24 มิถุนายน 2555 01:11 น.
ก้าวที่...กล้า
ความรัก
ฉันคิดว่าตัวเองกำลังมีความรัก
กับใครสักคน ที่ฉันไม่เคยรู้จัก
ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยสบตา ไม่เคยจะรู้อะไรๆเลย
ความรัก
เธอสำหรับฉัน
เธอผู้เรียงร้อยถ้อยคำอันสวยงาม
ด้วยเข้าใจในอารมณ์ ความรู้สึก ของชีวิต
ด้วยทีท่าที่ห่างเหิน และไม่ได้ให้ความหวัง
.
.
บทกวีที่อ่อนนุ่ม ล่องลอย บางเบา จากจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง
.
.
.
ฉันผู้โง่เขลา
อยู่ในวังวนของโลกจริงที่เปลืองเปล่า
ผู้คนพูดจาหวานหู หากแต่ภายในใจยากจะคาดเดา
สบตาก็พบแต่แววตาที่กระหายใคร่รู้
รู้จัก-ไม่รู้ใจ
และฉันได้พลัดหลงเข้ามาในโลกของความฝัน
อย่างละเล็ก ทีละน้อย ค่อยๆซึมซับ เรียนรู้ ความรัก
ฉันรู้สึกรักโลกใบนี้
มากกว่าโลกแห่งความจริงที่ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็พบแต่การทำร้ายจิตใจ
ความรัก
ฉันจึงอยู่ที่นี่ ตรงนี้
โลกของฉันจึงอยู่ที่นี่ ตรงนี้ มีเธอเป็นแรงใจ
เธอที่ไม่ได้ให้ความหวังแต่ให้ความฝัน
ฉันจะอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ตลอดไป
ฉันเขียนงานนี้ให้เธอ..ความรัก
27 พฤษภาคม 2554 15:11 น.
ก้าวที่...กล้า
สิ่งที่ฉันกำลังจะเขียนต่อไปนี้
เป็นความสงสัย ใคร่รู้ ของฉันเอง
.
.
.
ฉันรู้สึกสงสัย
สงสัย จากการได้ยิน ได้ฟัง
กลุ่มคนที่เขานั่งคุยกัน
คนหนึ่งบอกว่า เขาชอบทักษิณมาก แต่เขาเกลียดคนเสื้อแดง
ที่ทำการหยาบช้า จาบจ้วง มีแต่ความรุนแรง จึงทำให้ทักษิณเสียหาย
อีกคนหนึ่งสนับสนุนอย่างเห็นด้วยว่า ใช่เลย
ฉันจึงได้แต่คิดสงสัยว่า
มันเป็นเช่นนั้น กระนั้นหรือ?
สงสัย จากการได้ยิน ได้ฟัง
ใครคนหนึ่งถามว่า
เลือกตั้งคราวนี้พี่จะเลือกใคร
ฉันได้ยินพี่คนนั้นตอบว่า
ก็ต้องยิ่งลักษณ์สิ พี่ชอบเขา
ฉันจึงได้แต่คิดสงสัยว่า
เขารู้จักกัน กระนั้นหรือ?
24 มีนาคม 2554 14:24 น.
ก้าวที่...กล้า
ระยะเวลาเกือบตลอด 2 ปี มานี้
ฉันใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเคยชินเป็นส่วนใหญ่
โดยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองป่วย
ใช่
ฉันป่วย
เมื่อไม่เคยมีวันไหนที่ฉันไม่รู้สึกไม่อยากมีชิวิตอยู่
ถึงแม้จะมีสิ่งดีๆผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย
ฉันก็ยังคงรู้สึกเช่นเดิม
ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่
ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่
แต่ฉันก็ไม่ตายสักที แม้ฉันจะร่ำร้องหามันสักเท่าไร
บ่อยครั้งที่ฉันร้องไห้มากเข้า และเริ่มหายใจไม่สะดวก
ฉันก็จะดิ้นรนด้วยการหยุดร้อง
เพราะฉันรู้ว่า ถ้าฉันหยุดร้อง
ฉันจะหายใจสบายขึ้น
นี่คงเป็นสัญชาตญาณสินะ
ฉันจึงเริ่มเศร้า
ฉันบอกกับตัวเองว่า ฉันต้องอยู่เพื่อคนรอบๆข้าง
ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อทำประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ
ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมได้บ้างก็ยังดี
พอเริ่มรู้สึกดีขึ้นสักพัก
ฉันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่
แต่ฉันก็ยังคงมีชีวิตอยู่ โดยใช้ความเคยชินเดิมๆหล่อเลี้ยงจิตใจ
ใครบางคนที่สวยงาม
ใช่
สวยงาม
ฉันเห็นเขาสวยงาม
แต่ภาพของเขาเศร้าพอๆกับเรื่องราวแสนเศร้า
ฉันรับเอาความเศร้าของเขามาสะสมไว้
โดยที่ไม่รู้ตัว
นานเพียงใดไม่อาจรู้
เมื่อเรื่องเศร้าของฉันผสมปนเปกับเรื่องเศร้าของเขา
ฉันยิ่งเศร้าเป็นทวีคูณ
.
.
ฉันคิดถึงพ่อกับแม่เป็นที่สุด
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
11 มกราคม 2554 10:29 น.
ก้าวที่...กล้า
ฉันไม่รู้
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
แต่ฉันบอกกับตัวเองได้ว่า
ฉันร้องไห้ไปกับเธอเมื่อเธอเศร้า
ฉันหัวเราะไปกับเธอเมื่อเธอยิ้ม
ฉันจะกังวลใจเมื่อเธอนิ่ง
ฉันรักเธอ มันจำหลักอยู่ในใจฉันและพร้อมที่จะพรั่งพรูออกมาอย่างไม่มีวันหมด
.
.
ฉันเขียนเพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ปาฏิหาริย์อาจไม่มีจริง แต่ฉันเชื่อในมหัศจรรย์แห่งรัก
5 มกราคม 2554 14:35 น.
ก้าวที่...กล้า
และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง
วันแรกของการได้ไปโรงเรียน
ฉันไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนเป็นอย่างไร
ฉันเห็นแต่ญาติผู้พี่เพื่อนเล่นของฉัน
ที่เช้าต้องไปโรงเรียน และเย็นถึงจะกลับมา
มันจึงทำให้ฉันอยากที่จะไปโรงเรียนนักหนา
ถึงกับเฝ้านั่งนับวันรอคอย
ฉันพบเจอเพื่อนใหม่หลายคน
มี 3 คนที่ฉันสนิทสนมด้วย และก็จำได้ว่าบ้าน
คนนึงอยู่หน้าโรงเรียน อีกคนอยู่ตรงสามแยกถนนสายเดียวกับบ้านฉัน
และอีกคนอยู่ในซอยวัดทอง
ในห้องเรียนขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าวาดตุ๊กตา
อยู่บนโต๊ะเรียนหลังห้องติดประตู เพลินๆ
ฉันต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัว
และเห็นว่าเพื่อนๆในห้องต่างก็หันมามองฉัน
ฉันรู้สึกเจ็บตรงกลางหลังมาก ก่อนที่ฉันจะหันไปมอง
ฉันก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่ง ถามฉันลั่นห้อง นี่เธอทำอะไร ทำไมไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ
ฉันจึงได้หันไปมอง เห็นชายคนนั้นสูงมาก ยืนถือไม้เรียวอยู่ในมือ
ฉันจึงเข้าใจได้ว่า ฉันถูกครูตี
และวันต่อๆมา ฉันก็ถูกบิดหูบ้าง ดึงหูบ้าง
ทุกๆเช้า แม่จะพาฉันข้ามถนนคอยส่งฉันขึ้นรถรับ-ส่งนักเรียน
แต่เช้าวันนี้พอแม่ส่งฉันขึ้นรถ รถวิ่งมาได้ระยะนึงก็จอดรับนักเรียนอีก
จังหวะนั้น ฉันตัดสินใจกระโดดลงจากรถ และวิ่งเลาะๆถนน กลับไปแอบอยู่หลังบ้าน
โดยไม่กล้าให้แม่เห็น ฉันทำซ้ำอยู่ 2-3 ครั้ง แม่ก็รู้ว่าฉันกระโดดลงจากรถ โดยลุงคนขับรถ
แม่จึงไปส่งฉันที่โรงเรียนด้วยตัวเอง
เช้าวันต่อมา
ฉันบอกแม่ว่า ฉันปวดหัว แม่ให้กินยาและนอนพักอยู่ที่บ้าน
ฉันรู้สึกดีใจมาก เพราะมันง่ายกว่าการกระโดดลงจากรถและต้องมาคอยแอบแม่อยู่เป็นวัน
ต่อมาเช้าอีกวัน ก็ปวดท้อง ฉันกินยาแก้ปวดหัว กินยาแก้ปวดท้อง ทั้งๆที่ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย
สำหรับฉันแล้วการกินยามันเป็นเรื่องเล็ก
และฉันก็ปวดหัว ปวดท้อง สลับกันอยู่แบบนั้น
จนวันนึง แม่บอกว่า กินยา แล้วก็ไปโรงเรียน
นั่นหละ มันทำให้ใจฉันตกตุบ ทุกข์ทรมานเป็นที่สุด
ไม่มีวันไหนที่ฉันจะไม่หาหนทาง ในการหยุดโรงเรียน
ฉันปิดปากน้องชายด้วยค่าขนมกลางวัน ฉันอ้อนวอนขอร้องตาไม่ให้บอกแม่
ในยามที่ตาเห็นฉันแอบอยู่หลังบ้าน
และฉันก็เพียรพยายามทำอะไรต่อมิอะไรเท่าที่เด็ก ป.1 จะคิดและทำเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน
เมื่อไหร่ที่เป็นวันเสาร์ วันอาทิตย์ หรือวันหยุด
ฉันจะดีใจเหมือนได้แก้วสารพัดนึก
และวันหนึ่ง
พ่อ กับ ลุง ก็ทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรฉันไม่รู้
แต่ นั่น ทำให้ฉันรู้สึกดีใจมาก มากมาก
พ่อพาเราย้ายบ้านไปอยู่กรุงเทพฯ
ไชโย ฉันไม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..