงินกิน เงินใช้ ไม่ขัดสน
ข้าวเปลือกแพง ชาวนาสุข ไร้ทุกข์ทน
ผลิตผล ค้าขาย กำไรงาม

ทั้งสิทธิ์เสียง มากมาย กฏหมายมอบ
ถ้าเกลียดชอบ ชังใคร ไม่ต้องถาม
ชุมนุมกัน ก่นด่า ว่าประณาม
ขับไล่ตาม เหตุผล ทุกคนมี

พวกถูกไล่ ไม่ออก บอกไม่ผิด
ถ้างั้นปิด ท้องถนน บนวิถี
ให้เดือดร้อน ถ้วนหน้า ประชาชี
ท่าไม่ดี หนักเข้า ก็เผาเมือง

ใครเดือดร้อน ช่างมัน ฉันไม่คิด
 อยากใช้สิทธิ์ ธิปไตย ให้ลือเลื่อง
มาจรรโลง กันไว้ ให้รุ่งเรือง
คุยเรื่อง  ประชาธิปไตย  อยากได้จัง				
17 มิถุนายน 2554 23:24 น.

คิดถึง

คนกรุงศรี

เคยนั่งเรียง เคียงกัน ชมจันทร์เสี้ยว
เป็นรูปเคียว ขึ้นลอย แล้วคล้อยเคลื่อน
เพราะขึ้นค่ำ ฟ้านี้ จึงมีเดือน
อยู่เป็นเพื่อน จวบแจ้ง แสงอรุณ

สายลมทุ่ง พลิ้วโบก โยกกอข้าว
กายอาจหนาว แต่ใจ มีไออุ่น
กลิ่นดอกแก้ว ริมสระ หอมละมุน
ยังขอหนุน ตักเจ้า เฝ้าชมจันทร์

จิ้งหรีดหรือ  เรไร ตัวไหนหนอ
มาร้องคลอ บรรเลง เพลงสร้างสรร
ส่งสำเนียง กังวาน ประสานกัน
จักจั่น เสียงใส ที่ใบคูน

พอจันทร์ลับ ดับลง ตรงชายเขา
ดาราเจ้า แปรปรับ รับแสงสูรย์
ถึงกำหนด จากลา สุดอาดูร
แต่เพียบพูน ความสุข อยู่ทุกคืน

สัญญากัน มั่นหมาย มิคลายเคลื่อน
รอปีเดือน เหมาะสม ได้ชมชื่น
รักภิรมย์ สมปอง ต้องยั่งยืน
แต่สุดฝืน  ลิขิต เขาขีดวาง

มองจันทร์เสี้ยว เกี่ยวฟ้า เพลานี้
มีเพียงพี่ ไร้เงา เจ้าเคียงข้าง
ความทรงจำ ในใจ ใช่เลือนลาง
สุดอ้างว้าง หมองหม่น  เกินทนเชียว				
17 มิถุนายน 2554 22:57 น.

ตำตนเดิม

คนกรุงศรี

คำสัญญา แม่นมั่น ในวันก่อน
เธออาทร กลัวจบ พบวันหน่าย
เกรงถ้อยคำ วาจา มาเสื่อมคลาย
หมดความหมาย วาจา พาเสื่อมลง

จะเนิ่นนาน ปาดใด ไม่ลืมคิด
เคยตั้งจิต บอกว่า อย่าลืมหลง
เฝ้าปกปักษ์ รักษ์ไว้ ให้มั่นคง
ขอเธอจง เชื่อฉัน เถอะมั่นใจ

หากชาตินี้ จะไม่ ได้พบเห็น 
ก็คงเป็น ชาคิหน้า มาพบใหม่
ถึงอยู่ห่าง ต่างแคว้น ถิ่นแดนไกล
ก็มิใช่ ต้องพราก จากแดนทอง

วาดภาพฝัน  กันไว้ ในคืนก่อน
อาจสั่นคลอน ประสพ พบคืนหมอง
แม้ทุกข์ตรม ขมขื่น ฝืนลำพอง
ใจจึงต้อง เก็บงำ ตาลำพัง

ในความฝัน ฉันคู่  อยู่เคียงข้าง
ความอ้างว้าง ทิ้งไว้ ให้อยู่หลัง
อนาคต ที่ปอง ต้องจริงจัง
ถึงบางครั้ง หงอยเหงา เศร้าจริงเจียว

เมื่อมีทุกข์ ช่วยแก้ เฝ้าแลหา
ตรมวิญญา ท้อแท้ คอยแลเหลียว
ความห่วงใย มอบเสมอ เธอคนเดียว
หากเปล่าเปลี่ยว จงจำ คำตนเดิม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี