29 สิงหาคม 2545 21:45 น.
ขุนหาญ
ยังไม่ทันที่คุณหมอจะถามไถ่ คนไข้รายนั้นก็ชิงพูดขึ้นมาด้วยสำเนียงชัดเจน "คุณหมอครับ เมื่อคืนผมเพิ่งพิสูจน์อะไรได้อย่างหนึ่ง"
พิสูจน์อะไรเหรอ" คุณหมอกล่าวอย่างเนือยๆ "คุณหมอรู้มั้ยว่า แมลงสาบมันฟังเสียงด้วยอะไร" "ตามที่หมอได้เรียนมาน่ะ ก็คงตอบได้เลยว่าแมลงสาบย่อมฟังเสียงด้วยหนวด"
"ผิดครับหมอ" "อ้าวแล้วมันจะด้วยอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่หนวด" "เดี๋ยวผมจะพิสูจน์ให้คุณหมอดูนะ ว่าแท้จริงแล้วแมลงสาบมันฟังเสียงด้วยอะไร"
ว่าพลางก็เปิดฝากล่องและหยิบแมลงสาบขึ้นมาตัวนึง พร้อมกับเด็ดหยวดมันทิ้งไปและวางลงบนพื้นห้อง"ไป้..."คนไข้ตรบมือเสียงดัง
เจ้าแมลงสาบก็วิ่งจู้ดหายเข้าไปในซอกโต๊ะ "
เห็นมั้ยหมอมันยังคงได้ยินอยู่เลย แล้วก็หยิบแมลงสาบตัวที่สองออกมาจากอีกกล่องนึงแล้วทำการเด็ดขาทั้งหมดทิ้งไป
และวางบนพื้นเช่นเดิมพร้อมกับปรบมือไล่ "ไป้.." เจ้าแมลงสาบยังคงแน่นิ่งจะมีก็แต่หนวดเท่านั้นที่กระดิกไปมา "
เห็นมั้ยล่ะหมอว่ามันไม่ได้ยินที่ผมไล่
เพราะมันฟังเสียงด้วยขา เมื่อผมเด็ดขามันออก มันจึงไม่ได้ยินอะไรเลย ...คุณหมอ "?????"
23 สิงหาคม 2545 19:50 น.
ขุนหาญ
เรื่องราวในสมัยเด็ก ๆ อาจไม่ค่อยมีใครจดจำมากนัก แต่สำหรับผมแล้วยังจำได้เสมอ บรรยากาศสมัยเด็ก ๆ
ใต้ถุนบ้านจะมีกองไฟสำหรับนั่งผิงไฟในยามหนาว คนเฒ่าคนแก่จะมานั่งผิงไฟในช่วงเย็น ๆ ผมกลับมาจากโรงเรียน
จะต้องไปปักเบ็ดตามคันนา ทุ่งนาหน้าหนาวจะมีหมอกบาง ๆ ลอยต่ำ ๆ เหมือนก้อนเมฆ ผมจะชอบนั่งดูแสงอาทิตย์
ตกดินอยู่ที่ทุ่งนา มองดูชาวบ้านต้อนควายกับบ้าน ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใส รวมทั้งผมด้วย
ผมกับเพื่อน ๆ จะปักเบ็ดทิ้งไว้ พอตอนเช้าพวกเราก็จะตื่นแต่เช้าไปเก็บเบ็ดที่ปักไว้ บางคนก็ดักมองไว้
"มอง" คือตะข่ายที่ใช้สำหรับดักปลา อาหารการกินของพวกเราไม่ต้องไปซื้อที่ไหน ขยันหน่อยก็ไม่อดตายแล้ว ที่บ้านของผม
เลี้ยงควายไว้หลายตัวเหมือนกัน เพราะสมัยนั้นยังไม่มีรถไถ ต้องใช้ควายไถนา มีตัวหนึ่งที่สนิทกับผมมาก มันชื่อเจ้าแรด
เพราะหุ่นมันตันเหมือนแรด เวลามันเห็นผมมันจะชอบเอาหัวมาดันหลังผม มันเป็นควายที่ฉลาดมาก ว่าง่าย และผม
ชอบขี่มัน เพราะมันบังคับง่ายด้วย
ที่บ้านจะทำคอกควายด้วยการเอาไม้มาคั่นห่าง ๆ และมีประตูทางเข้า ก็เอาไม้มาวางขวางเท่านั้น เวลาต้อนควาย
มาถึงบ้าน มันก็จะเข้าคอกเอง ไม่ต้องบังคับ
ตอนเย็น ๆ หลังจากกลับมาจากปักเบ็ดแล้ว พวกผมก็จะมารวมตัวกัน เพื่อเล่นตามประสาเด็ก ๆ เช่น
เล่นไล่จับ เล่นซ่อนหา เล่นรี ๆ ข้าวสาร และมีกีฬาสุดฮิตก็คือ เล่นปายาง การเล่นปายางนี้สนุกมาก ยางก็ใช้ยางยืด
ที่เป็นวงกลมใหญ่ ๆ ขนาดใส่ข้อมือได้นั่นแหละ สมัยนั้นถ้าใครสะสมได้มาก ถึอว่าสุดยอดชั้นเซียนเชียวละ กติกา
ก็มีว่า จะต้องเอายางมารวมกัน คนละกี่เส้นก็แล้วแต่จะกำหนด แล้วเอาไปกองไว้บนพื้น แล้วก็กะระยะห่างจากยาง
ประมาณ 50 เมตร เอารองเท้าปากัน ถ้าใครปาโดนก็จะไปดูว่าเส้นไหนแตกกระจายบ้าง ถ้าอันไหนยังอยู่ติดกันตั้งแต่
2 เส้นขึ้นไป ก็ไม่ได้ ต้องแยกเป็นเส้นเดี่ยว ๆ ถึงจะได้ ใครปาเม่นที่สุด คนนั้นก็มีสิทธิ์ได้มาก
โทรทัศน์ไม่มีดูหรอก แต่ถ้าจะดูต้องไปดูที่บ้านเจ๊ก ซึ่งเป็นคนจีนมาปักรากฐานอยู่ที่หมู่บ้านนี้ แกจะมี TV
ขาวดำอยู่เครื่องหนึ่ง หวงมาก ไม่อยากให้ใครดูด้วย ไฟฟ้ายังไม่มีในตอนนี้ ต้องใช้เบตเตอรี่ถึงจะดูทีวีได้ ถ้าใคร
อยากดูต้องเอาขวดน้ำปลาไปให้แก จนบางครั้งพวกผมต้องไปขโมยขวดน้ำปลาในห้องครัวมาแลกกับการได้ดูทีวี
ซึ่งขวดน้ำปลานั้นแม่จะเอาไว้แลกขวดเวลาซื้อน้ำปลา รายการโปรดของผมก็คือ หนังญี่ปุ่น ตอนเช้า ๆ วันเสาร์ อาทิตย์
ซึ่งจะเป็นหนังแนวแปลงร่าง พวกฮีโร่ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นไอ้มดแดง สกายไรเดอร์ ไอ้มดแอ๊ก เป็นต้น
บรรยากาศแถวบ้าน พอตกเย็น ๆ จะมีเสียงตำน้ำพริกเป็นประจำ บ้างก็เสียงตำหมากของคนเฒ่าคนแก่
และก็เสียงกระดิ่งจากปลอกคอควาย กุง กิ้ง ๆ ๆ เพราะเขากำลังต้อนควายกลับบ้านกัน เฮ้อ......ยิ่งเล่ายิ่งคิดถึง
บรรยากาศเก่า ๆ เอาไว้ถ้ามีเวลาว่างจะมาเล่าต่อนะครับ อันนี้แค่เกริ่นบรรยากาศแถวบ้านนอกเท่านั้นเอง ทำไงได้
ก็ผมมันคนบ้านนอกนี่เนอะ.......!