5 ตุลาคม 2552 08:36 น.
ขจรปฐวี
ขอนำทัวร์เมืองกาญจน์บ้านฉันบ้าง
ใครไม่จ้างก็ช่างใครเราไกด์ผี
ขอพาเที่ยวพอจำเริญเพลินฤดี
ด้วยพาชีสีหมอกม้าพาสัญจร
จะนำท่านเที่ยวท่องสักสองที่
พนมทวนชวนชี้ให้ชมก่อน
อีกไทรโยคโยกใจให้ไหวคลอน
ด้วยอาวรณ์ความหลังที่ฝังใจ
ขอยืมม้าขุนแผนแสนสะท้าน
มาจากบ้านท่าเสาเขาชนไก่
ขี่เลี้ยวลัดตัดเลาะกันเรื่อยไป
ค่ำที่ไหนนอนที่นั่นกันนะม้า
เจ้าม้าใหญ่เหยาะเหยียบเลียบถนน
จึงผู้คนเห็นตัวหัวร่อร่า
ม้ายืดอกกระดกหูดูโสภา
รถสวนมากระพริบไฟให้พาชี
ครั้นลับตาผู้คนก็โผนเผ่น
เกือบกระเด็นตกตายกลายเป็นผี
ผวากอดคอม้าไม่ช้าที
หลับตาปี๋เสียวสั่นสะท้านใจ
บัดเดี๋ยวหนึ่งจึงช้าอาชาเหยาะ
ค่อยสอดเสาะตาดูว่าอยู่ไหน
เห็นอนุสาวรีย์ที่ไกลไกล
ก็แจ้งใจใช่แล้วพนมทวน
เพราะน้ำใสไหลผิดไปทิศเหนือ
จะลอยเรือล่องแพกระแสสวน
จึงใช้ชื่อเรียกขานว่าบ้านทวน
ก็เห็นควรเหมาะเจาะเพราะวาจา
พนมทวนควรพนมบังคมกราบ
พระผู้ทรงกำราบปราบพม่า
กระทำยุทธหัตถีด้วยปรีชา
ฟันมหาอุปราชาขาดคาคช
อนุสรณ์ดอนเจดีย์มีสองแหล่ง
ประจักษ์แจ้งแห่งสุพรรณฯนั้นหนึ่งบท
กับที่นี่อีกหนึ่งไม่พึงงด
ด้วยปรากฏหลักฐานบานตะไท
เขาขุดพบโครงกระดูกนับร้อยพัน
หอกดาบขรรค์โบราณงานศึกใหญ่
อีกกรามช้างเครื่องม้าอาชาไนย
จัดโชว์ไว้แลละลานบานตะเกียง
ประวัติศาสตร์อาจแตกแยกเป็นสอง
แต่พี่น้องผองไทยไม่แตกเสี่ยง
จะแตกกันก็ให้แยกแต่แตกเตียง
กับแตกเสียงนั่นแหละหนอพอทำเนา
พนมทวนย่านนี้กวีอยู่
ผลงานครูพริ้งเพริศเฉิดเฉลา
ศิลปินแห่งชาติปราชญ์ของเรา
คือ ครูเนาว์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
พนมทวนพนมธรรมนำเที่ยวท่อง
ขอรับรองจำเริญใจไม่เปล่าสูญ
ด้วยแจ่มชัดวัฒนธรรมอันจำรูญ
จะเพิ่มพูนประสบการณ์ทุกท่านไป
แล้วชักม้าคลาไคลสู่ไทรโยค
ม้าโขยกโยกขยับตับจะไหล
เร่งเลาะลัดตัดป่าวนาลัย
ก็ถึงในสายันห์ตะวันรอน
เข้ากราบเท้าแม่พ่อที่รออยู่
โทรศัพท์บอกให้รู้แต่วันก่อน
ว่าเจ้านกขมิ้นที่บินจร
จะกลับคอนคืนรังเหมือนยังเยาว์
ไทรโยคโยกใจให้ไหวหวั่น
พอนึกพลันเจ็บแท้ที่แผลเก่า
แม้ซากรักหักหาญมานานเนา
ยังรุมเร้าจิตใจไม่ร้างรา
ครั้นรุ่งแจ้งแสงทองผ่องอำไพ
จูงสีหมอกออกไปให้เล็มหญ้า
พ่อม้าใหญ่ใจดีมีเมตตา
วันนี้พาข้าฯเที่ยวอีกสักครั้ง
เสียงมือถือดังมาข้าฯรีบรับ
ท่านแผนครับมีอะไรจะรับสั่ง
ขุนแผนบอกออกมาด้วยเสียงดัง
มึงจงฟังรีบเอาม้ากูมาคืน!
..............................................
29 กันยายน 2552 08:36 น.
ขจรปฐวี
แสนสลดรันทดจิตชีวิตนี้
เนื่องเพราะมีเมียสาวคราวลูกหลาน
หน้าตาขี้ริ้วเหลือประมาณ
เป็นเทพีสงกรานต์ได้ยังงัย
ทั้งงานบ้านงานช่องน้องแย่งหมด
ไม่รู้อดไม่รู้อยากมาจากไหน
ตั้งแต่เช้าจรดค่ำทำเรื่อยไป
จนดาวเดือนเลื่อนไกลจึงไสยา
เราอุตส่าห์ลุกนอนก่อนไก่โห่
หมายจะโผล่เข้าครัวไปหุงหา
เอ๊ะ!เมียเราเข้ามาก่อนตอนไหนวา
ยังมีหน้าว่าแกงเผ็ดเสร็จพอดี
แถมขับไล่ให้เราไปล้างหน้า
บอกว่าพระจะมาแล้วจ้าพี่
ได้ตักบาตรร่วมขันกันเสียที
นานปีจะตื่นนอนได้ก่อนพระ
แปรงสีฟันยาสีฟันขันสบู่
ดูดู๊ดูทำจัดเรียงเป็นจังหวะ
อยากให้เราง่อยเปลี้ยรึงัยฟระ!
ฉันรู้นะว่าแอบแกล้งแช่งในใจ
ฝีมือทำกับข้าวไม่เข้าขั้น
แค่พอกันกับเชฟโรงแรมใหญ่
อยากจะฝึกอยากจะสอนก็อ่อนใจ
เพราะนิสัยดื้อรั้นมันฝังตัว
ยามจะนอนกรประนมก้มลงกราบ
นั่นไถ่บาปหรือสาปแช่งแกล้งกราบผัว
ได้แต่ปลงอนิจจังชั่งใจตัว
ฉันตามัวเอาเป็นเมียได้อย่างไร
ทั้งกดขี่ข่มเราเอาทุกอย่าง
เป็นเบี้ยล่างรองรับอย่างไรไหว
อยากจะเป็นเบี้ยบนก็จนใจ
กลับบอกให้พี่ไม่ต้องน้องทำเอง
21 กันยายน 2552 07:38 น.
