24 กุมภาพันธ์ 2555 23:01 น.
คนกรุงศรี
มองข้างหน้า อนาคต จะสดใส
หรือกระไร ใจเรา เฝ้าถวิล
เฝ้าพินิจ คิดมา น้ำตาริน
เพราะชีวิน คนนั้น มีผันแปร
หัวใจยัง มั่นคง ซื่อตรงยิ่ง
มิทอดทิ้ง ละวาง ห่างเธอแน่
รักของเรา รวมอยู่ คู่ดวงแด
มิท้อแท้ ทั้งที่ มีปราการ
มโนธรรม กำแพง แกร่งกั้นขวาง
เพียงกายห่าง แต่ใจ ให้อาจหาญ
เฝ้าถนอม กล่อมเกลา รักเนานาน
สองดวงมาน ซื่อตรง แสนคงทน
อนาคต เป็นเช่นไร ใครเล่ารู้
ตราบกายอยู่ ยังที่ มีกุศล
จะปกปัก รักษา เจ้าหน้ามล
ถึงจวบจน วันที่ ยังมีลม
สอนให้แกร่ง เก่งกล้า อยู่ท้าโลก
รับทุกข์โศก สุขศรี ที่ผสม
ต้องน้อมนำ จำใจ เอาไว้ชม
ใช่วิโยค โศกซม ตรมฤดี
แต่หากถึง ซึ่งวัน อันมิหมาย
หลับตาคลาย ทุกข์ไป ไม่อาจหนี
ใจเธอจง แกร่งกล้า ท้าไพรี
เหมือนยังมี ฉันอยู่ เคียงคู่เธอ
23 กุมภาพันธ์ 2555 22:35 น.
คนกรุงศรี
เมล็ดพืช งอกงาม ตามป่าเขา
กลางลำเนา อุดม ชุ่มโชกฝน
ต้นจึงโต ตระหง่าน ต้านลมบน
เปรียบเช่นคน เกิดกาย เติบใหญ่มา
มีนที ไหลเลาะ เซาะตลิ่ง
ละลิ่ววิ่ง ล้นหลาก จากภูผา
ทั้งกัดกร่อน จนเห็น เป็นธารา
พสุธา จึงแตก แยกจากกัน
ไม้โตใหญ่ ยังโอน โค่นลงน้ำ
ลอยในลำ คงคา ถึงอาสัญ
แม้ยืนต้น บนตลิ่ง ยิ่งนานวัน
ไม่คงมั่น ต้องถึง ซึ่งเอวัง
เมื่อเปรียบคน เมื่อครา อายุมาก
ความหลายหลาก มีแท้ แต่หนหลัง
พอเวลา ล่วงไป ไม่จีรัง
ก็ใกล้ฝั่ง เช่นไม้ ริมสายธาร
เงาไม้ใหญ่ ก่อนนี้ มีคุณค่า
กิ่งก้านหนา ร่มเย็น เป็นสถาน
ที่พึ่งพิง ของสัตว์ป่า มาช้านาน
ต้นใช้งาน เมื่อโค่น โดนทำลาย
เมื่อเดือนปี ผ่านไป ชีพใกล้ดับ
พอนั่งนับ วันวัย แล้วใจหาย
ทำอะไร ไว้บ้าง ก่อนวางวาย
เร่งขวนขวาย ตอนนี้.. มีเวลา
21 กุมภาพันธ์ 2555 22:00 น.
คนกรุงศรี
มีความลับ คับใจ ไม่อาจแก้
อึดอัดแท้ แม้ใจ อยากไขขาน
เป็นเงาดำ ย้ำอยู่ คู่ดวงมาน
แม้เนิ่นนาน เพียงใด ไม่บรรเทา
อยากระบาย หรือบอก ออกให้หมด
ใจจ่อจด ยากจัง ดั่งคนเขลา
ทั้งที่รู้ อยู่ใน ฤทัยเรา
เก็บงำเอา เข้าไว้ ในอุรา
ก็หลายครั้ง ตั้งสติ จะปริปาก
มันแสนยาก เพราะใน ใจมิกล้า
มันร้อนหนาว ร้าวรวด ปวดวิญญา
ดูเหมือนว่า ขาแข้ง ไร้แรงยืน
หาคนช่วย ด้วยหมาย อยากหายกลุ้ม
ดับไฟรุม สุมตน สุดทนฝืน
สงสารใจ เหลือล้น ทนกล้ำกลืน
มองใครอื่น ไม่เหมาะ เจาะจงเธอ
ด้วยไตร่ตรอง มองค้น จนสุดฤทธิ์
ไหมมีสิทธิ์ คิดเห็น เช่นเสนอ
ก็คนอื่น หมื่นพัน ที่ฉันเจอ
เหมาะเสมอ เทียมทัน นั้นไม่มี
เถอะจงช่วย ด้วยว่า ถ้าสงสาร
มาร่วมงาน สานใจ ได้ไหมนี่
เพียงฟังคำ ของฉัน นั้นให้ดี
คำพูดที่ ยากนัก ...รักเธอไง
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา ๒๐/๒/๒๕๕๕
16 กุมภาพันธ์ 2555 22:23 น.
คนกรุงศรี
ณ มุมหนึ่ง ของใจ ใครคนนี้
แน่ยังมี เธออยู่ เป็นคู่ขวัญ
แม้อยู่ห่าง ต่างแดน แสนไกลกัน
ณ มุมนั้น มีเรา เข้าครอบครอง
ณ มุมหนึ่ง ของใจ คนไหวอ่อน
อย่าร้าวรอน หม่นไหม้ หรือใจหมอง
แล้วมุมนี้ สองใจ เราหมายปอง
ก็มิต้อง ปวดร้าว เหน็บหนาวใจ
ณ มุมหนึ่ง ถ้าหวั่น พบวันล้า
คำสัญญา ยังมั่น มิหวั่นไหว
ฝากดวงมาน ผ่านมา บนฟ้าไกล
แล้วก้าวไป เคียงคู่ จะอยู่เคียง
13 กุมภาพันธ์ 2555 21:52 น.
คนกรุงศรี
กุหลาบแดง ของคน ที่หม่นหมอง
ด้วยเจ้าของ ฟูมฟัก เสียนักหนา
ทั้งใส่ปุ๋ย พรวนดิน มอบวิญญาณ์
ดอกได้มา งดงาม ต้องตามใจ
กุหลาบแดง เคยให้ ใครคนหนึ่ง
คนที่ซึ่ง ผูกสมัคร แสนรักใคร่
เพียงแต่ว่า ฟ้าพราก เธอจากไป
แสนอาลัย ทุกข์ถม ตรมประดัง
จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีผ่าน
ความร้าวราญ เกาะกมล เหตุหนหลัง
หัวใจหวั่น สั่นคลอน อ่อนกำลัง
ดีว่ายัง ยอมรับ กับเหตุการณ์
อยากมีหวัง ครั้งใหม่ ล้างใจหม่น
เลิกผจญ ความเศร้า ที่ร้าวฉาน
รอแรงใจ ใครมอบ ปลอบดวงมาน
โปรดเจือจาน ปันใจ มาให้ที
กุหลาบหม่น มอบให้ ใครคนนั้น
แต่ยังหวั่น ฤทัย กระไรนี่
กุหลาบแดง ของคน หม่นฤดี
อาจไม่มี ใครปอง คงมองเมิน
แม้ไม่มี ใครรับ เก็บกลับบ้าน
ทนร้าวราญ ต่อไป ให้นานเนิ่น
แม้ทุกข์ตรม ซมต่อ ขอเผชิญ
มินานเกิน ปลิดปลง คงชินชา
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา