18 สิงหาคม 2555 22:12 น.
คนกรุงศรี
คำสัญญา ยังมั่น อย่าหวั่นไหว
ถอดจากใจ มิลวง อย่างห่วงหา
แม้ร้อนหนาว เท่าใด ไม่โรยรา
มิอาจพา หรือพราก เราจากกัน
บอกเดือนดาว พราวฟ้า ว่าเรานี้
สองชีวี ซื่อตรง อย่างคงมั่น
มาร่วมสาน คำว่า สัจจาบรรณ
ตราบชีวัน มิพราก เราจากไกล
1 สิงหาคม 2555 22:59 น.
คนกรุงศรี
ชะแง้คอ รอคอย จันทร์ลอยเคลื่อน
หวังเป็นเพื่อน คราเรา ครั้งเศร้าหมอง
คนหนึ่งใคร เปลี่ยวเปล่า ที่เฝ้ามอง
รอแสงทอง ของเจ้า จนเหงาใจ
หมายฝากจันทร์ นำใจ ไปไกลลิบ
ช่วยกระซิบ ถามเขา ว่าเหงาไหม
บอกหน้ามล คนหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกล
เป็นห่วงใย กับคะนึง คิดถึงจัง
นั่นจันทรา มาแล้ว เพื่อนแก้วเอ๋ย
หวังจะเชย แสงทอง ดั่งปองหวัง
แต่สีเจ้า กลับหม่น ปนเงาบัง
แม้เจ้ายัง หม่นไหม้ เหมือนใจเรา
จันทร์เหมือนข้า ครานี้ ที่สุดฝืน
ต้องกล้ำกลืน อยู่กับ ความอับเฉา
หลบสักนิด เมฆา อย่างบังเงา
ให้จันทร์เจ้า สื่อถ้อย ข้าลอยลม
หวังอาศัย แสงจันทร์ อันสดใส
นำหัวใจ เรานี้ ที่ขื่นขม
ผ่านฟากฟ้า บอกเขา เจ้าเอวกลม
คนช้ำตรม ฝากใจ มาให้กัน
แต่จันทร์มี สีหม่น เหมือนคนนี้
ทั่วราตรี ดูเหงา เศร้าโศกศัลย์
แล้วจะได้ ใครหรือ สื่อสัมพันธ์
บอกเธอนั้น ว่าข้า สุดอาดูร
29 กรกฎาคม 2555 00:02 น.
คนกรุงศรี
อยากจะเป็น ดารา อยู่ฟ้ากว้าง
ล่องลอยคว้าง กลางสรวง บนห้วงหาว
กระพริบแสง แข่งจันทร์ อันแพรวพราว
เด่นสกาว กลางเวหน ให้คนมอง
เพียงดวงจิต คิดฝัน ในวันนี้
แต่มิมี ผู้ใด ใคร่สนอง
มิโดดเด่น เป็นได้ ดั่งใฝ่ปอง
ก็จำต้อง ฝึกฝน เฝ้าทนรอ
สิ้นรูปสวย ไร้ทรัพย์ จึงอับโชค
อีกโฉลก ไม่ถูก จะปลูกก่อ
ความคิดฝัน นั้นไกล ไม่ละออ
แสนทดท้อ ทางตัน มันมืดมน
เห็นดารา หลายดวง โชติช่วงนัก
คนรู้จัก ทอแสง ทั่วแห่งหน
ควรคู่กับ ฟากฟ้า น่าเยี่ยมยล
แต่คำคน คิดไว้ ควรไตร่ตรอง
มัวส่องแสง เจิดจ้า ยามฟ้าค่ำ
ตอนเดือนต่ำ ดาวตก อกอาจหมอง
อรุณรุ่ง นภา ฟ้าสีทอง
ก็จำต้อง ลับตา จากลาไป
เลิกอยากเป็น ดาวน้อย ล่องลอยฟ้า
เกรงถึงครา ผิดหวัง นั่งร้องไห้
ขออยู่ดิน เดินดง พงป่าไพร
ขอเป็นแค่ ดาวใจ ใครสักคน
25 กรกฎาคม 2555 22:40 น.
คนกรุงศรี
รู้ข่าวครา คนไกล ไต่ถามถึง
ยังนั่งอึ้ง ตรึงใจ ไมตรีมั่น
ไร้วจี ขับขาน แม้นานวัน
เรื่องลืมกัน ผันไป คงไม่มี
มาอยู่ย่าน บ้านทุ่ง ไกลกรุงแสน
เกือบชายแดน สุขใจ ในที่นี่
กับญาติมิตร มากใน เปี่ยมไมตรี
เหมือนครั้งที่ กำเนิด เกิดกายมา
เหมือนอยู่อย่าง พอเพียง แค่เลี้ยงชีพ
มิปากกัด เท้าถีบ ต้องรีบหา
เพราะข้าวของ บ้านไพร ไร้ราคา
เก็บผักปลา แลกข้าว เท่านั้นพอ
ลืมชีวิต คนเมือง ที่เรืองรุ่ง
งานท้องทุ่ง ไถหว่าน ต้องสานต่อ
งานเงินเดือน เสียหาย จึงไม่รอ
มิต้องขอ ต่อรอง ค่าครองตน
คนกรุงศรี พี่ชาย จดหมายเล่า
มีคนเขา ห่วงใย เหมือนไหม้หม่น
เขียนกลอนกานท์ ผ่านฟ้า มาเยี่ยมยล
ขอบคุณคน มากน้ำใจ ไม่ลืมกัน
ใจยังรัก อักษรา ภาษาสาส์น
อยู่ที่บ้าน พงไพร ใจยังฝัน
ยังคิดถึง วันวาน สานสัมพันธ์
ที่กลุ่มวรรณ-กวี ศรีอยุธยา
ดอกแก้ว ดวงฤทัย
21 กรกฎาคม 2555 22:50 น.
คนกรุงศรี
อยากออกปาก ฝากใจ ให้ใครเอ่ย
คนที่เคย คุยผ่าน ด้วยกานท์ถ้อย
ส่งผ่านฟ้า ยุคใหม่ ไม่ต้องคอย
ร่วมเรียงร้อย สืบสาน งานร้อยกรอง
ยังอยู่ดี มีสุข ทุกข์ไฉน
คนเมืองไกล ใจหม่น ปนมัวหมอง
เพราะเหตุใด ใฝ่นึก นั่งตรึกตรอง
แน่จะต้อง คำนึง คิดถึงเธอ
ใจหวาดหวั่น พรั่่นจิต ผิดหรือเปล่า
เหมือนปวดร้าว อยู่ใน ใจเสมอ
วันใดเล่า เรานะ จะเจอเจอ
ยังแอบเผลอ ว่าหวัง ยังพอมี
ฝากลมไว้ ให้พัด ลัดขอบฟ้า
ช่วยนำพา กมล คนเหงานี่
หากพบเจอ เธอเล่า เราวานที
บอกคนที่ ไกลตา อยากมาเยือน
แต่จะรับ หรือไม่ มิใคร่รู้
เพียงเธออยู่ ไร้ทุกข์ สุขใดเหมือน
หากยินดี รับคำ อยากย้ำเตือน
แม้ลืมเลือน แล้วหนอ ก็จนใจ
สู้เอ่ยปาก ฝากกมล จากคนนี้
คนกรุงศรี มีหวัง อยู่บ้างไหม
แม้มิว่าง หมางเหมือน ลืมเลือนไป
ทิ้งลำน้ำ ปล่อยไหล ไปทะเล