ขจรปฐวี
. ชายคนหนึ่งตาบอดทั้งสองข้าง
เขาแค้นเคียดเกลียดทุกอย่างรอบข้างเขา
พาลพะโลโกรธาเหมือนว่าเมา
อีกโศกเศร้าเคล้าคลุกทุกเช้าเย็น
มีหญิงเดียวเหนี่ยวใจให้สงบ
ปลอบประคบกลบร้อนผ่อนทุกข์เข็ญ
ด้วยเพียงหวังช่วยชายคลายลำเค็ญ
เนื่องเพราะเป็นแฟนกันเนิ่นนานมา
ชายสัญญาว่าวันใดใด้มองเห็น
เหมือนดั่งเช่นคนทั่วไปในโลกหล้า
ก็จะขอแต่งงานกับกานดา
ประคองรักไปจนกว่าฟ้าดินมลาย
แล้ววันหนึ่งมีผู้บริจาคตา
เขาจึงสมปรารถนาดังใจหมาย
ได้มองเห็นทุกทุกอย่างรอบข้างกาย
ช่างเพริศพรายดั่งเมืองแมนแสนสุขใจ
แฟนของเขาเข้ามาทวงคำสัญญา
มองเห็นแล้วจะวิวาห์กับน้องไหม
น้องเฝ้าฝันถึงวันคืนชื่นหัวใจ
วันที่ได้ร่วมเรียงเคียงคู่กัน
เขาชะงักเมื่อเห็นพักตร์ของหญิงสาว
ก่อนจะกล่าวว่ารักเรายังคงมั่น
แต่แต่งงานกันไม่ได้นะแจ่มจันทร์
เพราะดวงตาของน้องนั้นมันบอดมิด
จงเลิกเพ้อถึงสัญญาเมื่อคราก่อน
อย่าอาวรณ์อาลัยให้หมองจิต
พี่ตาดีเจ้าตาบอดนะยอดมิตร
จงเลิกคิดเรื่องวิวาห์ให้ข้าฯตรม
น้ำตาสาวพรูพร่างลงพลางหน้า
ในอุรานงนุชสุดขื่นขม
มันเจ็บแปลบแสบซ้ำระกำตรม
ด้วยคารมคมเคียวเกี่ยววิญญา
เมื่อสิ้นรักหักสัมพันธ์กันวันนี้
น้องลาพี่ไปตายเอาดาบหน้า
ใคร่ฝากคำวิงวอนก่อนอำลา
โปรดถนอมดวงตาน้องให้ดี
14 กันยายน 2552 09:30 น.
ขจรปฐวี
ลูกผวาซุกแอบแนบกับอก ตัวสั่นงันงกดังนกหนาว
สะอื้นร่ำน้ำตาเจ้าร่วงพราว ช่างปวดร้าวดวงแดของแม่นัก
เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาท ตามด้วยเสียงปืนกราดเข้าหาญหัก
อีกกี่พันชีวินดิ้นชัก จึงจักพอใจเลิกรา
ลูกเอ๋ยชีวิตเราชาวใต้ ดุจเนื้อเขาขังไว้ใช้ฆ่า
ทำได้แต่เพียงมองตา ภาวนาให้รอดไปวันวัน
นิ่งเสียเจ้ายอดดวงใจ เติบใหญ่เจ้าจงร่วมสร้างฝัน
นำสุขกลับใต้ให้เร็วพลัน สร้างสรรค์ประเทศไทยให้จำเริญ
8 กันยายน 2552 13:49 น.
ขจรปฐวี
http://media.photobucket.com/image/dog/bluesemotion/lot1ifitdoeshangoutleaveit.jpg?o=22
ตัวฉันเป็นเทวดาบนฟ้ากว้าง
มีหน้าที่เพียงอย่างคอยปล่อยฝน
เมื่อก่อนสุขเดี๋ยวนี้ทุกข์เหลือจะทน
ก็เพราะคนบนโลกเขาทำเอา
ปล่อยฝนน้อยผู้คนก็ก่นด่า
"ตกหาห่าตกให้เห็นเป็นเยี่ยวเหา"
พอปล่อยมากสำรากด่าว่าตัวเรา
มนุษย์เอ๋ยแล้วสูเจ้าเอางัยดี
นั่นยายมาปลูกตะไคร้เอาปลายปัก
บวชลูกรักจึงบานบนให้ฝนหนี
โน่นตามล บนเทวดามาช่วยที
น้ำไม่มีจะทำนาพาอดตาย
ไปดีกว่าอยู่นานพาลหงุดหงิด
ภารกิจไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย
คว้าถุงกอล์ฟเหาะละลิ่วราวพระพาย
สมทบก๊วนพระสหายในบัดดล
...............................................................................