29 เมษายน 2555 23:05 น.
คนกรุงศรี
ตะวันรอน อ่อนแรง ลดแสงจ้า
แลทุ่งนา ขจี ด้วยสีเขียว
สายลมแล้ง แกว่งไกว ข้าวใบเรียว
เดินลัดเลี้ยว คันนา มาเพิงไพร
ข้ามคันคลอง น้ำเย็น แลเป็นสาย
เห็นปลาว่าย แหวกดำ เพราะน้ำใส
ลำธารา นี่หรือ คือสายใย
หล่อเลี้ยงให้ เราอยู่ คู่แดนดง
มองกระท่อม ซอมซ่อ แค่พออยู่
ไม่เลิศหรู แต่ใน ใจประสงค์
หลังคาจาก ฟากใช้ ลำไผ่ตง
ดูมั่นคง อยู่ย่าน วิมานดิน
สงบเงียบ เรียบง่าย อยู่ชายทุ่ง
มิเคยมุ่ง ลาไกล ไปจากถิ่น
ธรรมชาติ บ้านป่า น่ายลยิน
มิใช่ถิ่น ขาดแคลน แคว้นกันดาร
เสร็จงานหนัก พักกาย พอหายเหนื่อย
คลายจากเมื่อย เตรียมหา หุงอาหาร
ลวกสะเดา เผากุ้ง มุ่งจัดการ
น้ำปลาหวาน ต้มโคล้ง ซดโล่งดี
แค่พออิ่ม เอียงหลัง ขอนั่งพัก
มินานนัก ตะวัน นั้นก็หนี
คืนเดือนแรม ดารา แต้มราตรี
ตะเกียงหรี่ เรไรขับ ...ก็หลับไป
คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
28 เมษายน 2555 23:10 น.
คนกรุงศรี
หมู่บ้านเรา ก่อนเอ๋ย เคยสุขสันต์
อยู่ร่วมกัน ฉันมิตร คนชิดใกล้
ทั้งเอื้อเฟื้อ ถ้อยที มีน้ำใจ
แต่ไฉน วันนี้ มีเรื่องกัน
ของหลายอย่าง ต่างลี้ มันหนีหาย
มีวายร้าย แอบจ้อง ลักของนั่น
แต่พวกเรา โชคดี มีกำนัน
ท่านแข็งขัน เร่งกำราบ รีบปราบปราม
รวมสมอง ตรองนึก ร่วมปรึกษา
เปิดตำรา คิดค้น จับคนหยาม
หอประชุม บ้านเรามี นี่ได้ความ
วางแผนตาม วิธี ดีแน่นอน
ของมีค่า ตั้งเด่น เป็นกับดัก
ล่อคนลัก เข้าไป ด้านในก่อน
วางแผนการ หลายชั้น ทุกขั้นตอน
เราจะซ้อน แผนลับ คอยจับตัว
หอประชุม เปิดไว้ ไม่ต้องปิด
ลดไฟนิด หรี่ไว้ ให้สลัว
โจรเข้ามา ลักของ ไม่ต้องกลัว
ปิดทางออก ให้ทั่ว อย่ามัวรอ
ช่วยกันค้น อย่างไร ก็ไม่พบ
มันหนีหลบ อย่างไร ทางไหนหนอ
ปิดทางออก เท่านั้น มันไม่พอ
ไอ้โจรห้อ ออกทางเข้า...หนีเราไป
ขรัวตา
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา
19 เมษายน 2555 22:23 น.
