21 เมษายน 2550 12:35 น.
ขาว-กรมท่า
การเปลี่ยนแปลงเริ่มแล้ว ใช่ไหม
เหตุเพราะในเนื่องใด บอกบ้าง
คำว่า"กวี"อยู่ที่ใด โปรดตอบ
เห็นเริ่มร่างเสริมสร้าง ผิดเพี้ยนจากเดิม
เดิมเติมแต่งมีแหล่งมีสาระ
มีอักขระสะกดตรงตามแม่
ฉันทลักษณ์ประจักษ์ไม่ปรวนแปร
มาวันนี้เลียวแลได้เอะใจ
สู่ยามยุคโลกาภิวัฒน์แล้ว
สิ่งเดิมเริ่มแคล้วคลาดขาดมากได้
สิ่งดั่งเดิมเดินสู่หนแห่งใด
ไฉนไม่มีที่ได้มีมา
ทำนองในร้อยกรองก็ฉงน
มีปลอมปนดลให้ผิดภาษา
ฉันทลักษณ์กลอนกลก็ไม่มา
ไม่ค่อยน่าเสนาะอิ่มอารมณ์
ขอเถอะนะพี่น้องพ้องกวี
คำศัพท์มีนำใช้ให้เหมาะสม
สะกดตรงตามหลักให้รู้ตน
อีกกลอนกลฉันทลักษณ์จำให้ดี
ผู้ใดใช้ศัพท์ตามหลักภาษา
ย่อมกล่าวว่า"กาลเทศะ"มี
ผู้ใดได้แต่ง"วรรณกรรม","วรรณคดี"
ย่อมควรเรียก"ปราชญ์"หรือ"กวี"
แม้นเวลายุคนี้จะเปลี่ยนไป
แต่ขอให้อนุรักษ์สิ่งที่มี
แม้นโลกหมุนเปลี่ยนไปทุกนาที
แต่คำว่า"เก่า"กับ"ดี"อย่าสิ้นไป...
16 เมษายน 2550 15:37 น.
ขาว-กรมท่า
ครั้นหนึ่งนอนหลับแล้ว เกิดฝัน
คือค่ำคืนสุขสันต์ ยากเศร้า
แก้วตาที่พรากกัน มาเยี่ยม
หลังที่ได้ใฝ่เฝ้า ร่ำไห้คร่ำครวญ
เริ่มประเดิมเธอถามเรื่องทั่วไป
ว่ากายใจเป็นไปทางอย่างใด
ฉันหันพูดสุดแสนเศร้าอาลัย
ตั้งแต่ตอนเธอไปสู่แดนฟ้า
ฉันพูดตอบขอบคุณที่ห่วงใย
ยังจำได้คราวก่อนเธอก็มา
ในวันนี้เธอก็มาหวนหา
อิ่มอุรายิ่งนักยอดรักฉัน
จากนั้นเธอพาฉันพุ่งว่ายฟ้า
สู่ธาราดาราไปด้วยกัน
มือสองเราเฝ้าจับอย่างยึดมั่น
แสนสุขสันต์ยิ่งนักประทับใจ
ได้โบยบินดุจดั่งสองน้องนก
ท่องเที่ยวถิ่นพิภพที่กว้างใหญ่
ประคองคงรสรักประจักษ์ไกล
คงหาใครมาเหมือนนั้นไม่มี
แต่และแล้วรุ่งอรุณเริ่มวันใหม่
เธอได้บอกคราลามาสักที
ฉันร่ำร้องอยากต่ออย่าจากหนี
เพราะนานทีที่ได้เจอแก้วตา
เธอบอกว่าไม่ได้ต้องไปแล้ว
แต่ใช่ว่าจะแคล้วทุกเวลา
โอกาสมีจะมาในวันหน้า
จึงต้องกลับเตียงที่ได้นอนลง
และแล้วตัวตื่นขึ้น ใจผวา
ยังนึกที่แก้วตา เยี่ยมได้
นี่แค่ภาพมายา รึเปล่า?
โปรดช่วยเฉลยให้ ทราบด้วยเถอะครับ
6 เมษายน 2550 16:55 น.
ขาว-กรมท่า
ชมพูพันธุ์ทิพย์ดิ่งหล้า เมื่อใด
สื่อถึงคราเราไป เมื่อนั้น
จากอดีตถึงนี้ได้ สุขทุกข์ ปนไป
จึงฝากนี้ก่อนครั้น แยกย้ายอำลา
หกปีที่ได้พึ่งพระบารมี
หกปีที่ร่ำเรียนเพียรศึกษา
หกปีที่มีมิตรต่างนานา
หกปีที่ได้มาพัฒนาตน
อันแรกเริ่มเป็นแค่เจ้าตัวจ้อย
ตัวน้อยน้อยสุดแสนสุดซุกซน
สู่ผู้ใหญ่สมชื่อควรค่าคน
เพราะฝึกฝนทนทุกข์มามากมาย
นานปีที่รับงานห้องสมุด
ให้ได้ฝึกนิสัยชวนขวนขวาย
ฝึกฝนตนขันติมิหวั่นกาย
ให้สมชายควรเชิดชูรู้วิชา
ศึกษาดีมีวินัยใฝ่กิจกรรม
ยังจดจำสีขาวกรมท่า
แม้นบทเพลงที่ร้องทุกเวลา
เมื่อจากมาลาลับยังจับใจ
จักไม่ลืมข้าวแดงหรือแกงร้อน
จักไม่ลืมคำสอนพรสดใส
จักไม่ลืมทุกสิ่งที่พบไซร้
จักไม่ลิมประสบการณ์ที่ผ่านมา
ขอขอบคุณพระคุณของคุณครู
ขอขอบคุณโรงเรียนให้ศึกษา
ขอขอบคุณทุกคนที่เมตตา
ขอขอบคุณวันหน้าจักมาเยือน
27 มีนาคม 2550 10:04 น.
ขาว-กรมท่า
สู่สี่ปีที่"บ้าน- กลอนไทย"
ขอขอบคุณที่ให้ ไขว่คว้า
ได้มาซึ่งเปลว โชติช่วง
ไปสู่วันข้างหน้า อย่างยิ่งภาคภูมิ
สามปีแล้วที่มาร่วมสังกัด
สามปีแล้วที่หัดสร้างสรรค์ลป์
สามปีแล้วที่ทุ่มเทอาจิณ
สามีปีที่รสยรินกลิ่นกวี
นับจากมาวันนั้นมาวันนี้
เริ่มนับปีอีกครั้งจากคงมี
ยังระลึกเมตตาความอารี
โดยจากที่ทุกคนให้กันมา
ขอขอบคุณกวีศรีซีไรต์
ผู้ให้ใจปลุกไฟให้ใจกล้า
ขอขอบคุณคุณครูให้ศึกษา
หลักปัญญาฉันทลักษณ์กับกลอนกล
ขอขอบคุณคุณแม่ที่ดูแล
และแนะนำเว็บนี้ใหเฝกฝน
ให้เริ่มได้รู้จักคำทุ่มทน
ให้รู้ตนรู้จักสร้างผลงาน
ขอขอบคุณนะครับคุณปีกฟ้า
คุณอัลมิตราคุณห้วงคำนึงคุณดาวอังคาร
คุณidahoคุณtikiผู้เสริมงาน
คุณปราณวดีคุณแม่จิตรคุณทะเลใจ
ขอขอบคุณคุณตาแก้วประเสริฐ
คุณRobertTingnonnuiคุณเจลใส
คุณท่องเมฆาและอื่นอย่าน้อยใจ
ผมขอบคุณที่ท่านมาเมตตา
ผมในนามปากกา"ขาว-กรมท่า"
จักก้าวสู่วันหน้าจากผ่านมา
แม้นผลงานนานมาแบบล่าช้า
แต่จะมาสร้างสรรค์ศิลปืกวี
จะขอฝากเนื้อตัวอีกสักครั้ง
จะทุกพลังให้สุดในชีวี
จักเริ่มใหม่นับตั้งแต่นี้
ขอสวัสดีดลแด่ทุกคนเทอญ
14 กุมภาพันธ์ 2550 09:56 น.
ขาว-กรมท่า
ถ้า ชะตาไม่แกล้ง สองเรา
เธอ จักพาไม่เศร้า เยี่ยงนี้
ยัง ให้รักไม่เฉา ยังมั่น
อยู่ คู่เงาอย่างงี้ อยู่ได้ฉันใด
เธอคนแรกที่ได้ เริ่มรัก
และท้ายที่ประจักษ์ รักแท้
ทว่าชะตามาดัก กลั่นแกล้ง
ซึ่งสุดสายเกินแก้ ร่ำไห้ให้ลั่น
เธอทิ้งกายให้กอด ร่ำร้อง
น้ำตาตกไหลนอง ยากสิ้น
หมายหมั้นเป็นคู่ครอง แลกรัก
สุดท้ายเธอด่วนทิ้ง ทุกข์นั้นหนักหนา
ปาฏิหารย์ที่ได้ ศรัทธา
อยากรักดวงยิหวา ชั่วฟ้า
ทว่าที่ประจักษ์ตา อาเพศ
ได้โปรดเห็นใจข้า ซึ่งสิ้นสุขสันต์
ขอให้เจอกันอีกแม้นในฝัน
ขอให้ได้ร่วมขันกันอีกรั้งครา
ขออย่าได้จากอีกนะแก้วตา
ขออย่ามาเกิดซ้ำเรื่องช้ำใจ
ถามไถ่ทั่วโลกหล้าช่วยเฉลย
เรื่องรักเอยนิยามว่าฉันใด
ทั้งสามโลกใครช่วยแถลงไข
ไฉนให้ใจเราสุดถวิล
แก้วตานั้นไม่ได้รักเท่าฟ้า
หรือเหนือหล้ากว่าใครในแดนดิน
แต่นางนั้นก็คือดวงชีวิน
ที่คงพิงอิงฉันนิรันดร ...
เธอเป็นหญิงคนแรกในวัยเดียวกันที่ได้รู้จัก
เธอเป็นคนสุดท้ายที่ได้ประจักษ์คำว่า รักแท้
จึงให้เกิดข้อความในใจเราว่า...
"เราไม่รักนางเท่าชีวิตหรือเหนือฟ้าหล้า
ทว่า...นางคือชีวิตของเรา"
สุดท้ายเธอให้เราร่ำไห้ที่ไม่ได้ครองคู่ในชาตินี้
หากชาติหน้ามีจริงและสองเรายังคงร่วมขัน
ขอปาฏิหารย์ได้ประจักษ์สองเรา
ให้เราได้ครองคู่ ชั่วกัลป์
รักนะ อารี พยุหธรรม หรือ แอนจัง
ผู้เป็น อาจารย์และคนรัก ...