5 กรกฎาคม 2546 19:26 น.

ดอกไม้ในตะกร้า ดอกหญ้าริมทาง (#2 เปิดเรียน)

ขุนหาญ

     เปิดเรียนวันแรก  ทุกคนพากันวิ่งวุ่นอยู่กับห้องเรียนใหม่  แต่ธิดากลับยืนเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าโรงเรียน  เธอกำลังมองหาใครบางคนด้วยใจจดใจจ่อ  สักพักใหญ่ก็เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ
     พี่วิทย์  ทำไมมาสายจังเลยวันนี้
     อ้อคือว่าติดธุระนิดหน่อยนะ
     นี่  ดาไปเที่ยวที่บ้านยายมา  บรรยากาศดีมากเลย
     เหรอ?  พี่ซิแย่เลย  ช่วงปิดเทอมไม่ได้ไปไหนเลย  ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่ที่บ้าน
     ปีนี้เราก็ขึ้น  ม.5 กันแล้ว  เตรียมตัวเอ็นฯได้แล้วนะ  เล็ง ๆ ไว้ยังว่าจะเลือกเรียนอะไร..?
     ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เรียนต่อหรือเปล่า!
     อ้า.ว  ทำไมล่ะพี่วิทย์ก็ออกจะเรียนเก่งจะตายไป
     วิทย์ทำหน้าละห้อย  พร้อมกับถอนหายใจยาว ๆ  เงยหน้ามองอาคารเรียนด้วยสายตาเศร้า ๆ
     พี่ก็อยากจะเอ็นฯเหมือนกัน  แต่ติดอยู่ที่พ่อแม่ของพี่ท่านอายุมากแล้ว  ก็เลยอยากช่วยดูแลกิจการของท่าน
     บ้านของวิทย์นั้นทำกิจการร้านอาหารเล็ก ๆ  เขาเป็นลูกคนสุดท้อง  จากทั้งหมด 3  คน  แต่พี่ ๆ  ของวิทย์แต่งงานกันหมดแล้ว  ทุกคนก็มีการงานทำกันหมด  ไม่มีใครอยากมาสานต่อร้านอาหารกระจอกอย่างนี้  ในขณะที่วิทย์นั้นเติบโตมากับร้านนี้  เขาไม่อยากปล่อยให้ร้านนี้ต้องมาจบลง  แลกด้วยการได้เรียนมหาวิทยาลัย
---------------

     ในโรงอาหารโรงเรียน  ซึ่งดากับวิทย์มักจะมาทานข้าวด้วยกันเป็นประจำ  วันนี้ก็เช่นกัน  ทั้งสองก็มาทานอาหารกันเป็นปกติ  แต่สักพักก็มีกลุ่มหนุ่ม ๆ  6  คนเดินมาที่โต๊ะของทั้งสอง  ป๋อง  เจี๊ยบ  เก็ก  โอ  บิ๊ก  และกันต์  ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม  ทั้งหกเรียนอยู่ ม. 5/3  แต่วิทย์กับดาอยู่ห้อง  5/1
     น้องดาจ๊ะ  วันนี้ตอนเย็นไปดูหนังกับพี่มั๊ย
     กันต์กล่าวชักชวนดา  วิทย์หยุดทานข้าว  ส่วนดาไม่พูดอะไรได้แต่นั่งเงียบไม่สนใจ
     แหมวันนี้น้องดาน่ารักกว่าทุกวันเลยนะครับ
     กันต์พูดต่อ  หลังจากเห็นดาไม่สนใจ  คราวนี้ดาหันมามองค้อนพร้อมกับพูดกระแทกใส่
     นี่ไอ้คุณพี่กันต์  วันนี้ว่างนักหรือไงฮ่ะ  ถ้าอยากไปดูนักก็พาพวกห้าตัวที่อยู่ข้างหลังไปดูซิ  ดาไม่ว่าง
     ป๋องได้ยินดาเรียกพวกมันว่าตัวก็พาลโกรธขึ้นมา
     อ้าว  อีนางนี่พวกข้าไม่ใช่หมานะเว้ยมาเรียกว่าเป็นตัว
     เหรอ  นึกว่าใช่
     ปากดีนัก  เดี๊ยะ
     กันต์หันไปมองป๋อง    เฮ้ยอย่าพูดคำหยาบใส่น้องดาข้าสิเว้ยไอ้?
     ดาได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับ  ใครน้องดาเอ็ง  อย่าปากพล่อยซิ
     วิทย์ที่นั่งเงียบอยู่นานลุกขึ้นพรวด  ทำเอาพวกไอ้กันต์ขยับถอยไปคนละก้าว  วิทย์มองมาที่พวกไอ้กันต์  ด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจนัก
     ไอ้กันต์  เอ็งก็เห็นแล้วนี่ว่าน้องดาเขาไม่ว่าง  สาว ๆ  อื่นก็มีตั้งเยอะแยะ  ไม่ไปชวนว่ะ
     อาราย ๆ  ไอ้วิทย์  ข้าไม่ได้พูดกะเอ็ง  ยุ่งอะไรด้วยว่ะ
     คนอื่นข้าไม่ยุ่งหรอก  แต่สำหรับดา  ต้องผ่านข้าไปก่อน
     หนึ่งต่อหกน่ะ  ฮ้า. ๆ ๆ  เอิ๊ก.  เอ็งบ้าอะป่าววะ...
     พี่วิทย์คะ  อย่าไปสนใจพวกนี้เลย  ดาว่าเราไปที่ห้องเรียนกันดีกว่านะ
     ดาเห็นท่าไม่ดีรีบดึงมือวิทย์เดินออกไปจากโรงอาหาร  ท่ามกลางเสียงหัวเราะและเสียงเยาะเย้ยของพวกไอ้กันต์
     ฮ้า ๆ ๆ  ไอ้วิทย์  โธ่เอ้ยแกก็ไอ้ขี้ขลาดล่ะหว้า  แน่จริงมาซิเว้ยฮ้า ๆ ๆ
-----------------------
				
5 กรกฎาคม 2546 18:24 น.

ดอกไม้ในตะกร้า ดอกหญ้าริมทาง (#1 เสน่ทุ่งหญ้า)