คนกรุงศรี
แอบรักสาว คราวจน ต้องหม่นหมอง
เฝ้าหมายปอง ดอกฟ้า น่าสงสาร
สูงสุดสอย เอื้อมไม่ถึง จึงซมซาน
แสนร้าวราน ท้อใน ฤทัยจัง
อยากจีบสาว สวยสวย ต้องรวยนะ
แล้วเราจะ ทำอย่างไร ให้สมหวัง
เพื่อนกระซิบ บอกกล่าว เล่าให้ฟัง
หารถนั่ง สักคัน คงมั่นใจ
หาเงินมา ก้อนหนึ่ง แค่ครึ่งแสน
อยากมีแฟน โสภา ดวงตาใส
ซื้อรถเก๋ง มือสอง มองการณ์ไกล
หวังขับไป ให้เธอ ชะเง้อดู
ถึงรถเก่า แต่ก็ พอถูไถ
แม้จะไม่ พริ้งเพริศ และเลิศหรู
ขึ้นชื่อว่า รถเรา เฝ้าชื่นชู
ชวนพธู มานั่ง หวังชื่นชม
เอ๊ะ! ทำไม รถคันนี้ มีแต่เสียง
ประตูเอียง เฟืองหลัง ดังขรม
ฝากระโปรง ก็แกว่ง ตามแรงลม
เสียงระงม ดังระรัว ทั่วทั้งคัน
หาซิมี สิ่งใด บ้างไหมนะ
ที่ว่าจะ ไม่ดัง ดั่งความฝัน
อ้อ.พบแล้ว ของดี มีเหมือนกัน
ก็วิทยุ กับแตรนั้น มันเงียบเชียว
คนกรุงศรีฯ
14 เมษายน 2555 22:59 น.
คนกรุงศรี
เส้นเลือดโปน โดนแยง แทงด้วยเข็ม
น้ำเกลือเต็ม สายไหล ไปผสม
เห็นคุณหมอ รอกรีด ใบมีดคม
เพียงสูดดม ยาสลบ ก็ซบไป
ตื่นอีกครั้ง ยังมี ชีวิตอยู่
จับแขนดู เขย่า ตัวเราใช่
ขยับร่าง ร้าวรวด ปวดเหลือใจ
เหลียวหาใคร ไหนซึ่ง พอพึ่งพา
มองด้านข้าง ว่างเปล่า คนเฝ้าไข้
คนเตียงใกล้ ใครมอง ต้องอิจฉา
เธอประคอง คอช้อน ช่วยป้อนยา
ต้องเบือนหน้า กลับไป ไม่อยากดู
วันก่อนเอ๋ย เคยเรา คนเฝ้าไข้
เข้านั่งใกล้ ข้างเตียง เคียงเธออยู่
ภาพฝังใจ หนหลัง ยังพรั่งพรู
วันนี้รู้ อย่างเดียว ว่าเปลี่ยวใจ
อยากยืนยง คงอยู่ สู้ไม่ถอย
มีคนคอย อยู่หลัง เราบ้างไหม
ชีวิตยัง มิสิ้น ต้องดิ้นไป
มิเพื่อใคร เพียงตน ทนเรื่อยมา
เนื้อร้ายปวด รวดร้าว หมอเอาออก
ความช้ำชอก ยังชิด ติดตามหา
ความเดียวดาย เกาะกุม สุมกายา
อยากรักษา มีไหม ใครช่วยที
9 เมษายน 2555 22:14 น.
คนกรุงศรี
เจ้าสมปอง เพื่อนฉัน วันวัยเด็ก
ตัวเล็กเล็ก เกเร ทำเฉไฉ
อยู่โรงเรียน ประชาบาล ถิ่นบ้านไกล
เข็ญไม่ไหว เกียจคร้าน เรื่องการเรียน
ชอบเลี้ยงควาย ปลายนา ริมป่าเขา
ไม่ชอบเอา การงาน เรื่องอ่านเขียน
แม้ครูสอน เอาไว้ ให้พากเพียร
มิอาจเปลี่ยน ใจได้ ให้ระอา
จบป.สี่ จากไป ในวันนั้น
เพื่อนพากัน เข้าเมือง เรื่องศึกษา
เรียนให้สูง จะได้ดี มีวิชา
ปริญญา ได้ไป กันหลายคน
ปีนี้จัด นัดชุมนุม กลุ่มศิษย์เก่า
โรงเรียนเรา ร่วมงาน การกุศล
พัฒนา ตั้งกลุ่ม แหล่งชุมชน
จึงส่งผล เพื่อนเก่า เราพบกัน
ทั้งตำรวจ พยาบาล ผู้การ,หมอ
ท่านผ.อ. ทนาย หลายคนนั่น
ครู,ปลัด ผู้ว่า สารพัน
และไหนนั้น สมปอง เพื่อนของเรา
ครูบอกว่า สมปอง ต้องลำบาก
งานหนักมาก อ่อนล้า จนน่าเศร้า
ยังเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ในลำเนา
มีควายเก้า ร้อยตัว...วัวเกือบพัน