13 กันยายน 2553 10:40 น.
ก้าวที่...กล้า
รักเขามากกระนั้นหรือ
ถึงสิบนิ้วสองมือช่วยยื้อให้
เอาเท็จจริงผูกมัดเพื่อวัดใจ
มาตอกย้ำร่ำไรอยู่นั่นแล้ว (รำนาน)
รักเขามากก็ไปอยู่ใฝ่เฝ้า
มารุมเร้าเร่งร้อนสะท้อนแว่ว
ใช้สำนึกดีเลิศอันเพริศแพร้ว
คอยเป็นแนวร่วมไขร่วมไขว่คว้า (อยู่ทำไม)
รักเขามากหลงใหลอยู่ในฝัน
ผลักคืนวันผันหนีสิ่งมีค่า
หวังรอคอยคนไกลที่นัยน์ตา
ย้อนคืนมาปลอบขวัญเหมือนวันวาน (หรือยังไง)
รักเขามากเอาใจยกให้หมด
จึงคำพจน์หนุนนำทุกคำหวาน
เอาเท็จจริงจองจำผูกประจาน
มาเผาผลาญผู้ใดก็ไม่รู้ (เฮ้อ)
6 กันยายน 2553 13:00 น.
ก้าวที่...กล้า
ความทรงจำ
จากเช้าถึงค่ำฉันทำหาย
เมื่อวาน-เมื่อวานซืนกับเดียวดาย
ภาพทุกภาพคล้ายดับไปกับกาล
ฉันหวนทบทวนคิด
ทั้งที่ค่อนชีวิตล่วงเลยผ่าน
แต่ละก้าวแต่ละเท้าอันยาวนาน
อันตรธานด้วยผลของมนต์ใด
ฉันหวนทบทวนซ้ำ
มืดดำคำน้อยจะคอยไข
ก่อนนั้นช่วงโน้นเป็นเช่นไร
มีไหมรอยของใครในสายตา
ความทรงจำ
จากเช้าถึงค่ำฉันร่ำหา
เมื่อวาน-เมื่อวานซืนย้อนคืนมา
ภาพทุกภาพยังเลือนลาไร้ร่องรอย
31 สิงหาคม 2553 09:42 น.
ก้าวที่...กล้า
ท้องฟ้า ท้องฟ้า
เธออยู่ไกลดวงดาราหรือว่าใกล้
ฉันคิดถึงส่งเสียงอยู่เพียงใจ
บอกเขาหน่อยได้ไหมค่ำคืนนี้
ดอกไม้ ดอกไม้
ฝากได้ไหมถึงเขาในยามที่
ความรู้สึกเหนื่อยล้าทบทวี
บอกหัวใจดวงดีฉันห่วงใย
น้ำค้าง น้ำค้าง
เมื่อหมอกจางพรายรดเป็นหยดใส
เกาะเกี่ยวบนเรียวหญ้าตรงปลายใบ
ฝากรอยยิ้มละมุนละไมส่งให้ที
ผีเสื้อ ผีเสื้อ
ยังโอบเอื้อความรักไม่หน่ายหนี
คงนุ่มนวลอ่อนหวานเนิ่นนานปี
บอกหัวใจคนดีฉันผูกพัน
สายลม สายลม
ฝากพลิ้วพรมดวงใจให้สุขสันต์
นานเนิ่นนานเพียงไหนใกล้ไกลกัน
ไม่มีวันที่รักจะจืดจาง
26 สิงหาคม 2553 11:52 น.
ก้าวที่...กล้า
อยากตะโกนร่ำร้องให้ก้องโลก
ว่าหัวใจแสนโศกวิโยคศัลย์
น้ำตารินไหลท่วมแทบรวมกัน
ณ ตะวันจันทราดาราราย
อยากตะโกนก้องฟ้าเวลานี้
ในยามที่ย่ำแย่ใจแพ้พ่าย
ท่ามวิถีเกลื่อนกล่นของคนตาย
ที่แหวกว่ายมหาชลาลัย
อยากตะโกนร้องถามเอาความจริง
มีไหมสิ่งซื่อตรงยังสงสัย
ยามลูบหน้าปะจมูกเพียรผูกใน
อสงไขยไต่เต้นไม่เว้นวัน
อยากตะโกนป่าวร้องให้มองเห็น
ในหัวใจเยียบเย็นอยู่เช่นนั้น
ทุกระแหงแฝงทยอยเป็นร้อยพัน
ให้โจษจันชีวิตเช่นไม่เห็นใด
อยากตะโกนร่ำร้องให้ก้องโลก
ว่าข้างในแสนโศกวิโยคไหว
น้ำตานองท่วมท้นแทบล้นใจ
จักรวาลที่ว่าใหญ่ที่ไหนมี
19 สิงหาคม 2553 13:50 น.
ก้าวที่...กล้า
ปล่อยใจ
ลอยไปลอยไกลถึงไหนดีหนอ?
ดาวอังคารดาวศุกร์คงทุกข์พอ
แล้วปลูกท้อปลูกระกำให้ฉ่ำทรวง
ดวงดาว
อยู่บนห้วงหนหาวเป็นราวบ่วง
ลองลองเจาะเนื้อในทะลุทะลวง
ดังเช่นห่วงชู้ตส่งรักลงไป
ลมฝน
ยามปะปนลมหนาวยิ่งร้าวไหว
คอยสะท้อนรอยสะท้านเนิ่นนานใน
ดวงฤทัยซ้ำลมแดดที่แผดร้อน
ขวัญหาย
อยู่ตรงปลายทำนบเพราะหลบซ่อน
หรือจะพังกำแพงให้แรงย้อน
เป็นคลื่นคลอนปราสาท ณ หาดทราย
ปล่อยใจ
ลอยไปลอยไกลให้รอยหาย
...................................................
...................................................