ขุนหาญ

     ธิดา  สาววัยแรกรุ่นอายุประมาณ  16  ปี  น่าตาน่ารัก  ผิวขาว  เธอกำลังตื่นเต้นดีใจที่ได้มาพักตากอากาศที่ชนบท  หลังจากช่วงปิดเทอม  ว่าแล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอนบนผืนหญ้า  กางแขนกางขาอย่างสบายอารมณ์
     เป็นไงลูก  พ่อของเธอถาม  แล้วอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
     ปีหน้าหนูอยากจะมาพักผ่อนที่นี่อีกจังเลย
     ได้ซิ.แต่ต้องถามแม่เขาก่อนว่าอยากจะมาหรือเปล่า?
     แหม.อะไร ๆ  ก็ต้องตามใจแม่ทั้งหมดเลยนะพ่อนี่  กลัวแม่หรือไง
     เปล่า  ก็ที่นี่เป็นบ้านเกิดของแม่หนูนี่จ๊ะ
     พ่อตอบพลางเอามือขยำหัวของเด็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ในความยอกย้อนของเธอ  ทั้งสองคนวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าด้วยความสนุกสนาน  จนตะวันอัศดงจึงได้พากันกลับที่พัก  
     ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนก็จริง  แต่ที่บ้านของยายเธออยู่ในแถบที่มีป่าปกคลุมเยอะ  จึงทำให้มีฝนตกมาตลอด  ที่หลังหมู่บ้านจะมีทุ่งหญ้าซึ่งกว้างมาก ๆ  บรรยากาศสดชื่นวิวทิวทัศน์ก็ดี  เพราะอยู่ติดกับภูเขา  ดากับพ่อมักจะมาเล่นที่นี่เป็นประจำ
     ณ  ระเบียงบ้านไม้ยามค่ำคืน  ดานอนหนุนตักยายฟังเสียงธรรมชาติรอบ ๆ  บ้าน  บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ
     ยายจ๊ะยายอยู่ที่นี่ไม่เหงาเหรอ?
ยายแก่หนังเหี่ยวย่น  อายุประมาณ  80  กว่า ๆ  ยิ้มพร้อมกับลูบหัวหลานเบา ๆ  ด้วยความเอ็นดู
     ดาหลานรัก  ธรรมชาติไม่เคยทอดทิ้งกันหรอกนะ
     ยายหมายความว่าไงจ๊ะ  ดาไม่เข้าใจเลย
     คนเราก็เป็นผลผลิตจากธรรมชาติ  ยายอยู่ที่นี่มานานแล้ว  อยู่กับธรรมชาติ
     ยายหยุดพักหายใจพักหนึ่งก็กล่าวต่อว่า
     ธรรมชาติไม่เคยทำร้ายเรา  ธรรมชาติเป็นมิตรกับทุกสรรพสิ่ง
     แล้วที่น้ำป่าไหลหลาก  ทำให้ผู้คนตายเป็นจำนวนมากล่ะยาย  ไม่ใช่ผลของธรรมชาติหรอกเหรอ..?
     ยายยิ้ม  พร้อมกับพูดว่า
     นั่นเพราะว่าคนไปทำร้ายธรรมชาติก่อนไงล่ะ  เป็นเพราะธรรมชาติถูกทำลาย  ผลที่ตามมาจึงเป็นเช่นนั้น
     อืมจริงซินะ
     ความเหงาไม่เคยมี  มีแต่ความต้องการต่างหาก
     ยังไงยาย
     เช่นคนที่มีความรัก  เหงา  เพราะต้องการความรัก  ทั้ง ๆ  ที่แต่ก่อนก็ไม่เคยเหงา
     โอ้  โห่  ยายนี่คมจริงเลย
     ยายยิ้ม  ดาก็ยิ้ม  ทั้งสองคนอยู่ที่ริมระเบียงคุยกันถึงความงามของธรรมชาติ  จนดาหลับคาตักยาย  ยายจึงปลุกให้ไปนอน  เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน  จนถึงวันสุดท้ายที่จะกลับกรุงเทพฯ
     ตื่นได้แล้วลูกดาสายแล้วนะ  
แม่ของเธอมาปลุกแต่เช้า  เนื่องจากหลายวันมานี้  เธอมักจะวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้าบ่อย ๆ  และฟังยายเล่าอะไร ๆ  ให้ฟังทุกคืน  จึงตื่นสายเป็นประจำ
     ค้.า.แม่.ตื่นแล้วอื้อ
วันนี้เราจะกลับกันแล้วนะ  รีบอาบน้ำอาบท่าเร็วเข้า
     หลังจากทานข้าวเช้ากันแล้วทุกคนก็ร่ำลากัน  ดาโอบกอดยายด้วยความอาลัยแล้วก็ขึ้นรถเก๋งคันงามเดินทางกลับกรุงเทพฯ  ในระหว่างทางก็มีเสียงโทรศัพท์มา
     สวัสดีค่ะ  วิทย์เหรอพ่อค่ะเบา ๆ  หน่อยค่ะหนูจะคุยโทรศัพท์
     คุณพ่อเอื้อมมือไปหรี่เทป  พร้อมกับมองค้อนมาที่ธิดาแว๊บหนึ่งแล้วก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป
     ทั้งสองคนคุยโทรศัพท์กันอย่างสนุกสนาน  เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก  ตั้งแต่เรียนชั้นประถม  จนบางครั้งก็ดูเหมือนพี่น้องกัน  บ้านก็อยู่ใกล้กัน  จึงไปเรียนด้วยกันเสมอ ๆ
     ดาซึ่งเป็นคนน่ารัก  และสดใสเหมือนดอกไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าของ  ตอนนี้เธอกำลังงามสะพรั่ง  เป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ  ในโรงเรียน  แต่กับวิทย์แล้วไม่เคยเลยที่จะจีบเธอเหมือนคนอื่น  เขาให้ความรักความอบอุ่นเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง  เพราะทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน  ครอบครัวทั้งสองก็เห็นเป็นเช่นนั้น.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟขุนหาญ
Lovings  ขุนหาญ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟขุนหาญ
Lovings  ขุนหาญ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟขุนหาญ
Lovings  ขุนหาญ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงขุนหาญ