6 สิงหาคม 2547 19:47 น.
ขลุ่ยหลิบ
เมื่อได้พบลักษณาแม่ตาหวาน
ในดวงมาลย์คะนึงอยู่มิรู้หาย
เนตรเจ้างามกว่าตาของเนื้อทราย
เกศาดำขลับคล้ายปีกภุมรี
งามขนงเป็นวงดังช่างวาด
งามพิลาสเพลินพิศไม่คิดหนี
งามทรวดทรงองค์อรดังกินรี
งามวจีเจ้าเอื้อนโอษฐ์เขาโจษจัน
หางามใดในหล้ามาเทียมเทียบ
ไม่มีเปรียบทรามถนอมแม่จอมขวัญ
หากแม้นพี่มีเจ้าคู่เคียงชีวัน
คงสุขสันต์ทุกทิวาราตรีกาล
5 สิงหาคม 2547 21:50 น.
ขลุ่ยหลิบ
มองจันทร์เพ็ญเด่นสว่างกลางเมฆขาว
ข่มแสงดาวอ่อนอับเลือนลับหาย
หยาดน้ำตาไหลหลั่งลงพั่งพราย
มองดูคล้ายสายนทีที่หลั่งริน
ชีวิตข้านั้นทุกข์ยิ่งกว่าทุกข์
จะเปรียบทุกข์นั้นกับห้วงกระแสสินธุ์
ยังมิอาจเทียบได้ดั่งใจจินต์
ทุกข์หลั่งรินเกินชเลว้าเหว่ไกล
อันความรักความหลังครั้งก่อนเก่า
ยังคงเฝ้าอาวรณ์จิตอ่อนไหว
หวนคำนึงถึงแต่ยอดหทัย
เจ้าจากไปไกลลับไม่กลับมา
รักเอ๋ยรักรักทำข้าช้ำนัก
เหมือนแกล้งผลักข้าหล่นลงห้วงผา
ตรมอยู่กับความหลังครั้งเธอลา
ยิ่งเหว่ว้าโศกซ้ำระกำทรวง
โอ้แสงเดือนเด่นสว่างกลางฟากฟ้า
ขับดาราให้หายไปจากสรวง
ท้องฟ้าคงรอดาวที่พราวดวง
เหมือนข้าคอยดาวช่วงกลางดวงใจ
5 สิงหาคม 2547 11:41 น.
ขลุ่ยหลิบ
ลูกคือห่วงน้อยน้อยร้อยใจแม่
ไม่เคยแชเชือนไกลให้แสนห่วง
รัก รัก รัก แม่รักสลักทรวง
ลูกคือดวงฤทัยแม่แต่เกิดมา
ยามเจ็บไข้แม่ใส่ใจดูแลลูก
จิตพันผูกหาหยูกยามารักษา
จนลูกรอดปลอดภัยไร้โรคา
คุณมารดาลูกจึงสุขหมดทุกข์ทน
ยามเติบใหญ่แม่เพียรเฝ้าสั่งสอน
เจ้าขวัญอ่อนเร่งศึกษาหาเหตุผล
ลูกจะได้มีความรู้สู้ฝึกตน
เพื่อเป็นคนกล้าหาญเห็นการณ์ไกล
สายนทีน้อยใหญ่ในแผ่นภพ
มาบรรจบเป็นมหาชลาไหล
ยังไม่อาจนำมาเปรียบเทียบน้ำใจ
รินหลั่งไหลให้ลูกยาค่าอนันต์
แม่เป็นพรหมสูงสุดในชีวิต
แม่เป็นมิตรนำทางคิดสร้างสรรค์
แม่เป็นครูนำสิ่งดีสู่ชีวัน
แม่เป็นจันทร์ปลอบปลุกยามทุกข์ใจ
ขออัญเชิญไตรรัตน์อันศักดิ์สิทธิ์
ทั้งเทเวศน์ทุกทิศประสิทธิ์ให้
แม่ของลูกมีสุขหมดทุกข์ภัย
โรคาใดที่กล้ำกรายมลายเทอญ